ตอนที่ 2 / 2

2275 Words
 แพรพิศบิดตัวอย่างขี้เกียจบนเตียงนอนหนานุ่ม ไม่รู้ว่าเพราะความนุ่มสบายของที่นอนหรือไม่ ถึงทำให้เธอนอนหลับสนิทกว่าทุกคืน  เด็กหญิงก้าวลงจากเตียงแล้วเดินไปที่รูปของแม่ที่ถูกย้ายขึ้นมาชั้นบนพร้อมกับเสื้อผ้าข้าวของบางส่วนของเธอ ยังไม่ทันเอ่ยอรุณสวัสดิ์กับแม่ เธอก็ได้ยินเสียงรถคันหนึ่งแล่นออกจากบ้านไป เด็กหญิงจึงวิ่งไปดูที่ระเบียงห้อง เห็นท้ายรถยนต์คันที่เขาขับออกไปตามหาเธอเมื่อคืนนั้นลับตาไปแล้ว  "ป้านี"                                                                                       แพรพิศเรียกผู้อาวุโสที่กำลังเก็บถ้วยกาแฟและจานใบเล็กที่ใส่ครัวซองต์ลงบนถาด อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาส่งรอยยิ้มให้ พลางถาม         "อ้าว ตื่นแล้วเหรอหนูแพร"                                              "ขอโทษค่ะที่หนูตื่นสาย" แพรพิศเอ่ยกับผู้อาวุโสด้วยความเกรงใจ  สินีขมวดคิ้วแล้วถามกลับ "ขอโทษทำไม"                                       "หนูก็เลยไม่ได้มาช่วยป้าทำงานน่ะสิคะ"                                                 "โอ๊ย ไม่ต้องหรอก" ความจริงนอกจากป้านีที่นี่ก็มีสิริพรอีกคนที่มีหน้าที่ทำงานบ้าน แต่ช่วงที่เธอมาอยู่อีกฝ่ายได้ลากลับบ้านเช่นกัน เห็นป้านีบอกว่าเพิ่งกลับมาถึงเมื่อวานตอนหัวค่ำแล้ว                          "ไม่ต้อง ไม่ต้องช่วยป้าหรอก"                                                "ไม่ช่วยได้ยังไงคะ หนูแค่มาอาศัยเขาอยู่ ควรที่จะต้องช่วยป้าทำงานเป็นการตอบแทนคุณอัครด้วย" เด็กหญิงกล่าวอย่างจริงใจ ความจริงก็ต้องเป็นเช่นนี้ ถึงแม้เจ้าของบ้านจะต้อนรับเธอดีขึ้น ด้วยการย้ายห้องพักจากห้องคนรับใช้ไปเป็นห้องรับรองบนชั้นสอง แต่แพรพิศก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ ด้วยไม่รู้แน่ว่าเขาจะต้อนรับเธอในฐานะอาคันตุกะชั่วครั้งชั่วคราวหรือไม่                                                                    "ไม่ต้อง ไม่ต้องช่วยอะไรป้าหรอก พี่พรก็มาแล้ว" แล้วหันกลับไปที่สาวใช้ชาวอีสานอีกคนที่กำลังเดินส่งยิ้มมาให้เด็กหญิงด้วย        ก่อนที่ป้าแม่บ้านผู้ใจดีจะยกถาดสำรับมื้อเช้าของเจ้านายหนุ่มไปเก็บ ก็หันกลับมาบอกเด็กหญิง เมื่อนึกอะไรออก "อ้อ กับข้าวป้าเตรียมไว้ให้หนูในห้องครัวนะ กินข้าวกินปลาให้เรียบร้อย เดี๋ยวสายๆ ป้าจะพาหนูไปซื้อของ"                                                                                   "คะ?"                                                                                        "คุณอัครบอกว่าให้ป้าพาหนูไปซื้อเสื้อผ้า ข้าวของเพิ่ม หนูอยากได้อะไรอีก ก็ไปนึกดูด้วยล่ะกัน จะได้ซื้อให้ครบเสียทีเดียว"                "แต่หนูไม่มีเงินนะคะ" เด็กหญิงแย้งเสียงอ่อยๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอมีเงินไม่กี่พันบาทเอง เป็นเงินที่ค้างในกระเป๋าเงินของแม่ ส่วนเงินของแม่ที่ยังอยู่ในธนาคาร ตั้งแต่แม่เสีย ก็ไม่มีใครพาเธอไปจัดการธุระเรื่องดังกล่าวเลย                                                                                              "เด็กโง่" สินีทั้งดุทั้งเอ็นดู แล้วรีบบอก "คุณอัครฝากเงินไว้ที่ป้าเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องใช้เงินหนูหรอก"                                                      แพรพิศค่อยยิ้มออก เพราะนี่อาจแสดงว่า เขาคงล้มเลิกความคิดที่จะส่งเธอกลับไปหาบิดาและย่าผู้ที่จิตใจคับแคบแล้วสิ     เด็กหญิงสาวรู้สึกสบายใจขึ้น แล้วรีบเดินตามผู้อาวุโสเข้าไปในครัว ไปกินข้าวเช้าให้เรียบร้อย เดี๋ยวจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกแล้ว พอได้ออกมาเปิดหูเปิดตา อารมณ์เศร้าภายในใจหลังจากสูญเสียมารดาของแพรพิศค่อยดีขึ้นมาบ้าง เธอก็เหมือนกับเด็กหญิงทั่วๆ ไป ที่เมื่อได้มาเห็นสิ่งสวยๆ งามๆ เพลินหูเพลินตารอบตัวอารมณ์ก็เบิกบานขึ้น ขณะที่ซื้อข้าวของที่แพรพิศขาดเหลือเรียบร้อย และกำลังจะกลับ เผอิญสินีก็ได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งโดยบังเอิญ                          "อ้าว ป้านี"                                                                                "คุณพีท" สินีร้องทักบุรุษร่างสูงผิวขาว หน้าตาละม้ายคล้ายกับอัคราเจ้านายของตน ผิดกันก็ที่ชายหนุ่มคนนี้มีผมหยักโศกสีน้ำตาลเข้ม และที่สำคัญแววตามักส่องประกายสดใสกว่าเจ้านายตนเสมอ                     ชายหนุ่มร่างสูงในชุดลำลองหลุบมองเด็กหญิงที่เดินมากับสินี พลางถามสั้นๆ "แล้วนี่"  สินีไม่ทันจะตอบ พิมานก็คาดเดาได้ว่า "เอ๊ะ คงเป็นตัวยุ่งเมื่อวานล่ะสินะ"                                                                                         "ใช่แล้วค่ะ คุณพีท อ้อ" แล้วรีบแนะนำเด็กหญิงที่ยืนส่งสายตาสงสัยไปมาระหว่างตนกับชายหนุ่มคนนี้ "แพรนี่คุณพีท เป็นญาติของคุณอัคร" แพรพิศเลยต้องรีบยกมือไหว้เขา ในขณะที่สองมือยังหิ้วถุงพะรุงพะรัง                                                                             พิมานรับไหว้ด้วยรอยยิ้ม เขามองดูนาฬิกาข้อมือ เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลา จึงเอ่ยปากชวนเด็กคนนี้ดู "อยากกินขนมเค้กอร่อยๆ ก่อนกลับมั้ย ฉันจะพาไปกินเอง"                                                         "จะดีหรือคะคุณพีท" สินีรีบถามด้วยความเกรงใจ               พิมานยิ้มก่อนแล้วตอบ "ดีสิ เพราะธุระผมเสร็จแล้ว ยังพอมีเวลาก่อนจะกลับเข้าบริษัท"                                                                     "ว่าไงไปมั้ย ร้านตรงหน้ามีขนมเค้กอร่อยๆ ด้วยนะ" ก้มหน้าบอกเด็กหญิง พร้อมกับพยักเพยิดไปยังร้านขนมและเครื่องดื่มชื่อดังที่เขาหมายถึง  แพรพิศหันไปมองผู้อาวุโส อีกฝ่ายก็พยักหน้าขึ้นลงเบาๆ   "ค่ะ ไปก็ได้ค่ะ"                                                               เมื่อมานั่งอยู่ภายในร้านขนมแล้ว พิมานสั่งแค่กาแฟแก้วเดียวมาดื่ม ในขณะที่เด็กและแม่บ้านของอัคราก็สั่งขนมและเครื่องดื่มคนละอย่างเท่านั้น ชายหนุ่มนั่งดูคนสองวัยที่กินขนมอย่างเอร็ดอร่อยก็เพลินตาดี ขณะนั้นดวงตากลมใสคู่ตรงหน้าได้ช้อนขึ้นมาพอดี เขาเห็นเธอทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างระหว่างที่สบตากัน พิมานเลยรีบวางกาแฟลงกับจานใบเล็ก แล้วเป็นฝ่ายถามเสียเอง                               "มีอะไรอยากจะพูดกับฉันเหรอ"                                        "คุณเหมือนคุณอัครค่ะ บางมุมก็เหมือนมาก จนคิดว่าเป็นพี่น้องกับคุณอัครได้เลย"                                                                        "เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน มีหลายคนเคยบอกฉันว่าเราหน้าคล้ายๆ กันเหมือนที่เธอพูดนี่แหละ" พิมานตอบ                              "ถึงภายนอกจะเหมือนกัน แต่..." น้ำเสียงใสๆ เลือนหายไปเสียอย่างนั้น เธอทำท่าคิดอะไรบางอย่างไปด้วย                                                 "ยังไง"                                                                          "แต่คุณดูใจดีกว่าคุณอัครค่ะ คุณพูดง่าย ยิ้มง่าย ไม่เหมือน..."          "อัคร"                                                                                                แพรพิศพยักหน้ารับ                                                                   "ใครก็ว่าอย่างที่เธอบอกเหมือนกันนะ แต่เธอก็ช่วยเข้าใจเขาหน่อย นายอัครเป็นคนมีปม" เอ่ยแล้วก็ยกกาแฟมาจิบ พร้อมกับมองเด็กหญิงตรงหน้าที่ยังสบตาเขาอยู่ตลอด แล้วเธอก็พูดขึ้น                       "เป็นเพราะแม่หนูใช่มั้ยคะ" เด็กหญิงถามแล้วก็ใช้ช้อนจ้วงตักเนื้อเค้กขึ้นมา แต่ยังไม่ทันส่งเข้าปาก ยังจ้องคนตรงหน้าคล้ายรอคอยการยืนยัน   พอได้ออกมาเปิดหูเปิดตา อารมณ์เศร้าภายในใจหลังจากสูญเสียมารดาของแพรพิศค่อยดีขึ้นมาบ้าง เธอก็เหมือนกับเด็กหญิงทั่วๆ ไป ที่เมื่อได้มาเห็นสิ่งสวยๆ งามๆ เพลินหูเพลินตารอบตัวอารมณ์ก็เบิกบานขึ้น ขณะที่ซื้อข้าวของที่แพรพิศขาดเหลือเรียบร้อย และกำลังจะกลับ เผอิญสินีก็ได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งโดยบังเอิญ                          "อ้าว ป้านี"                                                                                "คุณพีท" สินีร้องทักบุรุษร่างสูงผิวขาว หน้าตาละม้ายคล้ายกับอัคราเจ้านายของตน ผิดกันก็ที่ชายหนุ่มคนนี้มีผมหยักโศกสีน้ำตาลเข้ม และที่สำคัญแววตามักส่องประกายสดใสกว่าเจ้านายตนเสมอ                     ชายหนุ่มร่างสูงในชุดลำลองหลุบมองเด็กหญิงที่เดินมากับสินี พลางถามสั้นๆ "แล้วนี่"                                                                                    สินีไม่ทันจะตอบ พิมานก็คาดเดาได้ว่า "เอ๊ะ คงเป็นตัวยุ่งเมื่อวานล่ะสินะ"                                                                                         "ใช่แล้วค่ะ คุณพีท อ้อ" แล้วรีบแนะนำเด็กหญิงที่ยืนส่งสายตาสงสัยไปมาระหว่างตนกับชายหนุ่มคนนี้ "แพรนี่คุณพีท เป็นญาติของคุณอัคร"       แพรพิศเลยต้องรีบยกมือไหว้เขา ในขณะที่สองมือยังหิ้วถุงพะรุงพะรัง                                                                             พิมานรับไหว้ด้วยรอยยิ้ม เขามองดูนาฬิกาข้อมือ เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลา จึงเอ่ยปากชวนเด็กคนนี้ดู "อยากกินขนมเค้กอร่อยๆ ก่อนกลับมั้ย ฉันจะพาไปกินเอง"                                                         "จะดีหรือคะคุณพีท" สินีรีบถามด้วยความเกรงใจ               พิมานยิ้มก่อนแล้วตอบ "ดีสิ เพราะธุระผมเสร็จแล้ว ยังพอมีเวลาก่อนจะกลับเข้าบริษัท"                                                                     "ว่าไงไปมั้ย ร้านตรงหน้ามีขนมเค้กอร่อยๆ ด้วยนะ" ก้มหน้าบอกเด็กหญิง พร้อมกับพยักเพยิดไปยังร้านขนมและเครื่องดื่มชื่อดังที่เขาหมายถึง แพรพิศหันไปมองผู้อาวุโส อีกฝ่ายก็พยักหน้าขึ้นลงเบาๆ   "ค่ะ ไปก็ได้ค่ะ"                                                               เมื่อมานั่งอยู่ภายในร้านขนมแล้ว พิมานสั่งแค่กาแฟแก้วเดียวมาดื่ม ในขณะที่เด็กและแม่บ้านของอัคราก็สั่งขนมและเครื่องดื่มคนละอย่างเท่านั้น ชายหนุ่มนั่งดูคนสองวัยที่กินขนมอย่างเอร็ดอร่อยก็เพลินตาดี ขณะนั้นดวงตากลมใสคู่ตรงหน้าได้ช้อนขึ้นมาพอดี เขาเห็นเธอทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างระหว่างที่สบตากัน พิมานเลยรีบวางกาแฟลงกับจานใบเล็ก แล้วเป็นฝ่ายถามเสียเอง                               "มีอะไรอยากจะพูดกับฉันเหรอ"                                        "คุณเหมือนคุณอัครค่ะ บางมุมก็เหมือนมาก จนคิดว่าเป็นพี่น้องกับคุณอัครได้เลย"                                                                        "เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน มีหลายคนเคยบอกฉันว่าเราหน้าคล้ายๆ กันเหมือนที่เธอพูดนี่แหละ" พิมานตอบ                              "ถึงภายนอกจะเหมือนกัน แต่..." น้ำเสียงใสๆ เลือนหายไปเสียอย่างนั้น เธอทำท่าคิดอะไรบางอย่างไปด้วย                                                 "ยังไง"                                                                          "แต่คุณดูใจดีกว่าคุณอัครค่ะ คุณพูดง่าย ยิ้มง่าย ไม่เหมือน..."          "อัคร"                                                                                                 แพรพิศพยักหน้ารับ                                                                   "ใครก็ว่าอย่างที่เธอบอกเหมือนกันนะ แต่เธอก็ช่วยเข้าใจเขาหน่อย นายอัครเป็นคนมีปม" เอ่ยแล้วก็ยกกาแฟมาจิบ พร้อมกับมองเด็กหญิงตรงหน้าที่ยังสบตาเขาอยู่ตลอด แล้วเธอก็พูดขึ้น                       "เป็นเพราะแม่หนูใช่มั้ยคะ" เด็กหญิงถามแล้วก็ใช้ช้อนจ้วงตักเนื้อเค้กขึ้นมา แต่ยังไม่ทันส่งเข้าปาก ยังจ้องคนตรงหน้าคล้ายรอคอยการยืนยัน "อืม" พิมานรับคำสั้นๆ เขาไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ได้รู้เรื่องราวระหว่างพี่ชายของเขาและมารดาเธอมากแค่ไหน                                    "แม่เล่าให้หนูฟังหมดแล้วล่ะค่ะ เรื่องของแม่และคุณอัคร แม่บอกว่าคุณอัครเคยเป็นคนรักเก่าของแม่"                                      พิมานทำท่าลำบากใจขึ้น เด็กนี่สามารถพูดถึงเรื่องนั้นได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลยแหะ "ก็ ประมาณนั้น”                                                 "นี่คงเป็นอีกสาเหตุที่คุณอัครไม่อยากให้หนูอยู่ใกล้" เธอไม่ได้ถาม แต่เหมือนอยากตัดพ้อกับเขามากกว่า ในขณะที่สินีก็เพิ่งทราบว่าอรพิมกับเจ้านายตนมีความเกี่ยวข้องกันในฐานะคนรักเก่ากันนั่นเอง     ผู้อาวุโสที่สุดยกน้ำผลไม้ปั่นมาดูดกลั้วคอแล้วฟังบทสนทนาระหว่างแพรพิศและพิมานต่อไป "อย่าไปคิดอย่างนั้นน่า อัครก็คงต้องคิดหลายๆ อย่าง ต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ เพราะการอุปการะใครสักคนเป็นเรื่องใหญ่นะ ไม่ง่ายหรอก อีกอย่าง... เกิดว่าวันหนึ่งอัครมี เอ่อ"                                "คุณหมายถึงการแต่งงานหรือคะ"                                                 พิมานทำท่าประหลาดใจ เด็กนี่หัวไวเข้าใจอะไรได้เร็วดีนี่ เขาจึงพยักหน้า แล้วสำทับอีก "อืม เพราะเรื่องมันไม่ได้กระทบแค่อัคร แต่กระทบกับผู้หญิงของอัครด้วย ที่ฉันพูดไม่รู้ว่าเธอจะเข้าใจอะไรมากมั้ย แต่อย่าเพิ่งไปคาดคั้นเขาให้มากนัก"                                                      แล้วแพรพิศก็หน้าม่อยลง จริงสินะ อีกหน่อยถ้าเขามีครอบครัว แล้วเธอก็จะยิ่งเป็นส่วนเกินต่อชีวิตของเขาน่ะสิ เด็กหญิงวางช้อนด้วยไหล่ที่ลู่ลงทั้งสองข้าง ก่อนจะค่อยๆ ช้อนดวงตาขึ้นมารับคำชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางที่หงอยเหงาลง                                      "หนูเข้าใจแล้วค่ะ"                                                         คนอย่างเธอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ตรงไหน ก็เหมือนไม่เป็นที่ต้องการของใครทั้งนั้น ไม่ว่าเขาหรือกับบ้านของพ่อ พ่อที่ทำให้เธอเกิดมาแท้ๆ ท่านยังไม่ต้องการเลย  หลังจากพาหนึ่งเด็กและหนึ่งผู้อาวุโสไปเลี้ยงขนม และเครื่องดื่มอร่อยๆ กันแล้ว พิมานกำลังเดินออกจากร้านมาพร้อมกับแพรพิศ ส่วนสินีเดินตามหลังทั้งสองอยู่ไม่ห่าง                                     ขณะนั้น เท้าทั้งสองข้างของแพรพิศก็ก้าวไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆ  พิมานสังเกตเห็นดวงตาของเด็กหญิงมองไปยังร่างของใครคนหนึ่งที่เดินผ่านหน้าร้านไป เขามองตาม จึงเห็นผู้ชายวัยสี่สิบเดินจูงมือกับเด็กหญิงคนหนึ่งในวัยไล่เลี่ยกับเธอ คิ้วของเขาขมวดเข้าด้วยกันอย่างสงสัย จากนั้นก็ได้ยินเสียงเธอถอนหายใจอย่างดังพร้อมกับเริ่มขยับเท้าเดินออกจากร้านเบอเกอรี่นี้ไป                               
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD