ตอนที่ 5 / 1

1779 Words
แพรพิศเงยหน้าจากหน้าจอขนาดใหญ่ เห็นหญิงสาวที่เธอเจอที่ร้านอาหารเมื่อวันก่อนพร้อมกับอัครา กำลังส่งสายตาแคลบเคลืองมาที่เธออยู่  ชนิภาถาม แล้วมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูก แพรพิศรีบยืนขึ้น ยกมือไหว้หญิงสาวตรงหน้า อีกฝ่ายรับไหว้ด้วยกิริยาที่มองเธอราวกับเป็นตัวแปลกประหลาดของที่นี่ ยังไม่ทันตอบคำถาม มาลินีก็เปิดประตูออกมาจากห้องทำงานของอัครามาเสียก่อน "คุณแคร์"  "แคร์มาหาพี่อัครน่ะค่ะ" ชนิภาตอบเลขาฯ ก่อนจะส่งสายตามาที่หญิงสาวอีกคนด้วยความสงสัย "แล้วนี่อะไรกันคะ ทำไมถึงมีเลขาฯหน้าห้องพี่อัครถึงสองคน"  น่าแปลก แล้วทำไมต้องเจาะจงเป็นหญิงสาวที่อัคราได้อุปการะไว้ หรือเป็นความต้องการของอัคราเองที่ให้หญิงสาวคนนี้มาทำงานนี้ด้วย  "อ้อ แพรพิศ หรือน้องแพรจะมาทำงานแทนพี่สักระยะก่อนน่ะค่ะ" มาลินีรีบอธิบาย                                                                       "ทำไมล่ะคะ" ชนิภาไม่เข้าใจ ในเมื่ออัครามีเลขาฯที่เก่งอย่างมาลินีอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องมีเลขาฯอีกคนมาประกบด้วย แต่เมื่อมาลินีเล่าถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดแล้ว ชนิภาก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจมากขึ้น จากนั้นจึงขอตัวไปหาอัคราในห้องทำงานต่อไป                     "ไม่มีอะไรแล้วนะแพร คุณแคร์คงแปลกใจน่ะ"               มาลินีหันมาเอ่ยกับหญิงสาวอีกคนยิ้มๆ หลังจากชนิภาหายเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธานฯแล้ว     "ค่ะ"                                                                             แพรพิศรับคำสั้นๆ ดูเหมือนการที่เธอมาอยู่ที่นี่ มีแต่จะสร้างความแปลกใจให้กับใครต่อใครดีนะ                                                          "แล้วข้อมูลที่พี่ให้แพรช่วยหาให้ ได้รึยัง"                             "แพรสั่งพิมพ์ให้แล้วค่ะ"                                                              "ดี ถ้าเรียบร้อยแล้วแพรช่วยเอาไปให้คุณอัครในห้องด้วยนะ พี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน ออกจากห้องประชุมมา กะว่าจะแวบไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย คุณอัครก็มาเรียกไว้ซะก่อน" แล้วทำหน้าทำตาเหมือนคนทนกลั้นปัสสาวะมานาน จากนั้นก็เดินจากไปยังห้องน้ำทันที                      ทิ้งให้แพรพิศยืนดูกระดาษที่ค่อยๆ ออกมาจากเครื่องพิมพ์แผ่นแล้วแผ่นเล่าแทน  อัคราเงยหน้าจากงานบนโต๊ะ มองหญิงสาวที่เดินมาหาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ชนิภานั่นเอง เธอมาถึงก็นั่งลงตรงหน้าเขา แล้วก็พูดออกมาว่า  "แคร์ไม่ได้มาที่นี่ร่วมอาทิตย์ พี่อัครได้เลขาฯใหม่ซะแล้ว"             "แคร์หมายถึง แพรรึเปล่า"                                                            "ค่ะ"                                                                             เขาไม่รู้ว่าที่ชนิภาพูดขึ้นมานี่เพราะอะไร จับผิดหรือแค่เอ่ยถึงเฉยๆ "ก็ไม่แปลกนี่ คุณลินบอกแคร์แล้วใช่มั้ย"                                     "ค่ะ แคร์เจอคุณลินหน้าห้อง คุณลินเล่าให้แคร์ฟ้งถึงสาเหตุที่ต้องหาเลขาฯเฉพาะกิจมาให้พี่อัครแล้ว" อัครารู้สึกอึดอัด จริงๆ ชนิภามีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัย ว่าทำไมถึงต้องเป็นแพรพิศ อาจจะคิดว่าเป็นการใช้เส้นสาย เพราะเห็นว่าเขาอุปการะเธอไว้ ชนิภาเห็นคิ้วเข้มของอัคราขมวดเข้าด้วยกันทันที แววตาดำมืดลงคล้ายอึดอัดหรือไม่ชอบใจ เธอรีบวางมือลงบนมือหนาของเขา ยิ้มแล้วเอ่ยเองว่า "แต่พี่อัครไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ แคร์เข้าใจสถานการณ์ดี ท่าทางเด็กคนนี้ก็เรียนรู้งานได้ไวดีนะคะ"    "ทำไมถึงรีบตัดสินล่ะ เธอเพิ่งมาทำงานยังไม่ถึงครึ่งวันเลยนะ" อัคราดักคอคนรักว่าต้องการพูดแบบเอาใจเขาไว้ก่อนแน่ และขณะนั้นประตูห้องเปิดออกเผยร่างบางที่เดินถือเอกสารจำนวนหนึ่งมาด้วย                 แพรพิศเห็นคนทั้งสองจับมือกันบนโต๊ะ เธอวางสีหน้าไม่ถูกทีเดียว เธอไม่ได้ตั้งใจจะมาขัดจังหวะของคนทั้งสองนะ                              อัคราค่อยๆ ดึงมือตัวเองออกจากมือของหญิงสาวตรงหน้า  ส่วนชนิภาก็หมุนเก้าอี้กลับไปมองหญิงสาวอีกคนที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ทันที ดวงตาคู่นั้นมองดูเสื้อและกระโปรงที่แพรพิศสวมใส่สลับขึ้นลง แล้วจู่ๆ ชนิภาก็หมุนกลับไปคุยกับอัคราทันทีว่า  "แคร์ ไม่รู้ว่าแพรจะมาทำงานวันนี้ ถ้ารู้ แคร์จะได้เอาเสื้อผ้าชุดใหม่ๆ ที่แคร์ซื้อมาแล้วไม่ได้ใส่มาให้"                                                  แพรพิศตกใจ เผลอหยุดเดินแล้วก้มมองดูเสื้อและกระโปรงที่เธอสวมใส่มาทำงานในวันนี้ไปด้วย เธอไม่เข้าใจว่าทำไม หญิงสาวคนนี้ จู่ๆ ก็พูดเรื่องเสื้อผ้าเธอขึ้นมา                                                                         อัคราก็สังเกตและเขามีสีหน้าเคร่ง พลางเบือนสายตาที่หญิงสาวตรงหน้า เธอยังคงพูดไม่หยุดด้วยน้ำเสียงแจ่มใส เหมือนไม่รู้ตัวว่าพูดหรือทำอะไรผิดไป                                                                 "พอดีแคร์ซื้อชุดสวยๆ มาเก็บไว้หลายชุด มีขนาดก็เท่ากับแพรด้วยนะคะ รู้อย่างนี้แคร์คงเอามาให้แพรแล้วล่ะค่ะ"                               ก่อนจะมองเห็นสายตาแปลกๆ ของอัคราที่มองเธอปริบๆ เธอจึงถามกลับว่า "ทำไมคะ ตายจริง! อย่าเข้าใจเจตนาแคร์ผิดนะ เสื้อผ้าที่แคร์จะเอามาให้แพร เป็นชุดใหม่นะคะ เป็นของดีๆ มีราคา และป้ายราคายังไม่ได้แกะเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่ของที่ใช้แล้วนะ"                         จากนั้นชนิภาก็หมุนเก้าอี้หมุนกลับไปมองหญิงสาวอีกคนด้วยสีหน้าเหลอหลา ตกใจ "อย่าเข้าใจฉันผิดนะ"                                  แพรพิศพยายามข่มความอาย และพยายามคิดในแง่ดีว่า ชนิภาไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกเธอหรอกกระมัง                                         เสื้อผ้า ชุดที่เธอสวมใส่ ไม่ใช่แบรนด์เนมเหมือนที่อีกฝ่ายใส่มาทั้งตัว ไม่มีราคาสูง นี่คงไม่ใช่การมาดูถูกเธอทางอ้อมหรอก              แพรพิศขยับเท้าเข้ามาอีกก้าว วางเอกสารปึกนั้นลงกับโต๊ะ เอ่ยกับอัคราราบเรียบว่า "ข้อมูลที่คุณอัครอยากได้ค่ะ"                          จากนั้นก็หันหน้าไปทางชนิภาแล้วตอบกลับด้วยท่าทางสงบ ซ่อนความขุ่นเคืองใจเอาไว้ให้มิด "แพรต้องขอบคุณคุณแคร์มากนะคะสำหรับชุดพวกนั้น แต่แพรคงรับไม่ได้หรอกค่ะ เสื้อผ้าของแพรแม้จะราคาถูกกว่าเสื้อผ้าของคุณแคร์                  แต่แพรก็ภูมิใจที่ซื้อมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง อ้อ เป็นเงินที่แพรหามาได้เองในช่วงที่เรียนอยู่อังกฤษน่ะค่ะ ไม่เชื่อก็ถามคุณอัครสิคะ แพรทำงานพิเศษอะไรบ้างตอนเรียนอยู่ที่นั่น" จากนั้นก็หมุนตัวจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย                                  ชนิภารีบหมุนกลับมาหาชายหนุ่มอีกครั้ง "แคร์พูดอะไรผิดไปรึเปล่าคะ แคร์ไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกแพรนะ แคร์แค่เห็นว่าตัวเองมีชุดสวยๆ ใหม่ๆ ที่ใส่ไม่ได้แล้วอยู่หลายชุด จะให้แพรใส่มาทำงานบ้าง แค่นั้นเองนะคะ"                                                                                ชนิภาร้อนตัวรีบพยายามอธิบายในมุมของเธอว่าไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกหญิงสาวอีกคน อัคราส่ายหน้าน้อยๆ แล้วแนะนำเธอว่า "ถ้าแคร์มีเจตนาดีจริง วันหลังแคร์ก็ต้องระมัดระวังที่จะใช้คำพูดกว่านี้นะ"                            ชนิภาหน้าเจื่อนลง เธอโดนอัคราดุจนได้ "แคร์ขอโทษค่ะ แคร์ไม่ทันคิดให้รอบคอบเอง ให้แคร์ไปขอ..."                                          "ช่างเถอะ" อัคราเป็นฝ่ายตัดบท "รอพี่หน่อย มีเอกสารต้องตรวจอีกสามสี่แผ่น แล้วเราค่อยไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน"                          อัคราตัดบทแล้ว ชนิภายิ้มสดชื่นแล้วตอบรับทันที "ได้ค่ะ"  แพรพิศเปิดประตูห้องทำงานท่านประธานฯ ออกมา เห็นมาลินีกลับมานั่งที่เดิมแล้ว สีหน้าเธอคงไม่ดี อีกฝ่ายจึงถามด้วยความเป็นห่วง            "แพรเอาเอกสารให้คุณอัครดูแล้วใช่มั้ยจ๊ะ"                              "ค่ะ"                                                                                          "มีอะไรรึเปล่าแพร สีหน้าไม่ค่อยดีเลย"                                 "แพรคงแค่หิวน่ะค่ะ ตอนเช้าแพรรองท้องมาแค่ขนมปังแผ่นเดียวกับกาแฟเท่านั้นเอง"                                                 มาลินีรีบอุทานเพราะเหมือนจะนึกอะไรได้ "ตายจริง! พี่ลืมบอกว่าห้องที่เราใช้เบรก ทานของว่าง ชงกาแฟ ดื่มกาแฟจะอยู่..."                "แพรรู้แล้วล่ะค่ะ พี่ลินทำงานไปเถอะ เดี๋ยวแพรไปหาอะไรดื่มรองท้องหน่อย" เธอรีบบอก แล้วก็เดินตรงไปยังห้องพักเบรกนั่น ความจริงเธอไม่ได้หิวหรอก แค่รู้สึกสูญเสียความมั่นใจอย่างแรงเท่านั้น                      อัคราจะรู้หรือไม่ ว่าคนรักของเขากำลังเหยียดเธอทางอ้อม อ้อ เขาคงเล่าเรื่องเธอที่เป็นเด็กอนาถา ต้องพึ่งพาให้เขาส่งเรียนจนจบให้คนรักของเขาฟังหมดแล้วสินะ ผู้หญิงของเขาถึงได้แสดงออกถึงความดูถูกเธอต่อหน้าเขาแบบนั้น      หรือจริงๆ แล้วเขาก็เหมือนกับคนรักเขานั่นแหละ ตอนเช้าถึงได้ส่งสายตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า                                    แพรพิศคิดด้วยรู้สึกน้อยใจที่สุด    เมื่อแพรพิศออกจากห้องพักเบรกมา ก็เป็นเวลาเดียวกับที่เห็นหญิงสาวคนนั้นเดินควงแขนอัคราผ่านหน้าเธอไปพอดี                                  หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง เธอจะต้องทนเห็นคนรักที่แสดงความรักต่อหน้าต่อตาไปอีกนานแค่ไหนนะ เพราะความเห็นใจที่มีให้มาลินีนั่นเอง ถึงทำให้เธอต้องมาตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้      เลิกงานแล้ว... แพรพิศได้พาตัวเองมาอยู่ตรงแผนกเสื้อผ้าสำหรับสตรี ณ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง จริงๆ เธอไม่ได้อ่อนไหว หรือพ่ายแพ้ให้กับการดูถูกกลายๆ ของผู้หญิงคนนั้นหรอกนะ แต่แค่เธอต้องการหาเสื้อผ้าเพิ่มสักสองสามชุดเพื่อใส่สำหรับทำงานเท่านั้นเอง หญิงสาวถอนหายใจจนตัวโยน วันแรกของการทำงานก็มีอันให้รู้สึกเหนื่อยหน่ายใจชอบกล                                                               ขณะที่เดินดูกางเกงสแล็คสำหรับใส่ทำงาน เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น หญิงสาวล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าสะพาย ก่อนจะพบว่าเป็นพิมานนั่นเองที่โทร.มา                                แพรพิศรีบกดรับทันที "สวัสดีค่ะ คุณพีท"                                 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD