ห่างตา…5/3

1131 Words
เนื่องจากเจ้าของงานวันเกิดอายุมากแล้วจึงต้องรักษาสุขภาพตัวเองเพื่อที่จะยืนหยัดอยู่ได้อีกนานเลยเลือกจัดงานวันเกิดในตอนกลางวันและบริจาคสิ่งของแก่มูลนิธิทั้งหลาย ประมาณสี่โมงเย็นแขกทั้งหมดก็ทยอยพากันกลับ จักราเดินเข้ามาหาลูกน้องรวมถึงหญิงสาวที่ยืนรออยู่ในมุมหนึ่งของบ้าน อีกไม่นานเขาก็จะกลับแล้วเช่นกัน เพราะบ้านหลังนี้ในความรู้สึกก็เป็นเพียงแค่สถานที่แห่งหนึ่งสำหรับเขา มันไม่มีคำว่าบ้านตั้งแต่มารดาจากไปแล้ว “เดี๋ยวอีกสักพักเราก็จะกลับกันแล้ว ฉันขอคุยอะไรกับป๊าอีกหน่อย” “ครับเฮีย ตามสบายครับ” ดวงตาคมหันไปมองที่จันทร์เจ้า ที่ทำหน้าเบื่อหน่ายงานนี้อย่างไม่คิดปิดบัง แถมเธอยังทำท่ายืดแขนยืดขาปวดเมื่อยที่ต้องยืนนานอีกด้วย “เมื่อยมากก็ไปหาที่นั่งก่อนไป” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมา ทั้งคิมหันต์และสาโรจน์อมยิ้ม “กลับไปรอที่คอนโดเลยได้หรือเปล่าคะ” “มากไปหน่อยมั้ง” “ง่วงนอน มีที่นอนให้หรือเปล่าล่ะ” “เกินไป” “นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ ไม่รู้จะแบกมาด้วยทำไม” นั่นน่ะสิ ให้อยู่ที่เพนต์เฮาส์ก็สิ้นเรื่อง จะแบกมาด้วยทำไม ภาระ! เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้ “ทนหน่อย จะรีบคุยรีบเสร็จ” “เฮียใหญ่คะ” เสียงหวานของกรองแก้วเรียกเขาจากทางด้านหลัง แล้วเธอก็เดินมาหยุดอยู่เคียงข้าง “ครับ” กรองแก้ววางสายตาไว้ที่ใบหน้าสวยหมดจดของผู้หญิงที่เธอสังเกตเห็นหลายครั้งว่าคู่หมั้นของเธอมองหา ภายในใจคนที่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของในตัวเขามันเต้นเร่าเมื่อมองโลกในความเป็นจริงออก แต่ก็เก็บซ่อนทุกอย่างไว้ภายในใจ ก็แค่ผู้หญิงที่เฮียใหญ่คบไว้เล่น ๆ อย่าคิดมาเทียบชั้นอะไรกับเธอ “พอดีป๊าของแก้วอยากคุยกับเฮียค่ะ” “อ้อ ได้ครับ” ปัง! ก่อนที่จักรากับกรองแก้วจะหมุนตัวเดินกลับไป แต่แล้วก็เกิดเสียงดังขึ้นมาคล้ายเสียงปืนลั่น เสียงนั้นส่งผลต่อจันทร์เจ้าเป็นอย่างมาก มันสะท้อนอยู่ภายใต้จิตสำนึกว่าเป็นเสียงของปลายกระบอกปืนที่บิดาได้ปลิดชีพตัวเอง มันทำให้เธอผวาหาที่ซุกซบ ซึ่งนั่นก็เป็นอกแกร่งที่เปรียบดั่งกำแพงอันอบอุ่นให้เธอเสมอมา หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงขึ้น น้ำตาเอ่อท้นโดยไม่รู้ตัว ร่างบางสั่นสะท้านในยามที่เผลอโผเข้าไปกอดจักราแน่น เหมือนเด็กขี้กลัวยามต้องการที่พึ่งพิงท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่หันมามอง จักราที่ไม่ทันตั้งตัว ชะงักไปทันที แววตาคมที่เย็นชามาตลอดพลันอ่อนแสงลงเมื่อรับรู้ถึงแรงสั่นไหวจากร่างในอ้อมกอด เขายกมือขึ้นช้า ๆ ลูบไล้แผ่นหลังเธอเบา ๆ พลางก้มลงกระซิบปลอบเสียงต่ำ “ไม่เป็นไร แค่ลูกโป่ง ไม่ใช่ปืน” เหตุการณ์เกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งนาทีจันทร์เจ้าก็รู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป พอเธอตั้งสติได้ก็รีบผละตัวออกอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาแขกหลายคนที่ต่างก็หันมามองด้วยความแปลกใจ และในวินาทีนั้น “ขอโทษค่ะเฮีย ฉันตกใจมากไปหน่อย” หญิงสาวสูดลมหายใจและเป่าลมออกช้า ๆ ใบหน้าซีดเผือด คิมหันต์กับสาโรจน์จึงช่วยพาตัวเธอออกไปจากตรงนั้น เขาเองก็ไม่ได้สนใจสายตาของกรองแก้วมากนักว่าจะมองอย่างไร พยักหน้าแล้วเดินไปทางบิดาของเธอที่ยืนคุยอยู่กับบิดาของเขา เสียงน้ำจากก๊อกไหลดังแผ่วเบาผ่านมือเรียวที่ถูกันจนสะอาดแล้วจึงเอื้อมปิด หันไปดึงกระดาษทิชชูมาซับน้ำให้หมาด ก่อนมองหน้าที่ยังออกสีซีดของตัวเองในกระจก จันทร์เจ้าพยายามรวบรวมกำลังใจให้กลับมาเป็นปกติ เหมือนเสียงดังลักษณะนี้จะติดตรึงอยู่ในใจจนยากที่จะลบ แม้ไม่แสดงอาการใดออกมาหากหญิงสาวก็ต้องยืนตัวแข็งค้างไปชั่วขณะกับเหตุการณ์นี้ ฟู่... เสียงเป่าลมหายใจออกจากปากพร้อมกับโยนก้อนกระดาษชำระลงในถังขยะ แต่ยังไม่ทันได้ออกไปประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดพร้อมกับคนที่ยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูงสีแดง กรองแก้วในชุดเดรสยาวหรูก้าวเข้ามา ใบหน้ายิ้มหวานแต่สายตากลับเย็นเยียบจนจันทร์เจ้ายืนเงียบไปชั่วขณะ “อยู่นี่เอง” คุณหมอสาวเอ่ยเสียงเรียบ “คุณมีธุระอะไรกับดิฉันเหรอคะ” “เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นอะไรกับเฮียใหญ่” จันทร์เจ้าพยักหน้า อีกฝ่ายจึงโต้กลับว่า “แล้วกล้าดียังไงถึงมาทำตัวใกล้ชิดเขาต่อสายตาคนทั้งงาน ต้องการอะไร เธอมันก็ไม่ต่างจากคนรับใช้อย่ามาบังอาจเสนอหน้าคิดจะมายืนเทียบเคียงเขา ไม่มีใครมองเธอว่าน่าสงสารหรอกนะ” “ฉันไม่ได้ตั้งใจ แค่กลัว” “กลัวเสียงลูกโป่งแตกน่ะเหรอ เหอะ อ่อนไหวทางอารมณ์จังเลยนะ ก็แค่ของเล่นระบายอารมณ์กำหนัดให้ผู้ชาย” จันทร์เจ้าชะงักไปเล็กน้อย หัวใจถูกแทงซ้ำ แต่เธอเม้มปากแน่น ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือแต่มั่นคง “บางที ของเล่นชิ้นนั้นก็อาจมีค่ามากกว่าของสะสมราคาแพงที่เขาไม่มีวันหวงแหนก็ได้ ที่เขายอมหมั้นกับคุณ เริ่มต้นก็เพราะความเหมาะสมในทางธุรกิจ ถามหน่อยเถอะ ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้คนอย่างเฮียใหญ่จะแลผู้หญิงอย่างคุณไหม ภายนอกก็ดูผู้ดีมีการศึกษาอยู่หรอกนะ แต่ภายในเป็นแบบไหนก็คงเก็บไว้ไม่มิด แต่งตามหน้าที่กับอยู่ตามหัวใจอันไหนมันรู้สึกดีกว่ากันล่ะ” คราวนี้เป็นกรองแก้วที่กัดฟัน กำมือแน่น “มากไปแล้วนะ ฉันไม่ให้เฮียใหญ่เก็บเธอไว้แน่” “ก็ไปบอกสิ ไปบอกเลย บอกให้เขาทิ้งฉันไว ๆ” “อย่ามาท้าทายคนอย่างฉัน” “ทำไม จะเผยธาตุแท้ออกมาแล้วงั้นเหรอ หึ จะบอกอะไรให้นะคะคุณหมอ ต่อให้คุณจะพูดยังไงแต่จงรู้ไว้ด้วยว่า คำพูดมากมายความหมายคือ ฉันมาก่อนคุณ” พูดจบจันทร์เจ้าก็เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ เดินไปหาคิมหันต์และสาโรจน์โดยไม่สนใจว่ายัยคุณหมอไฮโซจะทำอย่างไร หรือไปฟ้องใคร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD