หลอกซ้ำ…4/2

1359 Words
ยามเช้าในวันที่อากาศเย็นสบาย แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องลงบนคอกควาย จันทร์เจ้าชวนชายหนุ่มมาหามาลีที่บ้านชานเมือง หญิงสาวเดินเข้าไปในลานหญ้า เธอสวมเสื้อเชิ้ตเรียบง่ายกับกางเกงยีน กำหญ้าสดในมือ มาลีที่กำลังเคี้ยวเอื้องอยู่ชะงัก เดินเข้ามาหาคนที่มันจดจำได้ว่าช่วยชีวิตมันและลูก ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มกว้างเมื่อเห็นมาลีเดินมาหา มือเรียวลูบหัวมันอย่างอ่อนโยนก่อนจะส่งหญ้าให้พร้อมกับบอกว่า “มาลี จันทร์ต้องไปทำงานที่จีนนะ สองอาทิตย์เลยกว่าจะกลับมา” มาลีมองหน้าเธอราวกับรับรู้ในสิ่งที่หญิงสาวบอก “อย่าเพิ่งงอนกันนะ จันทร์ฝากให้ลุงสมภพกับคนงานคอยดูแลมาลีกับลูกในท้องแล้ว เดี๋ยวจันทร์รีบกลับมา” จักราที่ยืนกอดอกฟังเงียบ ๆ อยู่ไม่ไกล เขามองภาพนั้นด้วยแววตาหนักแน่นปนอบอุ่น ไม่คิดว่าจันทร์เจ้าจะมีความผูกพันกับควายได้มากขนาดนี้ แต่อย่างว่าบ้านเขาไม่ใช่สถานสงเคราะห์สัตว์ อีกไม่นานเขาจะให้คนมาย้ายควายตัวนี้ไปไว้ที่อื่น “ไปแล้วนะ สองอาทิตย์แป๊บเดียวเอง” จันทร์เจ้าบอกกับมาลีก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากคอก มาหาเขาที่ยืนมองอยู่ “จันทร์บอกมาลีเสร็จแล้วค่ะเฮีย” “เสร็จแล้วก็กลับ” เมื่อจันทร์เจ้าเดินเข้ามาใกล้ก็เห็นจุดสีดำเล็ก ๆ เกาะอยู่ที่แก้มข้างหนึ่งของจักรา และเหมือนเขาเองก็ไม่รู้สึกตัวว่ากำลังมีบางอย่างดูดกินเลือดเขาอย่างเมามัน เธอเบิกตาโต “เฮีย! อย่าขยับ” ก่อนยกมือตบดัง เพียะ! ลงบนแก้มจักราเต็มแรง คนที่ถูกตบหน้าสะดุ้งหันขวับ มองเธอด้วยสายตาคมกริบ “นี่! เธอกล้ามาตบหน้าฉันเหรอ มันจะมากไปแล้วนะจันทร์เจ้า” เขาต่อว่าเธอด้วยความโกรธ ชักจะเอาใหญ่ เหิมเกริมจนคุมไม่อยู่ ส่วนจันทร์เจ้ารีบส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ใช่นะ! ยุง มียุงมาเกาะแก้มเฮียจริง ๆ จันทร์ไม่ได้ตั้งใจตบเฮีย นี่ไงยุง” เธอแบมือออกให้เขาเห็นหลักฐาน ว่าไอ้ที่เธอตบหน้าเขาเมื่อกี้มันมียุงบินมาเกาะอยู่จริง ๆ “ให้มันกินจนเลือดเต็มท้อง เฮียไม่รู้สึกตัวเลยเหรอ หรือว่ายืนเหม่อคิดอะไรอยู่ ขนาดช่วยแล้วยังโดนดุอีก คราวหลังจะปล่อยให้ดูดเลือดให้หมดตัวเลย” ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มกวนขึ้นมาเล็กน้อย “หึ ปกป้องฉันจากยุงสินะ” “ก็ใช่น่ะสิ” “แต่ตบแรงเกินไปไหม” “กลัวมันไม่ตาย” “ใช่ ถ้ายุงตัวนั้นไม่ตาย เธอได้ตายแทนแน่” เขาทำท่าแยกเขี้ยวใส่ “ใจร้าย” หญิงสาวบ่นอุบอิบ กลับถึงเพนต์เฮาส์วงแขนแกร่งก็ตวัดร่างบางเข้าแนบตัว ทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำความสะอาดร่างกายกันเลย “อื้อ เฮีย อย่าเพิ่งยังไม่อาบน้ำ” “อยาก ตอนนี้” “ขออาบน้ำก่อน” “เอาก่อนค่อยอาบ เดี๋ยวคืนนี้เธอก็ต้องบินแล้ว” จันทร์เจ้าทำหน้าครุ่นคิด ใช่สิ จะไม่ได้เจอเขาตั้งหลายวันคิดถึงน่าดู “ก็ได้ งั้นตอบมาก่อน...เฮียรักจันทร์มั้ย” “อื้อ...รัก” เขาตอบแบบไม่ต้องคิดเป็นครั้งแรก ทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความรู้สึกดี “รักตอนไหนคะ” ถามหยอกเย้า “รักตอนเปิดห้อง แล้วเปิดแอร์เย็น ๆ” รอยยิ้มกว้างที่สดใสพลันหุบลง มือที่แบเปลี่ยนเป็นกำแล้วทุบอกเขาด้วยความหมั่นไส้ เขาบอกรักเธอแค่ตอนที่อยาก... “ผัวเฮงซวย!” จักราไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดที่ว่าส่งจันทร์เจ้าไปเมืองจีนลำพังคนเดียว แต่ให้สาโรจน์และพนักงานหญิงในบริษัทตามไปช่วยด้วยสองคน ตั้งแต่เธอทำงานกับเขา เขาเชื่อว่าจันทร์เจ้ามีความสามารถพอตัว แต่การหาตลาดใหม่ตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่ยากกว่าเมื่อก่อนเพราะมีคู่แข่งมากขึ้นหลายเจ้า ธุรกิจส่งออกด้านสินค้าทางการเกษตรเป็นส่วนหนึ่งในอีกหลายธุรกิจของจักรา ขณะที่เธอทุ่มเทเวลาทำงานให้เขาอย่างหนัก ชายหนุ่มกับคุณหมอสาวก็พากันไปดูสถานที่จัดเตรียมงานหมั้นพบปะผู้ใหญ่ กระทั่งงานหมั้นถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูกลางกรุง เป็นข่าวที่น่ายินดีของคนคู่หนึ่งที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกในแวดวงสังคมชั้นสูง มีสื่อที่ทำเกี่ยวกับหัวข้อซุบซิบคนดังในหลากหลายวงการนำไปลงข่าว และในที่สุดข่าวนี้ก็รู้ถึงหูของจันทร์เจ้าอย่างง่ายดายเพียงแค่เธอเปิดมือถือ จันทร์เจ้ายืนอยู่ริมหน้าต่างโรงแรมในเซี่ยงไฮ้ สายลมเย็นพัดแผ่วผ่านม่านโปร่ง แต่ในอกเธอกลับร้อนรุ่ม ใจดวงน้อยที่คอยเชื่อฟังและไว้ใจจักรามาตลอดกำลังสั่นสะท้าน เมื่อสายตาของเธอหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ซึ่งรายงานข่าวการหมั้นสุดหรู ของตระกูลจักรากับตระกูลธุรกิจพันธมิตร หัวใจของจันทร์เจ้าเหมือนถูกบีบรัดจนหายใจไม่ออก มือที่จับโทรศัพท์สั่นเทา ภาพที่แนบมากับข่าว เป็นภาพของเขาคนนั้นในชุดสูทสีดำยืนเคียงข้างอยู่กับสาวสวยที่สวมชุดเดรสสีงาช้าง ดูเรียบร้อยอ่อนหวานและเธอคนนั้นมีใบหน้าที่งดงามยิ่ง ทั้งคู่ช่างดูเหมาะสมราวกับคู่บ่าวสาวที่ถูกฟ้าเบื้องบนลิขิตมาแล้ว หญิงสาวไล่สายตาไปตามตัวอักษรที่บรรยายตามภาพประกอบให้กับหนุ่มสาว เขียนว่า “สองตระกูลกำลังจะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกันในไม่ช้า เมื่อทายาทหนุ่มหล่อกับทายาทสาวสวยกำลังจะแต่งงานกัน เป็นการผนึกรวมอำนาจอย่างมั่นคงที่จะร่วมกันสร้างธุรกิจใหญ่ให้กับประเทศ...” ว่าที่เจ้าสาวที่สื่อเรียกกันว่านางฟ้าแห่งวงสังคม เธอช่างดูสวยสมบูรณ์แบบ หนุ่มคนไหนที่ได้เป็นเจ้าบ่าวย่อมเป็นที่น่าอิจฉา ร่างบางของหญิงสาวถอยไปทรุดลงนั่งที่โซฟา สายตายังจับจ้องที่ภาพชายหนุ่มผู้สง่างามในชุดสูทสีดำหรู ยืนเคียงคู่หญิงสาวในชุดราตรีหมั้นสีงาช้างบนเวที ท่ามกลางแสงแฟลชพร่างพราว นี่ใช่ไหมที่เขาส่งเธอมา เหตุผลเพราะเกรงว่าเธอจะเป็นอุปสรรคในงานหมั้นของเขาหรือเปล่า คำพูดอ่อนหวานที่เขาบอกว่าเธอจำเป็นต้องมาเมืองจีนเพื่อดูตลาดใหม่ คำสัญญาว่าจะให้รางวัลอย่างงาม ทุกถ้อยคำอบอุ่นที่กลายเป็นคมมีดกรีดลึกลงในหัวใจ พาให้เจ็บปวดและสะท้านสั่นจนหนาวเหน็บ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาเขา แต่ปลายสายกลับมีเพียงเสียงสัญญาณตัดทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า หยาดน้ำอุ่นใสหยดลงบนหน้าจอกระจกภาพไม่ขาดสาย เมื่อทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นคำลวง หญิงสาวกัดริมฝีปากตนเองจนรู้สึกเจ็บ น้ำตาเอ่อคลอ สาโรจน์มาเคาะประตูหน้าห้องพอดี จันทร์เจ้าจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดให้พร้อมกับยื่นโทรศัพท์จนเกือบชิดใบหน้าอีกฝ่าย “อย่าบอกนะว่าเป็นแผนการของเฮียที่ส่งฉันมาที่นี่ คุณรู้เรื่องนี้ไหมสาโรจน์” “ไม่ ผมไม่รู้ครับคุณจันทร์” คนสนิทของเขาที่ให้ติดตามเธอมาส่ายหน้า ทั้งรู้สึกเห็นใจและเศร้าตามหญิงสาวไปด้วย “รู้ว่าเป็นแผน ตลาดอะไรก็ไม่จำเป็นต้องหาแล้วสินะ ฉันจะกลับกรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้” เขาคิดว่าเธอจะเป็นนางมารร้ายที่เดินเข้าไปในงานมงคล แล้วประกาศกร้าวว่าผู้ชายคนที่ยืนอยู่ข้างคุณคนนั้น คือคนที่นอนกับฉันทุกคืนอย่างนั้นหรือ บ้าสิ้นดี ต่อให้จะร้ายจะแรง จะโกรธจะเกรี้ยวแค่ไหน เธอก็ไม่มีวันทำเรื่องน่าอับอายอย่างนั้นเด็ดขาด เธอมีสติ! ^ ^ ^ ***ขอกำลังใจให้น้องคนละหนึ่งดวงด้วยนะค้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD