กำแหง…2/2

917 Words
สองวันที่จันทร์เจ้าไม่ได้ออกจากเพนต์เฮาส์ไปไหน เนื่องจากร่างกายที่แม้เพียงลุกเดินก็ขาสั่นอีกทั้งเขาก็ไม่ปล่อยให้เธอห่างตัวนาน กระทั่งในช่วงสายของวันศุกร์ จักรานั่งรถมินิแวนคันหรูโดยมีสาโรจน์เป็นคนขับพร้อมทั้งจันทร์เจ้า เพื่อไปดูที่ดินแปลงใหญ่ที่เขาติดต่อจะทำการซื้อแถวอยุธยา ที่แปลงนี้อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาและทิวทัศน์ทั้งสองฟากฝั่งก็สวยมาก ร่างสูงยืนทอดมองที่ดินผืนใหญ่รอบบริเวณด้วยสายตาคมกริบราวกับกำลังประเมินสนามรบ แต่ความจริงแล้วเขากำลังคำนวณผลประโยชน์และตัวเลขกำไรในหัว ในอนาคตมีโอกาสจะหาผลกำไรจากที่แปลงนี้ได้อย่างไร จันทร์เจ้าเดินตามมาเงียบ ๆ ก่อนจะชะงักสายตาที่ผืนน้ำกว้าง เต็มไปด้วยผักตบชวาเบ่งบานสีม่วงอ่อนกระจายไปทั่ว เธอยกมือชี้อย่างตื่นเต้น รอยยิ้มกว้างจนตาเป็นประกาย “เฮียคะ ดูนั่นสิคะ ดอกผักตบชวามันสวยมากเลย” ชายหนุ่มหันมามองแวบหนึ่ง แววตานิ่งเย็น ดวงหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ก่อนจะปรายสายตากลับไปที่ผืนน้ำ “แค่ดอกผักตบ…ของไร้ค่า พรุ่งนี้ก็เน่าแล้ว” น้ำเสียงเย็นชาไร้แววอ่อนโยน “แต่สำหรับจันทร์มันไม่ไร้ค่านะคะ มันเหมือนผืนพรมสีม่วงที่ธรรมชาติจัดวางมาให้เรา มันทำให้จันทร์อยากยืนมองอยู่อย่างนี้ไปอีกนาน ๆ” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง มองใบหน้าของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส สายตาที่เขาเคยใช้ตัดสินทุกอย่างด้วยคำว่า กำไร-ขาดทุน กลับสะดุดให้กับมุมมองเล็ก ๆ ของเธอที่เขาไม่เคยคิดจะใส่ใจมาก่อน ริมฝีปากชายหนุ่มกระตุกยิ้มเบาบางเพียงเสี้ยววินาที แต่แล้วก็กลับไปเป็นสีหน้าเรียบนิ่งดังเดิม เขาหันหลังให้เธอ พร้อมพูดเสียงทุ้มต่ำแฝงความแข็งกร้าว “ไปกันเถอะ” แต่ในอกของเขาเองกลับยังแอบนึกถึงแค่ ‘ดอกผักตบ’ ที่เธอว่าสวย… ขากลับ ขณะที่รถมินิแวนกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าก่อนเบนออกสู่ถนนเส้นหลักเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ถนนกำลังมีการซ่อมบำรุงทำให้รถต้องค่อย ๆ เบียดเข้ามาวิ่งในเลนเดียว ขณะเดียวกันสายตาของจันทร์เจ้าก็หันไปเห็นรถกระบะคอกเหล็กบรรทุกควายตัวหนึ่ง รูปร่างผอมจนเห็นโครงกระดูกราวกับคนเลี้ยงไม่ใส่ใจดูแล ช่างน่าเวทนาสงสารเป็นอย่างมาก เธอมองไปที่มันเห็นขนตาที่งอนยาวยามปัดลงต่ำ ดวงตาของมันหม่นเศร้าราวกับรับรู้ชะตากรรมของตนเอง จะด้วยว่าเธอเคยมีความเกี่ยวข้องหรือจิตเมตตาอันแรงกล้าขึ้นมาในขณะนี้ก็ไม่ทราบ จิตใจเธอถึงไม่สงบเมื่อคิดว่ากำลังมองเห็นอนาคตของมัน ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น มือกำชายกระโปรงจนยับ “มัน…คงกำลังถูกพาไปโรงฆ่าสัตว์ เฮียคะ จันทร์อยากไถ่ชีวิตมันได้ไหม” เสียงพูดเต็มไปด้วยความเว้าวอน แววตาเธอสั่นระริกด้วยความสงสารจนชายหนุ่มที่กำลังขมวดคิ้วดูหน้าจอไอแพดต้องเหลือบมอง เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนหัวเราะแผ่วเบาอย่างไม่เชื่อหู “ช่วยแล้วจะเอามันไปไว้ที่ไหน เธอจะเลี้ยงเหรอ” “ก็ค่อยหาที่อยู่ให้มันก็ได้ เอาไปให้เกษตรกรที่เขาไม่ฆ่า ได้บุญนะเฮีย” “จะมาใจบุญอะไรตอนนี้แม่คุณ เรื่องธรรมชาติมันเป็นสัจธรรม” “แต่มันผอมมากเลยนะเฮีย น่าสงสารมาก ดูมันมองเราสิ มันกำลังขอให้เราช่วยนะคะ ควายตัวนี้ต้องถูกเลี้ยงแบบอดอยากแน่เลย ผอมโซขนาดนี้” เธอทำท่าจะค้อน ชายหนุ่มถอนหายใจ สายตานิ่งเย็นเขาไม่ได้รู้สึกสะท้อนสะท้านกับภาพควายตรงหน้าเพราะเข้าใจว่านั่นคือธรรมชาติ คือสัจธรรม ตราบใดที่คนยังอิ่มทิพย์ไม่ได้สัตว์ก็ต้องเป็นอาหารคนวันยังค่ำทว่าพอเห็นสายตาที่ส่งค้อนเล็ก ๆ มาให้นั้นกลับสะกิดใจเขาแปลก ๆ ความดื้อรั้นของเธอเหมือนค้อนเล็กที่เคาะลงกลางอกหนาให้สั่นสะเทือนได้ จันทร์เจ้าเห็นสีหน้าที่เย็นชาของเขา คิดว่าเขาต้องไม่ใจอ่อนกับคำขอของเธอแน่หากไม่มีข้อแลกเปลี่ยน หญิงสาวจึงได้เสนอ “ใกล้วันเกิดจันทร์แล้ว ของขวัญปีนี้ขอเป็นชีวิตควายตัวนี้ได้ไหมคะ จันทร์จะเลี้ยงมันเอง ไม่เป็นภาระให้เฮียหรอก” “เธอจะเลี้ยงมันยังไง ยัยดื้อ ซื้อไปแล้วมันไม่จบง่าย ๆ หรอกนะ” “เลี้ยงได้ก็แล้วกัน นะคะ ขอเถอะ จันทร์สงสารมันจริง ๆ นะคะ เฮียขา ควายตัวไม่กี่บาทหรอกสำหรับเฮีย จันทร์เอาเงินซื้อก็ได้ นะเฮียขา เฮียผัวขา” เธอบีบนวดลงไปบนต้นขาแกร่งอย่างปรนนิบัติ ทำตาปริบ ๆ ออดอ้อนเสียงหวานจนกระทั่ง... “ไปถามเขาก่อน ถ้าเขาเอามันไปโรงเชือดค่อยไถ่ตัว ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้อง” “ขอบคุณนะคะเฮียใหญ่ ผัวขา” ไม่อยากเชื่อ เขาแพ้คำว่า ‘ผัวขา’ จากเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ^ ^ ^ กดหัวใจมาให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ช่วงนี้อัปนิยายเหมือนไม่มีคนเห็น แงๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD