ไร้ค่า…3/1

994 Words
สาโรจน์ลดกระจกลงกวักมือเรียกให้คนขับรถกระบะจอดข้างทางแล้วลงไปถาม ก็ได้ข้อมูลมาบอกเจ้านายและหญิงสาวว่า เขากำลังจะนำควายไปขายให้กับโรงฆ่าสัตว์จริง เพราะควายตัวนี้มันดุ ไล่ขวิดเจ้าของจนไส้ทะลักนอนเจ็บอยู่โรงพยาบาลจึงเลี้ยงต่อไม่ได้แล้ว แต่ถ้าใครสนใจจะซื้อก็ยินดีจะขายให้เลย จักราหันมามองหญิงสาวที่หน้าซีดลงเมื่อได้ฟังข้อมูล ก่อนถามขึ้นว่า “ยังจะอยากไถ่ชีวิตมันอยู่ไหม” “ยะ อยากค่ะ จันทร์ตั้งใจแล้ว ไม่เปลี่ยนใจ” เอ่ยตะกุกตะกัก ทั้งที่ในใจก็ยังแอบหวั่น ส่วนตัวเขาบอกเลยว่าไม่เคยอยากเลี้ยงควายมาก่อนในชีวิต แต่เมื่อรับปากเธอไว้แล้วในตอนแรกก็คงต้องตามใจหญิงสาว บทสรุปเรื่องควายคือเขาโอนเงินให้เจ้าของควายไปสามหมื่นบาทพร้อมกับให้เอาไปส่งที่... ที่ไหนดีล่ะ? “เฮีย บ้านเฮียมีพื้นที่เป็นเอเคอร์ ให้ควายตัวเดียวไปพักไว้ก่อนจะเป็นอะไรไปคะ เราก็ล่ามมันไว้ หาหญ้าให้มันกินไปก่อน นะเฮียขา นะคะ...ผัวขา ผัวขา” “โว้ยยย” “นะคะ น้า...” หญิงสาวทำตาปริบ ๆ อย่างมีจริตเกินจริงยามออดอ้อน “ให้มันได้อย่างนี้ ก็ได้วะ คนเป็นร้อยยังเลี้ยงได้ ทำไมควายตัวเดียวจะเลี้ยงไม่ได้” และแล้วเจ้าควายตัวนี้ก็ถูกนำไปพักไว้ยังบ้านชานเมือง ที่มีพื้นที่กว้างขวางเกือบสิบไร่ของจักราที่เขาไม่ค่อยได้พักอาศัยประจำ มีแม่บ้าน คนสวนคอยดูแล เขาสั่งให้คนจัดพื้นที่ให้มันอยู่ชั่วคราว เมื่อเจ้าควายตัวใหญ่ก้าวลงจากรถ จันทร์เจ้าในฐานะผู้ให้ชีวิตใหม่กับมันก็ยืนรอดูอยู่ไม่ห่าง ดวงตาเต็มไปด้วยความโล่งใจและอบอุ่น คนงานของจักราพากันจัดหาที่พักชั่วคราวให้ ทำคอกไม้ไผ่กั้น พื้นรองด้วยฟางแห้งสะอาด และหาอาหารเป็นหญ้าสดมาให้มันกิน จันทร์เจ้าเดินเข้าไปลูบผิวหนังที่หยาบกร้านของมันอย่างไม่หวั่นกลัวว่ามันจะทำร้ายเธออย่างที่เจ้าของเดิมบอก แล้วหยิบหญ้ากำหนึ่งมาป้อน “ปลอดภัยแล้วนะ ต่อไปนี้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว กินให้อิ่ม” ดวงตากลมโตของมันเงยมองเธอ แม้จะพูดไม่ได้แต่มันก็กำลังบอกเธอว่า “ขอบคุณที่ช่วย” จันทร์เจ้ารู้สึกเช่นนั้น การได้ไถ่ชีวิตควายตัวนี้ในวันนี้ หญิงสาวรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมากกว่าการได้รับเงินโอนจากเขา แม้มันจะเป็นจำนวนมากกว่ามูลค่าควายตัวนี้ก็ตาม หญิงสาวรู้สึกว่ามีเงาทะมึนของใครคนหนึ่งยืนเท้าสะเอวมองอยู่ ไม่หันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร เธอยิ้มกับความสุขตรงหน้าก่อนจะพูดกับมันว่า “จริง ๆ แล้วคนที่ช่วยชีวิตแก คือเฮียใหญ่ต่างหากน่ะรู้ไหม ถ้าเฮียไม่อนุญาต ฉันก็คงช่วยแกไว้ไม่ได้หรอก ต้องขอบคุณเฮียใหญ่ด้วยนะ” เจ้าควายเหลือบตาไปมองคนที่เคลื่อนไหวอยู่ปากก็เคี้ยวเอื้อง แต่ถึงแม้มันจะรู้มันก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ มีเพียงภาษากายที่อาจเทียบเท่าเด็กสองขวบเท่านั้นที่พอฟังคำสั่งได้บางคำ “คุยภาษาควายรู้เรื่องด้วยเหรอ” น้ำเสียงเชิงแขวะ ประชดเบา ๆ ดังขึ้นจากทางเบื้องหลัง จันทร์เจ้าเลิกคิ้วสูงก่อนหันกลับไปมอง “ก็พอเข้าใจค่ะ ตอนเด็ก ๆ ที่แม่ยังไม่เสีย แม่เคยพากลับไปเยี่ยมยายที่ต่างจังหวัด ที่บ้านยายก็เลี้ยงควายไว้หลายตัว จันทร์เลยชอบไปเล่นกับมัน ตอนยังเด็กจันทร์มีความฝันว่าอยากทำฟาร์มสเตย์สไตล์ชิล ๆ อยู่กับสัตว์พวกนี้ ปลูกผักทำสวน” เธอยิ้มยามเล่าความฝันวัยเด็กของตัวเองที่แทบไม่มีอะไรเลย พลางก้าวเดินกลับมายืนข้างเขา เอียงคอมอง “แล้วเฮีย เคยมีความฝันแนว ๆ นี้บ้างไหมคะ นอกจากเรื่องเงิน” “หึ เธอก็รู้ว่าไม่ สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดก็คือเงิน” ชายหนุ่มจ้องหน้าเธอ เขาไม่บอกให้เธอรู้หรอกว่าตอนเด็ก ๆ เขาก็เคยฝันว่าอยากเป็นคนขับรถแบ็กโฮตักดินตามไร่ ดูเท่ดีจะตายในตอนนั้น ตาสมภพคนสวนในบ้านเดินเข้ามาหานายตนเอง รายงานด้วยน้ำเสียงสุภาพ “คุณใหญ่ครับ ผมให้คนติดต่อหมอสัตว์มาแล้ว เดี๋ยวเย็นนี้เขาจะมาตรวจโรคเบื้องต้นให้ ดูว่ามันแข็งแรงดีไหม จะได้สบายใจ” จักราพยักหน้าสั้น ๆ สีหน้ายังเรียบนิ่งเย็นชาเช่นเดิม แต่ในใจลึก ๆ กลับรู้สึกคลายความกังวล เขาเหลือบมองหญิงสาวที่เดินกลับไปยืนยิ้มพลางลูบหัวควายด้วยความอ่อนโยน แล้วพูดขึ้น “เข้าใกล้มันมาก เดี๋ยวมันก็ขวิดเอาหรอก” “ไม่หรอกน่าเฮีย ดูมันก็ไม่ได้ร้ายกาจขนาดนั้นนะ เอ...ลืมถามเจ้าของเดิมว่าควายตัวนี้ชื่ออะไร งั้นก็ช่างเถอะไม่เป็นไร ไหน ๆ ก็ได้มีชีวิตใหม่แล้ว ฉันจะตั้งชื่อใหม่ให้แกเลยแล้วกัน เอาชื่ออะไรดีน้า...ติ๊กต็อก ๆ ” เธอยกนิ้วชี้ขึ้นขณะครุ่นคิดหาชื่อที่เหมาะสม ปากทำเสียง แล้วก็ดีดนิ้วดังเปาะ “คิดออกแล้ว ฉันว่าชื่อนี้แหละเหมาะกับแกมากคิก ๆ” ไหน ๆ ก็ได้มาบ้านนี้แล้ว จักราเลยให้แม่บ้านเตรียมมื้อกลางวันให้รับประทานที่นี่ ขณะที่รอสัตวแพทย์มาตรวจอาการเบื้องต้นของ... ‘มาลี’ ใช่แล้ว จันทร์เจ้าตั้งชื่อให้มันใหม่ว่า มาลี ^ ^ ^ ***ขอคนละ 1 เม้น เนื้อหาเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ น้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD