•Killing you 2•
ณ .ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“เฮ้อ วันนี้ลูกค้าเยอะมากเสิร์ฟแทบไม่ทัน” ร่างบางถอดผ้ากันเปื้อนออก พรางยกมือขึ้นปาดเหงือที่หน้าผากเบาๆ
“ก็แหง่แหละ วันศุกร์แห่งชาติ แล้วเธอจะกลับเลยมั้ยนี่ก็จะสี่มทุ่มแล้ว” มะนาวเพื่อนสนิทของกิ่งวารียกนาฬิการข้อมือเรือนน้อยขึ้นมาดู “เลทไปตั้งครึ่งชั่วโมงแบบนี้ต้องได้โอทีนะ”
“ลองถามผู้จัดการดูสิ ฮ่าาาา” ร่างเล็กรีบเก็บของใส่กระเป๋าแล้วโบกมือบ๊ายบายแยกทางกับเพื่อน
ด้วยความที่ร้านอาหารอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์นัก เธอจึงปั่นจักรยานมาเพราะจะได้ประหยัดค่ารถ เธอเลือกที่จะทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนแต่ด้วยความที่เป็นคนหัวสมองดีเรียนเก่งจึงได้รับทุนเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ชีวิตที่เหมือนตัวคนเดียวตั้งแต่แม่เสีย ยังดีมีนมแจ่มและป้าอิ่มคอยดูแลเธอมาตลอด
เธอเลือกที่จะเข้าประตูหลังคฤหาสน์เพราะอยู่ใกล้เรือนเล็ก จากนั้นก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้านอนวันนี้เธอเลิกงานค่อนข้างดึกและก็เหนื่อยมากเอาจริงๆ ก็เหนื่อยล้าแทบทุกวันนั่นแหละ แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นชั้นสองของคฤหาสน์เปิดไฟอยู่
ห้องนั้น...
ห้องที่ไม่ได้เปิดไฟมานานหลายปี หรือจะมีคนขึ้นไปนอน คงเป็นไปไม่ได้เพราะคุณเควินเป็นคนหวงห้องมาก
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเธอจึงเดินไปแอบดูอยู่ใต้ต้นไม้ พบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังถอดเสื้อยืนหันหลังพิงหน้าต่าง
ตึกๆๆๆ
หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม เธอต้องตาฝาดแน่ๆ มันต้องไม่ใช่เขาแน่ๆ เขาไม่มีทางกลับมาที่นี่
แต่แล้วเธอก็ต้องเบิกตาโพร่ง เพราะร่างสูงที่อยู่ในห้องนั้นหันหน้าออกมาพ่นควันบุหรี่
ใช่เขาจริงๆ ด้วย!!
คนที่เธอเฝ้ารอมานาน เฝ้ารอเพื่อขอโทษเขา และเฝ้ารอว่าสักวันเธอจะได้พบเขาอีกครั้ง เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ปึก!
“โอ้ย!” แต่แล้วกิ่งไม้เจ้ากรรมก็ดันตกลงมาใส่หัวเธอ ทำให้ร่างสูงที่อยู่ข้างบนมองลงมายังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างล่าง
“นั่นใคร”
“...” ไม่มีเสียงตอบ
“ฉันถามว่านั่นใคร!”
“...” ก็ยังไม่มีเสียงตอบอยู่ดี ซักพักเห็นเงาคนวิ่งออกจากใต้ต้นไม้ แต่ด้วยความที่มันมืดมากเขาจึงมองไม่เห็นว่าเป็นใคร แต่ก็พอจะเดาได้ว่าต้องเป็นคนที่อยู่ในเรือนเล็กหลังคฤหาสน์แน่ๆ เพราะที่นั่นเปิดไฟอยู่
“หนอย กล้าดียังไงมาแอบดูฉัน!” ร่างสูงหยิบเสื้อมาใส่แล้วก้าวลงจากคฤหาสน์เพื่อไปยังเรือนเล็กทันที
ร่างเล็กที่วิ่งมาถึงบ้านก็รีบปิดประตูทันที หัวใจของเธอเต้นไม่หยุดเขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“หรือว่าเราตาฝาด” มือเล็กยกขึ้นจับหน้าอกข้างซ้ายดูพบว่ามันยังเต้นโครมครามไม่หยุด
ปึกๆๆ
ซักพักหลังของเธอก็สั่นไหวด้วยแรงเคาะจากประตูด้านนอก
“ใครอยู่ข้างในนั้น” เคาะแล้วแต่ยังไม่มีคนเปิด คนที่อยู่ข้างนอกพยายามใช้มือดันประตูเข้าไป แต่ก็ไม่สามารถเปิดได้
“...” ข้างในยังคงเงียบ
“ฉันถามว่าใครอยู่ข้างใน เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
“...”
เคาะแล้วเคาะอีกก็ยังไม่มีคนเปิด คนตัวสูงจึงเดินกลับเพราะกลัวเสียงดังรบกวนการนอนของคนอื่น ไว้พรุ่งนี้เดี๋ยวมาดูใหม่
ร่างบางที่ยืนหลังพิงประตูถอนหายใจ เขาไปแล้ว...
“เกือบไปแล้วไหมเรา”
ใจหนึ่งก็อยากเจอ แต่ใจหนึ่งก็ยังกลัว กลัวว่ามันจะกลับไปเป็นเหมือนในอดีตเมื่อ 12 ปีที่แล้ว
“อิเด็กอ้วนมานั่งทำอะไรตรงนี้” เด็กชายลูกครึ่งเดินมาดึงผมเปียของเด็กหญิงร่างอ้วน
“ออกไปอย่ามานั่งในบ้านฉัน” เด็กชายพยายามดันเด็กสาวออกจากบ้าน จนเด็กสาวร้องไห้ออกมา เธอแค่มานั่งรอแม่ของเธอ
“ฮื่อออๆๆ พี่เคย์แกล้งหนู”
‘หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!’ มือป้อมรีบปิดปากของเด็กหญิงทันที เด็กหญิงพยายามแกะมือออกแต่ก็โดนเด็กชายพลักจนล้มลงกับพื้น ส่งฝลให้เด็กหญิงร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ฮึกๆๆ ฮื้อออออ”
“เกิดอะไรขึ้น! ตายแล้วเควินทำอะไรน้อง” แม่ของเด็กชายเดินออกมาเห็นพอดี รีบเขาไปอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นแล้วเช็ดน้ำตาให้
“เควินทำอะไรน้อง บอกแม่มา”
“ผมไม่ได้ทำอะไร” เด็กน้อยโกหกหน้าตาเฉย แต่คนเป็นแม่ดูออก
“เขาเดินล้มเองไม่เกี่ยวกับผม”
“ถ้าลูกไม่แกล้งน้องผมน้องคงไม่ยุ่งขนาดนี้” ผู้เป็นแม่ลูบหัวเด็กหญิงเบาๆ ด้วยความสงสารที่โดนลูกชายตัวเองแกล้ง
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณหญิง” สาวใช้คนหนึ่งเดินมาเห็น รีบวิ่งเข้าไปกอดลูกสาวที่ร้องไห้ฟูมฟาย
“ไม่มีอะไรหรอกแก้ว เด็กเขาคงแกล้งกันเป็นเรื่องธรรมดา”
“น้องกิ่งทำอะไรคุณเควินหรือเปล่าคะ” กิ่งแก้วหันไปถามเด็กชายที่ยืนหน้าบึ้ง
“ไม่ได้ทำอะไรหรอกครับ แต่ช่วยเอาเธอออกไปจากบ้านผมที ทั้งสกปรกทั้งมอมแมมผมกลัวเชื้อโรค”
“ตายแล้วเควินทำไมพูดแบบนี้” คุณหญงมณียกมือขึ้นทาบอก ทำไมลูกชายเธอถึงได้คิดแบบนี้
“ได้ค่ะ เดี๋ยวแก้วจะพากิ่งกลับเรือนเล็กตอนนี้แหละค่ะ ขอโทษคุณเควินด้วยนะคะ” ก่อนจะก้มหัวให้เด็กชายวัย 14 ปี แล้วรีบอุ้มลูกสาวออกจากที่นี่