หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
“ถ้าจะเป็นประธานสิ่งแรกที่เธอต้องทำให้ได้ คือการตรงเวลา” พี่กราฟฟิคเอ่ยขึ้นเสียงเรียบนิ่งนั่งจ้องหน้าฉันเมื่อฉันเดินเข้ามาในห้องประชุมสภา
“ขอโทษที่มาสายค่ะ พอดีฉันพึ่งทำการบ้านเสร็จ” ฉันก้มหัวเอ่ยออกไปด้วยท่าทีรู้สึกผิด
“นั่งลง”
“ฉันไม่ชอบคนไม่มีความรับผิดชอบ” พี่กราฟฟิคพูดขึ้นเสียงเรียบจ้องหน้าฉันนิ่ง
“…” ฉันก็เงียบก้มหน้างุน
“จะดูแลโรงเรียนที่มีนักเรียนเป็นพันๆ คน เธอต้องรู้จักบริหารเวลาตัวเองให้ได้ก่อน”
“ควรแยกแยะให้เป็นระหว่างเรื่องงานส่วนรวมกับเรื่องส่วนตัว”
“ค่ะ ต่อไปฉันจะไม่เป็นแบบนี้อีก” ฉันพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิดเมื่อฟังสิ่งที่พี่กราฟฟิคพูด ซึ่งมันก็จริง ฉันยังบริหารเวลาไม่เป็นตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันมาสายนับไม่ถ้วนเพราะมัวไปสนใจแต่การทำการบ้านและรายงานของตัวเอง จนละเลยเวลาและที่หน้าที่ในการเป็นประธานนักเรียน
“ดี” พูดจบ ร่างสูงก็เดินไปหยิบแฟ้มเอกสารปึกหนาๆ มาวางตรงหน้าของฉัน
“ข้อมูลกฎต่างๆ ของโรงเรียน” เขาชี้ไปที่แฟ้มหนาๆ สีน้ำเงิน
“แฟ้มนี้รายละเอียดกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องจัดในแต่ละปี”
“และแฟ้มนี้ข้อมูลของนักเรียนที่กระทำผิดทั้งหมด”
“ไปศึกษามาทั้งหมด เธอต้องจำให้ได้” เขาพูดพร้อมกับชี้ไปที่แฟ้มหนาๆ สามเล่ม ซึ่งบอกเลยว่ามันเยอะมาก
“หมดนี่เลยเหรอคะ” ฉันถามออกไปด้วยใบหน้าที่รู้สึกเหนื่อยล้าตั้งแต่ยังไม่เริ่มอ่านเลยด้วยซ้ำ
“จะเป็นประธาน เธอต้องรู้ทุกอย่างในโรงเรียน”
“ทั้งหมด” เขาพูดย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ค่ะ” ฉันจึงทำได้แค่พยักหน้าตอบกลับไป
“สงสัยตรงไหนก็ถาม”
“ค่ะ” พูดจบฉันก็นั่งอ่านรายละเอียดต่างๆ ในแฟ้มที่พี่กราฟฟิคให้มา ส่วนเขาก็นั่งอ่านเอกสารอยู่ตรงข้ามกับฉันด้วยใบหน้าเรียบนิ่งตามปกติของเขาจน
เวลาผ่านไปสักพัก
“พี่กราฟฟิคคะ ถ้าจะเปลี่ยนพิธีการในกิจกรรมสามารถทำได้ไหมคะ” ฉันเอ่ยถามขึ้นเมื่อนั่งอ่านแฟ้มกิจกรรมต่างๆ ซึ่งได้แจ้งไว้อย่างละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนพิธีการในแต่ละกิจกรรม
“ต้องดูความเหมาะสม” เขาพูดขึ้นเสียงเรียบ
“อ่อค่ะ” ฉันก็พยักหน้าตอบ
“เธออยากเปลี่ยนอะไร”
“คือ ลินอยากเปลี่ยนกิจกรรมวันแม่ค่ะ ลินคิดว่าการที่ให้แต่ละคนพาแม่มาโรงเรียนเพื่อทำกิจกรรม อาจจะทำให้เด็กบางคนรู้สึกไม่ดีเพราะบางคนก็ไม่มีแม่พามาหรือแม่บางคนก็ไม่อาจมาร่วมกิจกรรมได้ค่ะ”
“ลินเลยคิดว่าเราควรเปลี่ยนจากพิธีไหว้คุณแม่เป็นการจัดแสดงละครเกี่ยวกับวันแม่หรือจะทำนิทรรศการแทนค่ะ” ฉันลองเสนอออกไปตามความคิดของตัวเอง
“ลองเสนอที่ประชุมดู”
“คะ”
“ที่เธอพูดเป็นความคิดที่ดี แต่ต้องเสนอที่ประชุมให้คณะกรรมการคนอื่นๆ รับทราบด้วย”
“ถ้าคณะกรรมการเห็นด้วยสองในสามก็จัดตามที่เธอเสนอได้”
“อ่อค่ะ” ฉันก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจกระบวนการทำงานของสภานักเรียนในโรงเรียนนี้ ซึ่งเมื่อฉันเข้าใจแล้วก็ศึกษาดูกิจกรรมอื่นต่อไปเผื่อต้องเปลี่ยนอะไรอีก พี่กราฟฟิคก็นั่งอยู่กับฉันตลอดเผื่อฉันไม่เข้าใจหรือสงสัยอะไรเขาจะได้บอกฉันอย่างไม่ลุกไม่ไปไหนเช่นกัน
สามชั่วโมงผ่านไป
ครืดด~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองโทรศัพท์ตัวเองก็พบว่าเป็นพ่อที่โทรเข้ามา ฉันจึงกดรับสายพ่อทันที
ติ้ด
“ฮัลโหลค่ะพ่อ”
(ลินอยู่ไหนลูก)
“อยู่โรงเรียนค่ะพ่อ”
(ยังไม่กลับอีกเหรอลูก นี่ดึกมากแล้วนะ) พ่อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง จึงทำให้ฉันหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว
“เดี๋ยวกลับแล้วค่ะพ่อ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” ฉันตอบพ่อกลับไป
(กลับยังไงล่ะลูก ให้พ่อไปรับดีไหม)
“ลินกลับเองได้ค่ะ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แค่นี้ก่อนนะคะพ่อ” พูดจบฉันก็กดตัดสายไปทันที
“เอ่อ นี่ก็ดึกมากแล้ว” ฉันหันไปพูดกับร่างสูงที่นั่งอ่านหนังสืออยู่
“ลินขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ” พูดจบ ฉันก็หยิบแฟ้มเอกสารมากอดไว้เพื่อจะเอากลับไปอ่านต่อที่บ้านก่อนจะเดินออกมาหน้าอาคารเรียน แต่ก็ต้องชะงักเท้าไปทันที
ซ่าๆ ซ่าๆ
เสียงฝนตกลงมาอย่างหนักซึ่งฉันไม่ได้ยินมาก่อนเลยเพราะในห้องประชุมค่อนข้างเก็บเสียง
“แล้วจะกลับยังไงล่ะเนี่ย ร่มก็ไม่ได้เอามา” ฉันเริ่มคิดหนักเพราะจะรอให้ฝนหยุดก็ไม่รู้จะหยุดเมื่อไหร่ตกหนักขนาดนี้และพ่อก็รออยู่ที่บ้านด้วยถ้ากลับดึกกว่านี้จะพาให้พ่อเป็นห่วงหนักเข้าไปอีก ฉันจึงตัดสินใจกอดแฟ้มไว้แน่นทำท่าจะวิ่งออกไปที่ป้ายรถเมล์ แต่ยังไม่ทันจะก้าวขาออกไป
พรึ่บ เสียงร่มถูกกางอยู่บนหัวของฉันทำให้ฉันหันกลับไปด้านหลังทันทีก่อนจะพบว่า...
“พี่กราฟฟิค” ฉันเอ่ยเรียกชื่อเขาเสียงแผ่วเบาด้วยความตกใจ
“เดินไปสิ” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินเข้ามาโอบไหล่ฉันไว้
ตึกตัก ตึกตัก เสียงหัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะหลุดออกมา…
และเขาพาฉันเดินออกมาโดยมีร่มของเขากางบังฝนพามายังรถของเขาทันที
“เอ่อ เดี๋ยวลินวิ่งไปป้ายรถเมล์ต่อเองค่ะ” ฉันเอ่ยบอกเขาไป
“ขึ้นรถ” เขาพูดขึ้นเสียงเรียบก่อนจะเปิดประตูดันฉันเข้ามาในรถและเขาก็วิ่งไปนั่งฝั่งคนขับทันที
“บ้านเธออยู่ไหน” เขาหันมาถามฉันด้วยท่าทีปกติ
“เอ่อ ลินกลับเองได้ค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยความเกรงใจ แต่พี่กราฟฟิคกลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของฉัน ทำให้ฉันทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งนิ่ง
“บ้านเธออยู่ที่ไหน” เขาถามเน้นย้ำอีกครั้ง ฉันจึงได้สติก่อนจะหันหน้าหนีและบอกทางบ้านเขากลับไป แต่พี่เขาก็ยังไม่ยอมหันกลับไปนั่งที่เดิม ฉันจึงหันกลับมาจะเอ่ยบอกเขา แต่มันเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาโน้มตัวมาทางฉันพอดีจนใบหน้าเราห่างกันเพียงแค่ปลายจมูก ฉันจึงหลับตาแน่น
ตึกตัก ตึกตัก เสียงหัวใจฉันเต้นระรัวจนมันจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว…
พรึ่บ! เขาเอื้อมมือมาคาดเข็มขัดให้ฉัน แล้วพี่กราฟฟิคก็ขับรถมาส่งฉันที่บ้าน
เอี๊ยดด
“ขอบคุณนะคะ” ฉันหันไปเอ่ยบอกก่อนจะยิ้มตาหยีให้เขาด้วยความรู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ ที่อุสาห์ขับรถมาส่งฉันถึงที่บ้าน
“อืม” เขาก็พยักหน้ารับ ฉันจึงรีบกอดแฟ้มเปิดประตูเดินลงรถไปและรอเขาขับรถออกไปฉันถึงเดินเข้าบ้าน…