เฮ้ย!!!!!
“ทำไมเปิดไม่ออก ใครแกล้งว่ะ” ท็อปพยายามจะเปิดประตูตู้เสื้อ ก็เปิดไม่ออก ด้วยความที่ตื่นเต้น บวกกับอยู่ในที่แคบ และมืด อากาศในนี้ก็น้อยนิด ท็อปเริ่มเขย่าประตูตู้เสื้อผ้าแรงขึ้น
“ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย มีใครอยู่ข้างนอกมั้ย” ท็อปตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดังลั่น
ภายนอกเงียบสนิท ไม่มีเสียงอะไรเคลื่อนไหว เหมือนกับไม่มีใครอยู่ข้างนอก ในขณะที่ท็อปกำลังจะสติแตก ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“เฮ้ย โทรศัพท์” ท็อปรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาดู
“อ้าว ปิดเครื่อง แล้วเสียงโทรศัพท์ใครวะ”
ในระหว่างที่สงสัยว่าเสียงโทรศัพท์เป็นของใคร ท็อปก็ลองเปิดตู้เสื้อผ้าอีกที คราวนี้เปิดออกอย่างง่ายดาย และภายในห้องก็ว่างเปล่า ไม่มีใคร แม้แต่หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้นอนสลบอยู่บนเตียงก็หายไปด้วย
มีเพียงแสงไฟจากภายนอกสาดเข้ามาในห้อง ท็อปรีบวิ่งออกจากห้องของมายด์ทันที โดยที่ไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของเขามีอยู่สายตาของใครบางคน
ท็อปรีบเดินไปหาเพื่อนด้วยสีหน้าแตกตื่น พยายามข่มอารมณ์แต่ก็ไม่เป็นผล โชคยังดีที่หลายๆ คนในงานส่วนใหญ่อยู่ในความมึนเมา ไม่สนใจว่าใครจะเป็นอะไร เมื่อหมอกกับริวเห็นเพื่อนกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาจากไกลๆ ก็รีบขอตัวจากสองสาวทันที เพราะกลัวว่าจะมีพิรุธ
หมอก : “เกิดอะไรขึ้นว่ะ ทำไมทำหน้าแบบนี้”
ริว : “ทำไมเสร็จเร็วจังว่ะ หรือน้องแม่งไม่ใช่ผู้หญิง หน้าตาตื่นเชียว ฮ่าๆๆ” ริวพูดติดตลก
ท็อป : “แยมหายไปว่ะ กูไม่รู้มีใครมาพาไป มันเป็นใครก็ไม่รู้ แล้วมันจะแจ้งตำรวจมาจับกูมั้ย” ท็อปพูดออกมาแบบคนเสียสติ พูดจับใจความไม่ได้ เพราะก่อนที่แยมโรลจะหมดสติ ได้เห็นหน้าท็อปผ่านทางกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง
ริวกับหมอกต่างพากันตกใจ แล้วรีบแยกย้ายกันไปหาแยมโรล ส่วนท็อปสติยังไม่เต็มร้อย เลยให้ไปนอนพักที่ห้องของหมอกก่อน เพื่อไม่ให้ใครผิดสังเกต ส่วนมายด์ถูกสั่งให้ออกไปซื้อของข้างนอก
หมอกโทรตามลูกน้องคนสนิทให้ช่วยกันตามหาแยมโรลภายในบ้าน
“คนทั้งคนจะหายจากบ้านไปได้ยังไง” หมอกคิดว่าแยมโรลยังอยู่ภายในบ้านอย่างแน่นอน เพราะมีทั้งแม่บ้านและคนขับรถอีกหลายคน เป็นไปไม่ได้ว่าจะรอดพ้นสายตาคนของเขาไปได้
“นี้ก็เกือบจะหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมยังอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าไม่เสร็จสักที” ไข่มุกเริ่มบ่น จะไปถามมายด์ ก็ไม่รู้มายด์อยู่ที่ไหน ในใจก็ยังคิดว่ามายด์กับแยมโรลอยู่ด้วยกันในห้อง
จนเวลาล่วงเลยมาเกือบสี่ทุ่ม สองสามเริ่มง่วงนอนอยากจะกลับบ้าน แต่แยมโรลกับมายด์ก็ยังไม่มา โทรหาแยมโรลก็ไม่มีคนรับ คนอื่นๆ ก็เริ่มแยกย้ายกันกลับบ้าน
“พี่หมอกค่ะ มายด์กับแยมยังไม่เสร็จเหรอคะ มุกโทรไปก็ไม่รับ”ไข่มุกถามอย่างร้อนใจที่ติดต่อเพื่อนไม่ได้
“พี่หมอกบอกได้มั้ยค่ะว่ามายด์อยู่ห้องไหน เดี๋ยวพวกเราจะขึ้นไปตาม” เอแคลร์เสนอเพราะเกรงใจ ไม่อยากรบกวนพี่หมอกถ้าจะให้เขาขึ้นไปตาม
“เดี๋ยวพี่ไปตามให้นะ” หมอกไม่ตอบ แต่รีบขอตัวออกไปทันที
สองสาวมองตามหลังหมอกจนลับตา
“เอาไงดีแก ฉันว่ามันแปลกๆนะ ปกติแยมมันไม่ใช่คนจะมาเถลไถลแบบนี้” เอแคลร์หันไปบอกกับไข่มุก เธอรู้สึกไม่สบายใจ
“ก็นั่นนะซิ เราโทรหลายรอบแล้วนะ มันไม่รับสายเลย” ไข่มุกยื่นโทรศัพท์ให้เอแคลร์ดูว่าเธอกดโทรออกหาแยมโรลเป็นสิบสายแต่เพื่อนสาวกลับไม่รับและไม่มีทีท่าจะโทรกลับมาด้วย
“เออ...แล้วพี่ท็อปกับพี่ริวหายไปไหนอะ” เอแคลร์ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“น้องมุก น้องเอแคลร์...มายด์บอกว่าน้องแยมโรลกลับบ้านไปแล้ว เห็นว่าปวดหัว เลยขอกลับก่อน” หมอกเดินกลับมาบอกสองสาวที่ยังนั่งรอเพื่อนสาวอีกคนอยู่ที่โต๊ะ
“อ้าว!! กลับแล้วทำไมไม่มาบอกพวกเรานะ” เอแคลร์พูดกับพี่หมอกแล้วหันไปมองดูรอบๆภายในงาน
“เออ....แยมฝากมายด์มาบอกมุกกับแคลร์นานแล้ว แต่มายด์ลืม แล้วพี่ก็ใช้มายด์ไปทำธุระด้วยนะ ขอโทษทีนะ” หมอกรีบแก้ตัว กลัวว่าสองสาวจะสงสัยมากไปกว่านี้
“ป่านนี้คงถึงบ้านนอนไปแล้วมั้ง เพราะมายด์บอกว่ากลับไปนานแล้ว งั้นพี่ไปหาไอ้ริว กับไอ้ท็อปก่อนนะ” พูดเสร็จหมอกก็รีบเดินหนีไป ทิ้งสองสาวไว้ ยังไม่ทันได้กล่าวลา
“เอาไงดีแก เรากลับเลยมั้ย” มุกถามความเห็นเพื่อน
“อืม....ถ้าแยมมันกลับแล้ว เราก็กลับกันเถอะ แต่ฉันว่ามันแปลกๆนะ ปกติแยมมันไม่ใช่คนแบบนี้” เอแคลร์ผิดสังเกตกับพฤติกรรมของเพื่อน
ณ คอนโดหรูแถบชานเมือง
“อื้อออ......ปวดหัวจัง” แยมโรล เริ่มขยับตัว มือบางกุมขมับที่ปวดทั้งสองข้าง ตาสองข้างยังปิดสนิท หญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวไปมา
เอ๊ะ!!! มือข้างหนึ่งควานไปรอบตัว จนไปสัมผัสโดนบางสิ่งบางอย่าง
“อืมมม....ทำไมมันนิ่มๆ” หญิงสาวพูดขึ้น ทั้งที่เปลือกตาสวยยังปิดสนิท
“เอ๊ะ ทำไมมันแข็งๆ แล้วอะ”
“เอ๊ะ...ใหญ่ขึ้นด้วย ....”
ในระหว่างที่มือคล้ำ คนตัวเล็กก็พยายามฝืนลืมตาขึ้นมาดู กลายเป็นว่า สิ่งที่จับอยู่คือ ดุ้นที่กำลังขยายพองตัวขึ้นเรื่อยๆ ตามที่มือนุ่มๆ สัมผัส
กรี๊ดดดดดดดด!!!!!
เสียงกรี๊ดดังมาก จนทำให้คนที่นอนอยู่ข้างๆ ตื่นขึ้นมาแบบหงุดหงิด
“เงียบบบ จะร้องทำไม”
แยมโรลมองตามเสียง ถึงเธอจะยังมึนๆ เพราะฤทธิ์ยาสลบ ตายังมองไม่ค่อยชัด สติยังไม่ครบถ้วน แต่เสียงที่ได้ยิน เธอจำได้ดี
“อาจารย์ติณณภพ!!!” แยมโรลอุทานเสียงหลง
หญิงสาวมองซ้าย มองขวา สายตาเริ่มปรับสภาพได้ มองเห็นอะไรชัดเจนขึ้น เธอก็ต้องตกใจหนักกว่าเดิม คือตัวเธออยู่บนเตียงกับเขา บนตัวเธอมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว แล้วมีผ้าห่มคลุมตัวอีกผืน ส่วนอาจารย์ติณณภพ ก็มีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวที่ปกปิดส่วนล่างเอาไว้ แยมโรลเห็นดังนั้นก็ทั้งกรี๊ด ทั้งตี ทั้งด่าอาจารย์ติณณภพไม่หยุด
“อาจารย์ทำไมทำกับหนูแบบนี้ หนูเป็นลูกศิษย์อาจารย์นะ” กำปั้นเล็กๆ ทุบตีไปที่อกแกร่งซิกแพคแน่น ปากก็ตะโกนโวยวาย
“เลิกบ้าสักที พอได้แล้ว” มือหนาจับข้อมือเล็กไว้แน่น เพื่อให้คนตัวเล็กหยุดทุบตี
แยมโรลพยายามที่จะดิ้น เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่สิ่งที่หลุดมันไม่ใช่มือ แต่มันคือผ้าขนหนูที่อยู่บนตัวของเธอต่างหาก
พรึ่บบบ.....
ผ้าขนหนูหลุดจากอก ลงไปกองอยู่ที่เอวคอด ทำให้คนตรงหน้าเห็นสองเต้างาม และเต่งตึง เธอกรีดร้องอีกครั้งด้วยความตกใจ จะเอามือมาปิดเต้าสวยสองข้างก็ไม่ได้ เพราะชายหนุ่มยังจับข้อมือเธอไว้แน่น
สายตาคมจ้องอยู่ที่เต้างาม ตาไม่กะพริบ มีแอบลอบกลืนน้ำลายเบาๆ ในช่วงที่ชุลมุนวุ่นวาย หญิงสาวไม่ยอมเงียบสักที
อื้มมม.....
ปากหนาปิดปากบางทันที ยิ่งปากบางพยายามจะกรีดร้องทักท้วงมากเท่าไร ยิ่งเป็นการเปิดช่องว่างให้ปากหนารุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ในที่สุดเสียงกรีดร้องก็หายไป เหลือแต่เสียงคราง
“อื้มมม อื้ม”
จูบสะเปะสะปะบ่งบอกถึงนี้คือจูบแรกของเธอ ปากบางเริ่มจะหายใจแผ่วเบา ติณณภพจึงค่อยๆ ถอนจูบออกอย่างช้าๆ เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้หายใจ ปากบางรีบหายใจเข้าปอดอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งเหมือนคนจะขาดใจตาย สายตาของแยมโรลมองไปที่ติณณภพอย่างคาดโทษ
หลังจากที่ชายหนุ่มปล่อยเธอเป็นอิสระจากจูบนั้น หญิงสาวก็พยายามนึกว่าร่างกายเธอมีอะไรที่ผิดปกติไปบ้าง สิ่งที่เธอหวงแหนยังอยู่ดีรึเปล่า
“ไม่ต้องคิดเข้าข้างตัวเองนะ ฉันไม่ชอบอะไรที่จืดชืด” ชายหนุ่มพอจะเดาความคิดของหญิงสาวได้ สายตาเหยียดหยามส่งมาให้เธอ
หญิงสาวพอได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ๆคือเขาได้พรากจูบแรกของเธอไป.....