“พี่แทน” เป็นคนเดียวที่จะช่วยผมแก้ปัญหานี้ได้ ตั้งแต่คุณลุงเสีย พี่แทนก็เข้ามาดูแลกิจการต่อและขยายสาขาไปตามจังหวัดต่างๆ จนกลายเป็นโรงพยาบาลใหญ่ประจำจังหวัดแล้ว ด้วยความที่เป็นคนรู้จักคนเยอะและมีความสามารถรอบด้าน ทำให้พี่แทนสามารถทำอะไรได้ง่ายขึ้นด้วย รวมไปถึงส่งคนเข้าสืบหาหลักฐานคนที่ฆ่าพ่อแม่ผม
“นี่นายจะไปไหน”
“อย่ายุ่ง”
“นายจะปล่อยฉันอยู่ในห้องคนเดียวหรอ ฉันขอเสื้อผ้าฉันคืนได้มั้ย”
“ไม่มี” ผมลืมหยิบเสื้อผ้าของเธอออกมาด้วย
“แล้วฉันจะกลับบ้านยังไง แล้วโทรศัพท์ฉันอยู่ไหน”
คนตัวเล็กเริ่มจะโวยวายอีกรอบ เธอกลัวพ่อกับแม่จะเป็นห่วง ติณณภพไม่ตอบอะไรแล้วเดินออกจากห้องไป
หญิงสาวนอนร้องไห้อยู่บนเตียง มีสิ่งเดียวที่ห่อหุ้มตัวคือผ้าเช็ดตัวจากบ้านของมายด์ และผ้าห่มที่คลุมตัวอีกผืน จนเผลอหลับด้วยความอ่อนเพลีย
เช้าวันใหม่แสงแดดสาดส่องทะลุผ้าม่านเข้ามาในห้อง หญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวจะลุกขึ้น หันไปด้านข้างคิดว่าคนตัวโตจะกลับมานอน แต่มันกลับมีแต่ความว่างเปล่า ที่นอนเย็นเฉียบ เหมือนว่าไม่มีใครมานอนเลย
“นี่นายปล่อยฉันอยู่คนเดียวทั้งคืนเลยหรอ ทำไมนายมันเลวอย่างนี้” ฉันกำลังตัดพ้อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แกร่ก!!.....เสียงเปิดประตูห้อง
“เอาไปซิ แล้วรีบๆ กลับไปได้แล้ว คนจะนอน” ติณณภพโยนถุงกระดาษลงบนเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
“นี่มันกระเป๋า กับเสื้อผ้าฉันนิ อย่าบอกนะว่านายกลับเข้าไปเอาที่บ้านมายด์”
“.................................”
ปัง!!!
คนตัวเล็กรีบแต่งตัวแล้วออกจากห้องของติณณภพทันที โดยไม่รอคนตัวโตออกมาจากห้องน้ำ
“หึ หวังว่าชาตินี้เราจะไม่ต้องพบกันอีก ถึงนายจะเป็นซันหรือไม่ใช่ แต่นายทำแบบนี้กับฉัน ๆ ก็ไม่อยากที่จะพบนายอีกแล้ว”
ก่อนกลับเข้าบ้าน แยมโรลแวะร้านขายยาเพื่อซื้อยาคุมฉุกเฉิน.....พอกลับถึงบ้านก็โดนพ่อแม่ซักถามยกใหญ่ เพราะติดต่อเธอไม่ได้ แถมติดต่อเพื่อนเธอก็ไม่ได้อีก เธอเลยโกหกไปว่าไปมันดึกแล้วเลยนอนบ้านเพื่อน แล้วทำโทรศัพท์หายบนรถแท็กซี่
ก๊อกๆๆๆ
“พี่เค้กๆๆ ไปห้างกันมั้ย”
“อารมณ์ไหนของเธอ ปกติชวนไม่ค่อยอยากจะไป” พี่เค้กเปิดประตูออกมาบ่นน้องสาว
“โทรศัพท์แยมหายอ่ะ พาไปซื้อใหม่หน่อยซิ”
“อ๋อ...เคๆ พอดีเลยฉันอยากจะได้ชุดใหม่ งั้นไปก็ได้” เค้กตอบตกลงอย่างง่ายดาย
หลังจากที่แยมโรลได้โทรศัพท์ก็ส่งข้อความหาเพื่อนสาวทันที
ติ๊ง! ติ๊ง! (เสียงข้อความ)
“แกร๊!!!.......เมื่อคืนแกหายไปไหนมา พวกฉันหาแกจนทั่วเลย แล้วพี่หมอกมาบอกว่าแกกลับแล้ว” ไข่มุกยิงคำถามใส่เธอรั่วๆ
“ช่ายๆ แล้วบอกว่าไม่ค่อยสบาย เป็นอะไรมากรึเปล่า” เอแคลร์ถามต่อ โดยไม่เว้นช่องว่าง
“เออ...พอดีปวดหัวนิดหน่อย ฉันเลยขอตัวกลับก่อน ขอโทษพวกแกด้วยนะที่ไม่ได้บอกก่อน” ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเพื่อนจะเชื่อมั้ย แต่ตอนนี้ฉันนึกคำแก้ตัวออกแค่นี้นี่นา
หลังจากคุยกับเพื่อนเสร็จฉันก็เดินเล่นกับพี่เค้กต่อ สายตาเจ้ากรรมก็หันไปเจอกับสิ่งที่ไม่ควรเจอ
“ทำไมเขามาอยู่ที่นี่” ภาพตรงหน้าคือชายหญิงคู่หนึ่งเดินโอบไหล่ เกาะเอวกันเข้าร้านขายเครื่องสำอางแบรนด์ดัง
“เอ๊ะ!!!เขามีแฟนแล้วหรอ”
“มองอะไรเหรอ” พี่เค้กหันมาถาม
“อ่อ...เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
แล้วทำไมเมื่อคืนเขา.... ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ว่ามันคือครั้งแรกของฉัน แถมยังปล่อยในอีก นี่มันอะไรกัน ฉันยืนคิดคนเดียว สายตาก็ยังมองสองคนนั้นอยู่
“อ๊ะ!”
สติกลับมาในจังหวะที่ติณณภพหันหน้ามองมาทางหญิงสาว แล้วเขาก็หันหน้าไปทางเดิม เหมือนเขามองไม่เห็น หรือเขาไม่สนใจฉันกันแน่ ทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน ตอนนี้อารมณ์ฉันพุ่งปี๊ดดเลย นี่เขามีแฟนอยู่แล้ว แต่มาหลอกฉันหรอ!!!! ได้...ฉันจะทำให้แฟนนายตาสว่าง ว่าคนอย่างนายมันเลวแค่ไหน....
ฉันบอกพี่เค้กว่าเจอเพื่อน เดี๋ยวจะไปกินข้าวกันต่อ ให้พี่เค้กกลับบ้านก่อนเลย แล้วฉันก็สะกดรอยตามสองคนนั้นไป รอจังหวะที่สองคนนั้นไปที่ลานจอดรถ คนไม่พลุกพล่านมาก ฉันก็เดินไปดักหน้าทันที ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าฉันงง งง ส่วนนายติณณภพไม่แสดงอาการใดๆ
“เธอรู้มั้ยว่าแฟนเธอกำลังสวมเขาให้เธออยู่”
ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าฉันนิ่งๆ ไม่แสดงสีหน้าท่าทางอะไร
“นี่ฉันพูดขนาดนี้เธอยังจะไม่เชื่อฉันอีกหรอ ที่ฉันมาบอกเพราะอยากให้เธอตาสว่าง ไม่โดนผู้ชายคนนี้หลอกนะ” ฉันโมโหมาก นี่ฉันเล่าความน่าอับอายของตัวเองขนาดนี้ยังไม่เชื่อฉันอีก
“หลีกไป”
“ไม๊ ฉันจะทำให้ผู้หญิงคนนี้รู้ว่านายมันเลวแค่ไหน” ติณณภพเดินมาพูดประชิดตัว คนตัวสูงก้มตัวลงมาปากพูดอยู่ข้างหูฉัน “เธอกล้ามากนะ” ฉันหันไปมองหน้าทันที ตอนนี้หน้าของเราอยู่ห่างกันไม่ถึงฝ่ามือ
“แล้วเธอไม่บอกด้วยล่ะว่าเราเอากันท่าไหนบ้าง” อยู่ๆ สมองก็คิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน หน้าฉันเริ่มแดงทันที
“ไอ้บ้า”
“ถ้าอยากมากก็บอก ไม่ต้องทำแบบนี้ ฉันสนองให้ได้เสมอ”
“อยากบ้า อยากบออะไร” ฉันตะโกนดังลั่น เพื่อจะให้ผู้หญิงคนนั้นได้ยิน... อะ อ้าว?? ผู้หญิงคนนั้นหายไปไหนแล้ว ฉันหันซ้าย หันขวามองหา “หึๆ เธอคงต้องชดใช้ให้ฉันแล้วล่ะ”
“เรื่องอะไร นายพูดบ้าอะไร”
พูดจบติณณภพก็ลากแขนเล็กเหวี่ยงขึ้นไปบนรถฝั่งข้างคนขับ
“อย่าลง ถ้าฉันไม่อนุญาต ไม่งั้นเธอเจอดีแน่”
มือเล็กกำลังจะจับประตูก็ต้องชะงักกับคำขู่ของเขา เพียงไม่กี่ก้าว คนตัวโตก็นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับเรียบร้อยแล้วออกรถทันที
“นายจะพาฉันไปไหน”
“ฉันบอกแล้ว เธอต้องชดใช้” ติณณภพหันหน้าไปบอกหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ
“ชดใช้เรื่องอะไร แล้วผู้หญิงคนนั้นไปไหน” ฉันโวยวายถามหาผู้หญิงคนนั้นไม่หยุด
“เธอหึงฉันหรอ”
ฉันเงียบทันทีกับสิ่งที่ได้ยิน
“หึง!!! หึ จะบ้าเหรอ เราเป็นอะไรกัน ทำไมฉันต้องหึงนายด้วย”
ฉันนั่งนิ่งหันหน้ามองไปทางถนน แล้วไม่มีเสียงพูดคุยของเราสองคนอีก
แสงแดดยามบ่ายสาดทะลุกระจกเข้ามา อุณหภูมิภายนอกที่ร้อนอยู่แล้ว ภายในรถร้อนยิ่งกว่า
“ตกลงนายจะพาฉันไปไหน”
ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนที่อยู่หลังพวงมาลัย รถยังคงแล่นต่อไปบนถนนที่ตอนนี้สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่เรียงเป็นแถว ตลอดเส้นทาง ดูร่มรื่น ถ้ามาเที่ยวกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ ถือว่าบรรยากาศแบบนี้เหมือนมาพักผ่อน แต่ตอนนี้เธอถูกบังคับมานะซิ ไม่มีอารมณ์อินกับบรรยากาศดีๆ แบบนี้ คนตัวเล็กได้แต่นั่งมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกไปเรื่อยๆ
ครืด ครืด.....เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าถือใบเล็กสั่น มือเล็กรีบเปิดกระเป๋าควานหาโทรศัพท์เครื่องหรู
“อ๊ะ..อยู่นี่เอง”
หมับ!! ติ๊ด …..
“นายทำบ้าอะไร เอาโทรศัพท์ฉันคืนมา” มือหนาแย่งโทรศัพท์ตัดสายแล้วปิดเครื่องเรียบร้อย
มือเล็กพยายามแย่งโทรศัพท์ในมือ
“หยุด!!!!อยากตายรึยัง”
“นายก็คืนโทรศัพท์ฉันมาซิ”
ติณณภพไม่ตอบแล้วยัดโทรศัพท์ใส่ในกางเกงด้านขวาของตัวเอง คนตัวเล็กแสดงท่าทางไม่พอใจ
“อะไรของนาย จะเอาของฉันไปทำไม เอาคืนมานะ”
“.................................”
คนตัวเล็กย่นจมูกใส่ไปหนึ่งที
“ชิ!!ฉันขี้เกียจจะยุ่งกับนายแล้วนะ เอาโทรศัพท์มาแล้วปล่อยฉันลงตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวฉันหาทางกลับเอง”
ที่เธอกล้าพูดเพราะมันผ่านแหล่งชุมชน เธอคิดว่าสามารถหารถกลับเองได้
“ได้ฉันจะปล่อยเธอลง” ติณณภพขับรถมาเรื่อยๆ อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ตรงนี้เริ่มเปลี่ยว ข้างทางมีแต่ป่า ห่างจากแหล่งชุมชนที่เธอเห็นในตอนแรก
“ลงไปซิ”
“นายจะบ้าหรอ มาให้ฉันลงตรงนี้”
“ลงไป”
“ไม่ นี่มันเริ่มมืดแล้วนะ แถวนี้ก็เปลี่ยว ทำไมนายไม่ปล่อยฉันลงแถวตลาดที่ผ่านมาล่ะ”
“ฉันจะให้เธอลงตรงนี้ ลงไป”
“ขอร้องเถอะนะ อย่าทำแบบนี้เลย ช่วยไปส่งฉันได้มั้ย” ในเมื่อใช้น้ำร้อนไม่สำเร็จ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นน้ำเย็น
“ทียังงี้มาขอร้อง หึ ปากดีนักก็ลงไป”
“ไม่ลง ฉันขอโทษ ฉันจะไม่อวดดีอีกแล้ว แต่นายกลับไปส่งฉันได้มั้ย”
“ไม่ลงก็นั่งเงียบๆ”
สุดท้ายฉันก็ไม่สามารถต่อรองกับเขาได้ รถแล่นไปสักระยะจนฉันเผลอหลับไป รู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีตอนที่มีลมแรงๆ กระทบเข้าที่หน้า
“อืมมม...เย็นสบายจัง” ฉันพูดในขณะที่ยังหลับตา แต่รู้สึกได้ถึงลมที่พัดมา
“ตื่นได้แล้ว ยัยขี้เซา”
ฉันงัวเงียตื่นมา พบว่ารถจอดอยู่ในลาดจอดรถของรีสอร์ตที่ไหนสักที่ มีบ้านพักเรียงเป็นทางยาวอยู่ 5 หลัง ระเบียงหันหน้าไปทางทะเลที่สามารถเดินลงไปเล่นน้ำได้
“ที่นี่ที่ไหน นายพาฉันมาที่นี่ทำไม”
ผมไม่ตอบแล้วเดินถือกระเป๋าของตัวเองเข้าห้องพักไป
“เดี๋ยวซิๆ ฉันไม่มีเสื้อผ้านะ พาฉันกลับบ้านได้มั้ย นาย นาย”
ฉันตะโกนตามหลังเขาไป แต่เสียงของฉันเหมือนแค่เสียงจักจั่นที่ลอยไปตามลมเท่านั้น