ตอนที่ 1

1036 Words
บำบัดสวาท พ่-อ-ส-า-มี ผู้​เขียน กาสะลอง ไม่​อนุญาต​ให้​สแกน​หนังสือ​ หรือ​คัด​ลอก​เนื้อหา​ส่วน​ใด​ส่วน​หนึ่ง​ของ​หนังสือ เว้น​แต่​ได้​รับ​อนุญาต​จาก​เจ้าของ​หนังสือ​เท่านั้น นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ………. นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง *เราเตือนท่านแล้ว* ครั้งแรกที่เจอหน้าผู้ชายคนนี้… หล่อนรับรู้ได้ถึงสัมผัสพิเศษบางอย่าง มันเป็นความรู้สึกเร่าร้อนรุนแรง เป็นเรื่องของอารมณ์ที่ยากจะบอกใคร หล่อนสงสารเขาที่ต้องอยู่คนเดียว ด้วยความตั้งใจว่าจะฉุดเขา ให้ก้าวออกมาจากหลุมอันมืดดำ หากสุดท้ายหล่อนกลับค้นพบว่าตัวเอง กำลังถลำลึกดำดิ่งลงในวังวนสวาท อันเชี่ยวกรากโดยไม่รู้ตัว บำบัดสวาท พ่-อ-ส-า-มี พุทธศักราช 2556 เชียงใหม่ ที่บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ เป็นบ้านไม้ ปลูกสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ตั้งอยู่ท่ามกลางไร่องุ่นเนื้อที่หลายร้อยไร่ที่เจ้าของบ้านเป็นชายวัยห้าสิบปี มีนามว่า ‘สันต์’ เขาซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้เพราะตั้งใจว่าวันหนึ่งเมื่อเกษียณราชการ จะย้ายมาอยู่พร้อมกับภรรยา ทว่าเมื่อวันนั้นมาถึงเข้าจริงๆ หลายๆ อย่างที่สันต์เคยวาดภาพเอาไว้ กลับพังทลายล้มครืน ไม่เป็นไปตามที่ใจหวัง ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งทุกวันของชีวิตคุ้นเคยอยู่กับการตื่นเช้าเพื่อไปทำงานตั้งแต่อายุยี่สิบห้าจนถึงห้าสิบปี จะปรับตัวได้ในวันที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่บ้านหลังเกษียณเพียงลำพัง เพราะว่าภรรยาสุดที่รักที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาก็ต้องมาตายจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามปีก่อน จากนั้นสันต์กลายเป็นคนซึมเศร้า เบื่อหน่ายชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว “คุณพ่อครับ… วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ” ‘แทนไท’ ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของสันต์เดินเข้ามาสวมกอดผู้เป็นบิดาจากทางด้านหลัง เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เพราะว่าตลอดเดือนที่ผ่านมานี้ผู้เป็นพ่อต้องเคลื่อนที่ด้วยรถเข็นเป็นส่วนใหญ่ ภายหลังจากเกิดอาการเครียดจัดจนล้มป่วยลงด้วยอาการกล้ามเนื้อแขนและขาอ่อนแรง “เรื่อยๆ… ” สันต์ตอบคำถามของลูกชายเพียงสั้นๆ แทนไท สังเกตเห็นว่าดวงตาของสันต์ดูเศร้าหมอง มองเหม่อไปยังความเวิ้งว้างเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย อาการของสันต์นับวันยิ่งเหมือนคนที่กำลังเบื่อหน่ายชีวิตอย่างแรง ในช่วงที่เป็นโรคซึมเศร้า ทำให้สันต์กลายเป็นคนพูดน้อย ถามคำตอบคำ จากนั้นก็เริ่มเงียบ นิ่ง เก็บตัว เข้าใจยาก สันต์ค่อยๆ สร้างโลกส่วนตัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และจากนั้นก็ไม่ค่อยพูดจากับใครอีกเลย ต่างจากเมื่อก่อนที่เคยเป็นคนขยันขันแข็งและยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นที่รักของคนงานในไร่ อาการของผู้เป็นบิดาที่ได้มาเห็นด้วยตาของตัวเองในวันนี้ กำลังสร้างความหนักใจให้กับแทนไทที่เพิ่งได้รับทุนไปเรียนต่อปริญญาโททางด้านการศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น แสงแดดยามสายสาดเข้ามาอาบสนามหญ้าหญ้าบ้าน สายลมจากชายเขาพัดมากระทบต้นลีลาวดีออกดอกสีขาวสะพรั่งใกล้ซุ้มศาลาหน้าบ้าน แทนไทใสรถเข็นของบิดาออกมาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เพราะอยากให้ผู้เป็นพ่อได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ได้รับลมเย็นโชยมาจากทิวเขาโอบล้อมไร่องุ่นเขียวขจี “รินน์… ผมคิดว่าจะสละทุนรัฐบาลญี่ปุ่น” ภายหลังจากพาบิดากลับเข้ามาในบ้าน แทนไทขอความเห็นจากหญิงสาวคู่ชีวิต เขามักจะเรียกชื่อของหล่อนสั้นๆ ว่า ‘รินน์’ ชื่อจริงคือ ‘ระรินน์’ เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นวัยยี่สิบสี่ปี แม่ของหล่อนเป็นชาวญี่ปุ่นที่แต่งงานกับสามีคนไทย เรื่องสละทุนการศึกษา แทนไทนอนคิดมาแล้วทั้งคืน ก่อนที่จะมาเยี่ยมบิดาในวันนี้ “ไม่ได้นะคะพี่แทน… นี่เป็นโอกาสดีในชีวิต ใช่ว่าโอกาสแบบนี้จะได้มาง่ายๆ… ” ระรินน์รีบค้าน… เรียกชื่อแทนไทว่า ‘แทน’ เพียงสั้นๆ จนติดปาก หล่อนไม่อยากให้สามีต้องละทิ้งความฝัน เพราะว่าการเรียนปริญญาโทคือสิ่งที่แทนไทใฝ่ฝันและพูดถึงมาตลอด “แต่พี่เป็นห่วงพ่อ… ” น้ำเสียงลังเล สองจิตสองใจ “งั้นเอาเป็นว่ารินน์จะมาช่วยดูแลคุณพ่อดีไหมคะ… ” ระรินน์รู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่กะทันหัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรดลใจ หลังจากมองสบตากับพ่อสามีแล้วหล่อนเกิดความรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาจับใจ ระรินน์ยอมรับว่ารู้สึกถูกชะตากับสันต์ขึ้นมาอย่างประหลาด “อะไรนะ… นี่รินน์พูดจริงใช่ไหม” แทนไทตกใจกับการตัดสินใจของภรรยา “ค่ะ… พี่แทนจะได้ไปเรียนต่อให้สบายใจ… ” ระรินน์พูดจริง… ทุกวันนี้หล่อนทำอาชีพอิสระ ไม่ได้ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนจึงไม่ต้องยึดติดอยู่กับวันเวลา ตลอดระยะเวลาสองปีภายหลังลาออกจากอาชีพพยาบาลที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อมาทำงานเป็นนักเขียนนิยายที่ตัวเองรัก ระรินน์มีรายได้ทุกเดือนไม่ต่ำกว่าแสน และครอบครัวที่ญี่ปุ่นของหล่อนก็มีฐานะร่ำรวยมาก ระรินน์จึงไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทองแต่อย่างใด “รินน์แน่ใจนะ… ” ที่แทนไทต้องถามย้ำอีกครั้ง… ก็เพราะเขารู้ว่าถ้าระรินน์ตัดสินใจเช่นนี้ หล่อนจะต้องย้ายจากบ้านที่กรุงเทพฯ มาอยู่เชียงใหม่ อยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกับพ่อสามี “ค่ะ… แน่ใจสิคะ… รินน์อยากช่วยดูแลคุณพ่อ… รินน์สงสารพ่อสันต์ค่ะ แล้วอีกอย่างก็คือระหว่างนี้รินน์จะได้เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD