5 - ทะ ท้อง ?

1668 Words
ฉันไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยว หลังจากอ้วกเสร็จก็ขอพี่เอ็มกลับมาที่บริษัทเลย เมื่อมาถึงโต๊ะทำงานฉันก็ฟุบหน้าหลับที่โต๊ะเพราะรู้สึกเพลียเอามากๆ นอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ฉันต้องสะดุ้งตื่นเพราะมีคนมาสะกิด ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเห็นว่าเป็นพี่เอ็ม และในตอนนี้พนักงานคนอื่นๆ ก็มานั่งประจำที่ที่โต๊ะทำงานกันหมดแล้ว “อะ อลิชขอโทษค่ะ” ฉันรีบก้มหน้าขอโทษพี่เอ็มเพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองนอนหลับ ไม่ได้ตั้งใจทำงาน “พี่ไม่ได้ว่าอะไร ลางานครึ่งวันไหมตอนนี้หน้าอลิชซีดมากเลยนะ” “ไม่เป็นไรค่ะอลิชไหว” “ตอนเที่ยงอ้วกขนาดนั้นจะไหวได้ยังไง กลับบ้านก่อนพี่อนุญาตให้ลาหยุดพรุ่งนี้ด้วย” “แต่อลิช…” “อย่าฝืนร่างกายตัวเองสิอลิช พี่เป็นห่วง” สายตาของพี่เอ็มที่มองอยู่มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเอามากๆ “ขอบคุณค่ะ ถ้าอลิชหายดีแล้วจะรีบกลับมาทำงานนะคะ ^_^” “รีบๆ หายล่ะ ไม่เจอหน้าอลิชพี่คงเหงาแย่” “พี่เอ็มก็ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อยเลยนะคะ” “พี่พูดจริงๆ นะครับ” ฉันนิ่งไปเมื่อได้เห็นสีหน้าที่จริงจังของพี่เอ็ม จู่ๆ มันก็รู้สึกมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก “งะ งั้นอลิชกลับบ้านก่อนนะคะ” “เดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่รถ” “มะ ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาแล้วรีบก้มหน้าก้มตาเดินออกมาจากบริษัท มันรู้สึกเขินพี่เอ็มเอามากๆ จนทำตัวไม่ถูก #บ้าน วันนี้พ่อออกไปธุระข้างนอกกว่าจะกลับก็คงจะเย็นๆ ส่วนฉันพอมาถึงที่บ้านก็นอนหลับไปเลย มันเพลียแล้วก็รู้สึกขี้เกียจเอามากๆ รู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีช่วงเย็นๆ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหิว จึงลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหาอะไรกินที่ครัว แต่!! พอเปิดตู้กับข้าวออกเท่านั้นแหละ พวกกลิ่นอาหารมันตีเข้าจมูก ทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นมาปิดปากพร้อมกับอาการคลื่นไส้จากนั้นจึงรีบวิ่งไปอ้วกที่ระเบียง เพราะคิดว่าถ้าให้วิ่งไปห้องน้ำคงไม่ทันแน่ๆ ฉันป่วยเป็นโรคร้ายอะไรหรือเปล่า ทำไมท้องมันรู้สึกหิวแต่กินอะไรไม่ได้เลย แค่ได้กลิ่นก็เวียนหัวจะอ้วก “ลุงปลูกจะไปไหนหรอคะ” ฉันกำลังเดินลงจากบ้านเพื่อมาสูดอากาศบริสุทธิ์ เห็นลุงปลูกคนงานเก่าแก่ของบ้านเดินผ่านพอดี “พ่อกำนันให้ลุงไปยกทุเรียนในสวนน่ะครับคุณหนู” ลุงปลูกจะเรียกฉันว่าคุณหนูตั้งแต่ฉันเด็กๆ ที่บ้านฉันมีสวนผลไม้ด้วยคนงานทุกคนก็จะเรียกฉันว่าคุณหนูตามลุงปลูกกันหมด พอฉันได้ยินคำว่าทุเรียนมันก็รู้สึกอยากกินเอามากๆ “อลิชอยากกินทุเรียนจังเลยค่ะ ลุงปลูกแกะให้อลิชหน่อยได้ไหมคะ” พอฉันพูดแบบนั้นลุงปลูกก็ขมวดคิ้วมองฉันแบบแปลกใจทันที “คุณหนูจะกินทุเรียนหรอครับ” มันก็ไม่แปลกที่ฉันจะถูกถามแบบนี้ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตผลไม้ที่ฉันไม่ชอบที่สุดก็คือทุเรียน ฉันไม่ชอบกลิ่นและไม่เคยเดินเข้าไปใกล้ๆ ลูกทุเรียนเลยด้วยซ้ำ หากเห็นว่าตรงหน้ามีทุเรียนวางอยู่ฉันก็จะเดินเลี่ยง “ค่ะ อลิชรู้สึกอยากกินมากๆ ลุงปลูกเอามาให้อลิชบนบ้านด้วยนะคะ ตอนนี้เลยนะคะ” “ค…ครับคุณหนู เดี๋ยวลุงจะรีบเอามาให้ตอนนี้เลย” ฉันฉีกยิ้มหวานให้ลุงปลูกจากนั้นก็ขึ้นบ้านมาดูทีวีรอ ไม่นานเท่าไหร่ลุงปลูกก็เอาทุเรียนมาให้ ฉันหยิบจานขึ้นมาดมกลิ่นมันหอมมาก หอมแบบที่ฉันไม่เคยรู้สึกว่าทุเรียนหอมขนาดนี้มาก่อน เมื่อดมกลิ่นจนพอใจแล้วฉันก็วางจานลงแล้วหยิบขึ้นมากิน เป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อเดินเข้ามาในบ้านพอดี พอหยุดเดินแล้วมองฉันเหมือนตกใจที่เห็นว่าฉันกำลังนั่งกินทุเรียนอยู่ “กินไหมคะพ่อ ^_^” พอฉันถามก็เหมือนว่าพ่อได้สติเดินมานั่งลงข้างๆ กับฉัน “ลูกไม่ชอบกินทุเรียนไม่ใช่หรือไง” “อลิชอยากลองกินดูค่ะ มันก็อร่อยดี ไม่สิอร่อยมากๆ เลยต่างหาก ^_^” คำตอบของฉันเหมือนยิ่งทำให้พ่ออึ้งมากกว่าเดิมอีก “เดี๋ยวพ่อไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน วันนี้ลูกอยากกินอะไรพ่อจะได้ทำให้” “อลิชอยากกินแกงฟักทองค่ะ” “ลูกไม่ชอบกินแกงฟักทองไม่ใช่หรือไง” นั่นสิ! ฉันไม่ชอบกินแกงฟักทองแล้วทำไมถึงรู้สึกอยากกินแบบนี้นะ วันนี้อยากกินแต่ของที่ตัวเองไม่ชอบทั้งนั้นเลย “เดี๋ยวพ่อจะทำให้กินก็แล้วกัน” พ่อเห็นว่าฉันเงียบจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ พูดจบก็เดินแยกตัวขึ้นห้องไป พอถึงมื้ออาหารเย็นจากที่ฉันเหม็นอาหารแน่พอวันนี้เห็นแกงฟักทองฉันก็กินข้าวหมดไปตั้งสามจานแหนะ ปกติฉันไม่ใช่คนกินข้าวเยอะ ครั้งนี้ฉันกินเยอะจนพ่อตกใจ อย่าว่าแต่พ่อตกใจเลยฉันก็ตกใจตัวเองเหมือนกันที่กินเยอะขนาดนี้น่ะ หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ฉันไปทำงานแบบไปวันหยุดสองวันเลยก็ว่าได้ เพราะมันเพลียตอนเที่ยงจะกินอะไรก็ไม่ได้อ้วกออกมาหมด ที่ผ่านมาฉันต้องอ้อนให้พ่อทำแกงฟักทองให้กินทุกวันถึงจะกินข้าวได้ อาหารอย่างอื่นแทบแตะไม่ได้เลย โชคดีที่พี่เอ็มเข้าใจ ฉันหยุดงานบ่อยก็ไม่ถูกบ่นแถมพี่เอ็มยังอาสาจะพาฉันไปหาหมออีกต่างหาก แต่ฉันก็ปฏิเสธไปแล้ว เดี๋ยวก็คงหายฉันคิดแบบนั้น แต่เปล่าเลยยิ่งเวลาผ่านไปร่างกายของฉันมันก็เริ่มรู้สึกไม่ปกติ ฉันเพลียและง่วงนอนแทบจะตลอดเวลา วันนี้ฉันพักอยู่บ้านเพราะอ้วกแทบทั้งคืนไม่ได้นอนและไปทำงานไม่ไหว ส่วนพ่อก็ออกไปธุระข้างนอกเหมือนเคย ปกติพ่อไม่เคยอยู่บ้านหรอก ทำงานทุก ว่างๆ ไม่มีอะไรทำฉันก็เลยโทรไปเล่นกับแพร ( ว่าไงแก คิดถึงฉันล่ะสิ ) แพรถามฉัน ( ใช่นะสิ เหงามากเลย ) ( แล้วนี่แกไม่ไปทำงานหรือไงถึงโทรมาได้ ) ( ไม่ได้ไป ช่วงนี้ฉันขาดงานบ่อยมาก ) ( ทำไมล่ะ แกป่วยหรอ ) ( ก็ประมาณนั้น ช่วงนี้ฉันกินอะไรไม่ค่อยได้ กินก็อ้วกออกมาหมด เหม็นอาหาร แต่แปลกฉันไม่ชอบกินทุเรียน ไม่ชอบกินแกงฟังทอง แต่ตอนนี้ทุเรียนกับแกงฟักทองกลายเป็นของโปรดฉันไปแล้ว ) ( แล้วนี่แกไปหาหมอหรือยังอลิช ) ( ยังเลยแก ) ( รีบๆ ไปหาเลยนะ เป็นอะไรจะได้รีบรักษา ) ( ฉันว่าจะไปพรุ่งนี้ ) ( นี่ถ้าแกมีแฟนฉันคงคิดว่าแกท้องไปแล้วนะเนี่ย ) คำพูดของแพรทำให้ฉันสะตั้นไปชั่วขณะ ทะ ท้องอย่างนั้นหรอ เหตุการณ์ในวันนั้นเริ่มผุดเข้ามาในหัวของฉัน และฉันก็จำไม่ได้ว่าคุณคานส์เขาได้ป้องกันหรือเปล่า ถ้าจะให้ถามเขาก็คงจะไม่ได้อีก ( คะ คนท้องอาการแบบนี้หรือไง ) ฉันถามแพร ( ฉันดูในละครก็เป็นแบบแกเลยนะ คลื่นไส้เหม็นอาหาร ประจำเดือนไม่มา แต่ดีหน่อยที่แกยังโสดและซิงสบายใจได้ แกไม่ท้องหรอก ) ประจำเดือนไม่มาอย่างนั้นหรอ… ( แค่นี้ก่อนนะแพร ) ฉันกดวางสายแล้วรีบไปเปิดดูผ้าอนามัยในลิ้นชัก และก็ต้องตกใจเมื่อผ้าอนามัยไม่มีรอยแกะเลย นั่นหมายความว่าฉันไม่เป็นประจำเดือนเดือนที่แล้ว และเดือนนี้ก็ยังไม่มา ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจดวงน้อยของฉันมันกำลังเต้นแรงเอามากๆ ฉันกดโทรศัพท์พิมพ์เข้าดูเกิ้ลว่าอาการของคนท้องเป็นอย่างไรด้วยมือที่สั่นเทา และพอได้อ่านกระทู้หลายๆ กระทู้ฉันก็เริ่มคิดไม่ตก มีกระทู้หนึ่งแนะนำให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล หรือ ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจเอง ฉันกดปิดจอโทรศัพท์แล้วหยิบกุญแจรถขับออกมาจากบ้านทันที ฉันไม่ลังเลที่จะหาซื้อที่ตรวจครรภ์มาลองตรวจดู เพราะไม่อยากอยู่แบบค้างคาใจ แต่ต้องเลือกร้านที่อยู่ไกลบ้านพอสมควรเพราะพ่อเป็นกำนันคนหลายตำบลรู้จัก หากฉันซื้อที่ตรวจครรภ์ใกล้ๆ บ้านเรื่องนี้อาจจะถึงหูพ่อ หลังจากหาซื้อที่ตรวจได้แล้วฉันก็รีบขับรถกลับมาที่บ้าน รีบเข้ามาในห้องนั่งลงที่เตียงอ่านรายละเอียดที่กล่อง ฉันซื้อที่ตรวจมาสามกล่องนะ เพราะกลัวว่าผลตรวจจะผิดเพี้ยน เมื่ออ่านคำแนะนำที่กล่องเข้าใจแล้วก็เข้าห้องน้ำไปจัดการฉี่ใส่ถาดรองเล็กๆ ที่แถมมาให้กับกล่อง เสร็จแล้วก็เอาที่ตรวจครรภ์จุ่มลง ฉันถือที่ตรวจทั้งสามอันออกมาจากห้องน้ำ กลับมานั่งที่เตียงเหมือนเดิม จากนั้นก็ค่อยๆ ยกที่ตรวจทั้งสามอันขึ้นมามองว่าขึ้นกี่ขีด “สะ สองขีดงั้นหรอ” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเห็นที่ตรวจในมือทั้งสามอันขึ้นสองขีดทั้งหมด ก่อนจะหยิบกล่องขึ้นมาอีกครั้งแล้วดูให้แน่ใจว่าขึ้นสองขีดแปลว่าอะไร และฉันก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อขึ้นสองขีดแบบนี้แปลว่า “ฉะ ฉันท้อง…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD