ต่อต้าน

1221 Words
จางเหม่ยลี่มองหน้าลูกชายที่ค่อนไปทางฝั่งพ่อมากกว่าฝั่งแม่ รวมไปถึงนิสัยเช่นกัน ดื้อรั้นไม่มีใครเกิน เหมือนพ่อไม่มีผิด “แต่ถ้าคุณพ่อรู้...” “แม่ก็อย่าบอกพ่อสิ ให้คุณตาจางหาคนมาอุ้มบุญให้ผม แล้วอ้างว่าเป็นแฟน พอถึงเวลาคลอดก็ให้เงินผู้หญิงไป แล้วผมจะบอกว่าผมกับเธอเข้ากันไม่ได้จึงแยกทางกัน ถึงตอนนั้นถ้าพ่อกับปู่ได้เห็นหน้าหลานคงไม่สนใจเรื่องอื่นแล้วล่ะ” ไคเล่าแผนการที่คิดได้เมื่อครู่ให้คนเป็นแม่ฟังจนเธอคล้อยตามและยอมที่จะช่วยลูกชาย “แล้วลูกจะเริ่มเมื่อไร แม่จะได้บอกคุณตาจางเตรียมคนให้พร้อม” “อีกสักพักแล้วกันครับ พอดีว่าผมคุยกับบิลลี่เพื่อนที่อังกฤษว่าเราจะเปิดบริษัทกันที่นั่น” “ทำไมต้องไปเปิดบริษัทใหม่ล่ะ ธุรกิจครอบครัวเรามีเยอะแยะถ้าลูกอยากทำงานแค่บอกพะ...” “ไม่ครับ ผมต้องการทำให้พ่อเห็นว่าผมสามารถสร้างบริษัทของตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องมาแค่สานต่อสิ่งที่ปู่หรือพ่อทำเอาไว้” “แล้วลูกจะไปเมื่อไร” จางเหม่ยลี่ถอนหายใจกับทิฐิของสองพ่อลูกที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันสุดท้ายเธอก็ได้แต่ยอมทำตามสิ่งที่สองพ่อลูกอยากจะทำ “มะรืนนี้ครับ” “แม่ไม่มีปัญญาจะห้ามลูกหรอกนะ เอาเป็นว่าลูกก็ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ ถ้ามีอะไรให้แม่ช่วยก็บอก” จางเหม่ยลี่พูดจบก็ได้แต่ถอนหายใจเดินออกจากห้องลูกชายสุดที่รักไป . . . “อ้าว ปุบปับจะไป ไหนจะเรื่องที่พัก เรื่องอาหาร อาหารที่นั่นแย่อย่างกับอะไร เดินไปที่ไหนก็เจอแต่เบ…” ฟาอิดกลืนคำว่าเบคอนและคำต่อจากนั้นอีกหลายคำที่คิดได้แต่ค่อนข้างหยาบคายลงท้อง “สู้เนื้ออูฐของพวกเราก็ไม่ได้” “คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมมีเพื่อนสนิทที่เคยเรียนด้วยกัน เรื่องการใช้ชีวิตคุณปู่ไม่ต้องห่วงผมอยู่ที่นั่นจนชินแล้ว ส่วนบิลลี่เพื่อนคนนี้มีหัวธุรกิจ มันเลยชวนผมไปเปิดบริษัท” “อืม ถ้าไปเรื่องงานปู่ก็สนับสนุน จะตั้งบริษัทอะไรยังไงก็คิดให้ดีก่อนตัดสินใจ หลานสามารถโทรหาปู่ได้ทุกเมื่อที่หลานต้องการ” คามิลเข้าไปกอดปู่ก่อนจะอ้อนด้วยคำพูด “ไม่มีใครที่จะทั้งหล่อและใจดีเท่าปู่อีกแล้ว” พร้อมกันนั้นก็หอมแก้มทั้งซ้ายขวา “พอแล้ว ๆ” ชายชราบอกทั้งที่หน้าตาชื่นบาน หลานคนนี้ขี้อ้อนแบบนี้ไง เขาถึงได้รักยิ่งกว่ารักลูกชาย จะขัดใจทีก็ทำไม่ลง คามิลบินไปอังกฤษโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวกับฮาซิฟผู้เป็นพ่อ ทำให้เขาไม่พอใจมากเพราะกว่าจะเรียกตัวลูกชายตัวดีกลับมาบ้านได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งต่อรองสารพัดวิธี ทั้งให้ปู่กับเมียโทรไปตามทุกวัน แล้วนี่มาอยู่บ้านยังไม่ถึงครึ่งปีก็จะกลับไปอังกฤษอีกแล้ว และไม่รู้ว่ารอบนี้จะอยู่นานแค่ไหน ถ้าบอกว่าไปทำงานจริง ๆ ก็ไม่ว่า แต่ถ้าไปเพราะต้องการจะหลบเลี่ยงการแต่งงานกับหนูดาน่าเขาจะโกรธมาก และจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับลูกชายตัวดีแน่นอน KM Group จำกัด เป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการขนย้ายเครื่องจักรขนาดใหญ่ ก่อตั้งมาได้เข้าปีที่สอง โดยมีคามิลเป็น CEO ผู้ก่อตั้ง และเพื่อนสนิทอย่างบิลลี่นั่งเก้าอี้ที่ปรึกษา ทั้งสองมุ่งมั่นตั้งใจมาโดยตลอดที่จะผลักดันบริษัทเข้าสู่ตลาดโลก แต่กว่าจะไปถึงขั้นนั้นได้พวกเขาต้องตีตลาดภายในประเทศให้ได้เสียก่อน ซึ่งวันที่เฝ้ารอได้มาถึงแล้ว ภายในพื้นที่ของห้องโถงของบริษัท ผู้คนนับร้อยเดินคลาคล่ำหนาตา เกินครึ่งเป็นพนักงาน ส่วนที่เหลือเป็นแขกคนสำคัญและญาติ ๆ วันนี้มีงานเลี้ยงฉลองวันครบรอบก่อตั้งปีที่สามของ KM Group ภายในงาน นอกจากจะจัดเลี้ยงให้พนักงานได้ร่วมจอยกับโชว์จากศิลปินชื่อดัง อาหารเครื่องดื่ม โอกาสอันดีนี้พวกเขายังมีกิจกรรมดี ๆ อย่างการมอบโบนัสแก่พนักงานทุกคน รวมไปถึงการมอบโล่เกียรติคุณให้แก่พนักงานดีเด่น ตั้งแต่ยาม แม่บ้านไปจนถึงระดับผู้บริหาร คามิลได้รับเสนอชื่อขึ้นรับรางวัลผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ยอดเยี่ยม เขาขึ้นไปรับบนเวทีด้วยความยินดี กล่าวความในใจอีกสองสามประโยคก็ลงมา แล้วเดินไปรวมอยู่กับครอบครัวที่บินตรงมาร่วมงานโดยเฉพาะ คามิลไล่กอดแม่เหม่ยลี่ ปู่ฟาอิดและตาจางหมิน คนที่มาต่างก็แสดงความยินดีกับคามิลกันทุกคน มีเพียงพ่อฮาซิฟที่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยที่ยังไม่ได้พูดอะไร คามิลมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตานิ่งเฉย ปู่ฟาอิดเห็นพ่อลูกมองกันไปมาต่างไม่พูดอะไร จึงพูดขึ้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์ดูอึดอัดมากไปกว่านี้ “ฮาซิฟ มาแสดงความยินดีกับความสำเร็จของไค” “ไม่ต้องหรอกครับปู่” คามิลเอ่ยตัดบทก่อนที่พ่อฮาซิฟจะขยับเท้าเดินเข้ามา “หึ...” ฮาซิฟหัวเราะในลำคอ ความจริงคือเขารอให้ใครสักคนเรียกเข้าไปรวมกลุ่ม เพราะถ้าเดินเข้าไปเองจะดูเสียฟอร์ม “เอาล่ะ เอาล่ะ หลานก็อย่าแข็งนักเลย” ตาจางหมินเดินมาตบที่บ่าแกร่งของหลานชายให้ใจเย็นลง กลัวว่าพ่อรู้จะมีปากเสียงกันให้อับอายแขกในงาน จางเหม่ยลี่ที่เป็นภรรยาเข้ามาสมทบเป็นคนสุดท้าย หวังห้ามสองพ่อลูกที่ไม่ลงรอยกัน ไม่ให้ทำตัวน่าขายหน้าให้แขกคนอื่น ๆ เห็น “คุณคะ” เธอเข้าไปดึงแขนของสามี “ผมยังไม่ได้ทำอะไร คุณจะมาจับแขนผมทำไม” ฮาซิฟอารมณ์เสีย เขากระซิบลอดไรฟันกลับไป ในเมื่อระบายอารมณ์กับใครไม่ได้ ก็ต้องมาลงที่ภรรยาก่อนจะสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม และเดินเลี่ยงไปทางอื่นเพื่อสงบสติอารมณ์ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีใจที่ลูกชายพิสูจน์ตัวเองจนประสบความสำเร็จแบบนี้ แต่เพราะที่ผ่านมาต่างฝ่ายไม่เคยพูดจาดีต่อกัน พอเจอเหตุการณ์แบบนี้จึงรู้สึกประดักประเดิดเกินกว่าจะพูดคำดี ๆ ออกมา คามิลรู้สึกดีที่มีปู่คอยสนับสนุน มีแม่เหม่ยลี่และตาจางหมินที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด แต่ภายในใจลึก ๆ เขาก็ยังอยากได้รับสิ่งที่ลูกควรจะได้รับจากคนเป็นพ่อบ้าง คามิลจึงตั้งเป้าหมายเอาไว้ในใจว่า เขาต้องเก่งกว่านี้ เขาต้องถีบตัวเองให้ขึ้นไปสู่จุดที่สูงกว่าคนเป็นพ่อให้จงได้ ไม่ใช่เพราะต้องการจะเอาชนะ แต่เพราะต้องการให้คนเป็นพ่อยอมรับในตัวลูกชายคนนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD