ตอนที่ 5

2139 Words
สองเดือนผ่านไป….. เด็กสาวเดินทางไปกลับโรงพยาบาลอยู่แบบนี้เป็นประจำเหมือนกับว่าตอนนี้มันเป็นชีวิตประจำวันของเธอไปเสียแล้ว อาการป่วยของคุณยายไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นแม้แต่น้อย ทุกคนในครอบครัวทำได้เพียงเข้มแข็ง ไม่ให้คนป่วยต้องเป็นห่วงและกังวลใจ ทั้งที่ในใจต่างรู้อยู่แล้ว ว่าคนที่รักเหลือเวลาอีกไม่นาน จึงจำเป็นต้องสร้างความสุขและความทรงจำดีๆ ระหว่างที่ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ในตอนนี้ “ยาย” เสียงของคะนิ้งดังขึ้น ในช่วงบ่ายของวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการสอบปิดภาคเรียนฤดูร้อน “ว่าไงหลานยาย” น้ำเสียงที่ไร้เรี่ยวแรงและแหบแห้ง ทำให้คะนิ้งอดสงสารยายไม่ได้ “หนูทำตามที่ยายขอแล้วนะ” คะนิ้งยื่นกระดาษสีขาวสีสันสวยงามมาตรงหน้าของหญิงสูงวัย “ยายดีใจไหม” “ดีใจ..เหนือมาใกล้ๆ ยายสิลูก” มือที่ผอมแห้ง กวักเรียกให้เด็กหนุ่มที่รักไม่ต่างจากหลานสาวให้เข้ามาใกล้ “ยายฝากดูแลน้องด้วยนะลูก ต่อไปนี้ทั้งสองคนคือคนคนเดียวกันแล้ว ดูแลซึ่งกันและกันเข้าใจไหมลูก” “ครับ/ค่ะ” “ยายหมดห่วงแล้ว..แค่นี้ก็ตายตาหลับแล้ว” พิมพาหยิบทะเบียนสมรสของหลานสาวขึ้นมาดูและยิ้มพร้อมน้ำตา ก่อนที่คะนิ้งจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างเบามือ ทะเบียนสมรสนี้มีสองครอบครัวเป็นพยาน ด้วยที่ทั้งสองยังเด็กจึงทำได้เพียงให้จดทะเบียนสมรส หากให้จัดงานในตอนนี้ก็คงเห็นทีจะลำบากเพราะจะไม่มีใครดูแลพิมพาที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นก่อนที่พ่อและแม่ของน้ำเหนือและคะนิ้งจะเข้ามาภายในห้อง เสียงกล่าวคำทักทายและถามไถ่อาการดังขึ้นไม่หยุด “เป็นไง ดีใจไหม หลานฉันกับหลานแกดองกันแล้วนะ เป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว” ดวงแขที่นั่งอยู่ข้างเตียงเอ่ยถามเพื่อนรัก ถ้าหากว่าลูกของเธอเป็นชายคงได้แต่งกับลูกของพิมพาไปแล้ว เรื่องก็มีอยู่ว่าดวงแขและพิมพาเป็นเพื่อนรักกัน เมื่อแต่งงานมีครอบครัวจึงได้สัญญากันเอาไว้ว่าถ้าหาลูกของตนเองเกิดมาจะให้แต่งงานกัน เพราะไม่อยากแบ่งสมบัติกับใคร แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่คิด เธอจึงอยากให้หลานทำตามคำสัญญานั้นทดแทน “อืม..ฉันไม่อยู่แล้วแกอย่าลืมเลี้ยงเหลนฉันดีๆ นะ” “พูดอะไรแบบนั้น ก็อยู่เลี้ยงเองสิ ฉันไม่รับฝากหรอก แกต้องหายเข้าใจไหม” “พูดเหมือนฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร อย่าลืมนะ สิ่งที่ฉันขอต้องทำให้ได้” พิมพาเน้นย้ำคำพูดอีกครั้งก่อนที่ดวงแขจะพยักหน้าเป็นคำตอบ แล้วตบมือลงไปที่หลังมือของเพื่อนเบาๆ การแต่งงานของทั้งสองคน ไม่ได้มีความรักหรือสิ่งอื่นใด ทำให้คะนิ้งและน้ำเหนือเลี่ยงที่จะจัดงานแต่ง ถึงผู้ใหญ่จะค้านขึ้นมา แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ จึงได้ตกลงกันเอาไว้ ถ้าหากคะนิ้งเรียนจบเมื่อไหร่ ก็คงได้จัดงานแต่งงานเมื่อนั้น พิมพามีชีวิตอยู่ต่อได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ เธอก็จากลาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ การสูญเสียในครั้งนี้ทำให้ครอบครัวของเด็กสาวเจ็บปวดเป็นอย่างมาก “เอานี่ พี่ไม่อยู่แล้วจะได้มีเพื่อน” น้ำเหนือที่เดินเข้ามาในห้องนอนของคะนิ้ง ยื่นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่สีขาวส่งไปให้กลับเธอ “วางเอาไว้ตรงนี้นะ” “อืม” “พี่ไปแล้วนะ คงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อนมีอะไรก็โทรมาได้ตลอด ดูแลตัวเองเข้าใจไหม” เขาวางมือลงบนศีรษะของเธอ แววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยที่พี่ชายมีต่อน้องสาว น้ำเหนือตัดสินใจเดินออกมา เพราะได้เวลาเดินทางของเขาแล้วเช่นเดียวกัน หลังจากเรื่องผิดใจกันวันนั้น ความสัมพันธ์ของเขาและเธอก็ยิ่งเหินห่างกันไป สิ่งที่เข้าใจผิดไม่ได้รับการแก้ไข แต่น้ำเหนือก็ได้รู้ความจริงจากกิ่งแก้ว เขาพยายามเข้าหาคะนิ้งอยู่ตลอดเวลา แต่กลับถูกเธอเมินเฉยใส่แบบไม่ไยดี แต่วันนี้ก็ถือว่าดีหน่อย ที่คะนิ้งแสดงอารมณ์ออกมาให้เขาเห็น ว่าเธอเศร้าโศกมากเพียงใด ในวันที่เขาต้องเดินทางไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ก็อยากมาล่ำลาเธอให้ได้รู้ ห้าปีต่อมา….. “คะนิ้ง เก็บของเสร็จหรือยังลูก” “เรียบร้อยแล้วค่ะ” “ไปลูกแม่บัวรออยู่ด้านล่างแล้ว” ไพลินลากกระเป๋าของลูกสาวออกมาจากคอนโด ที่คะนิ้งพักอาศัยอยู่ในขณะที่เรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ หลังจากที่เธอเรียนจบมารดาจึงเดินทางมารับกลับบ้านเกิด เพราะคิดถึงลูกสาวจับใจนานๆ คะนิ้งจะได้กลับบ้านครั้งหนึ่งก็นานหลายเดือน “ค่ะแม่” เสียงตอบรับกลับมาพร้อมกระเป๋าเดินทางอีกสองใบ ที่หญิงสาวลากออกมาจากห้องนอน “รอนานไหม โทษที พอดีเก็บขอกันยังไม่เสร็จเลย” ไพลินเอ่ยกับบัวตองเมื่อทั้งสองเจอหน้ากัน “สวัสดีครับแม่ลิน” น้ำเหนือ ที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถเอ่ยทักทายขึ้น เขาจ้องมองเลยไปยังคะนิ้งที่ลากกระเป๋าตามหลังออกมา ก่อนเสียงฝีเท้าเล็กจะหยุดนิ่ง คะนิ้งจ้องมองมาทางน้ำเหนือเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าเธอและเขาจะไม่เคยเจอหน้ากัน “สวัสดีค่ะแม่บัว” คะนิ้งยกมือขึ้นไหว้พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดีใจ “ยินดีด้วยนะลูกสาวแม่ เรียนจบสักที” “ค่ะ” เธอสวมกอดแม่บัวตองก่อนที่จะลากกระเป๋าไปเก็บที่ท้ายรถโดยมีน้ำเหนือคอยช่วยเหลืออยู่ “มีแค่นี้ใช่ไหม??” น้ำเหนือเอ่ยถามขึ้น แต่คนตัวเล็กกลับเดินขึ้นไปนั่งบนรถ ทำให้เขาได้แต่จ้องมองแผ่นหลังที่มีผมยาวสีดำจนถึงเอวคอดสยายตัวอย่างสวยงาม แต่ก่อนว่าเธอสวยแล้ว ตอนนี้ยิ่งสวยกว่าเมื่อก่อน ตั้งแต่ที่เขาเรียนจบชายหนุ่มก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย ไม่เพียงแต่ไม่เจอ ทุกครั้งที่คะนิ้งกลับบ้านเหมือนเธอกำลังหลบหน้าของเขา และงานในไร่ของน้ำเหนือก็ยุ่งจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ จึงทำให้ทั้งสองคนห่างเหินกันไป แต่ความสัมพันธ์อันดีของครอบครัวของไพลินและบัวตองก็ยังคงแน่นแฟ้นอยู่เช่นเดิม รถยนต์ขับเข้ามาจอดที่สนามบิน น้ำเหนือทำการคืนรถที่ยืมมา ก่อนที่ทุกคนจะขึ้นมาบนเครื่อง ไพลินและบัวตองแยกที่นั่งกันกับลูกสาวและลูกชาย ให้ทั้งสองได้นั่งด้วยกัน ถึงแม้คะนิ้งจะอิดออดในตอนแรกก็ตามที “ไม่เจอกันนาน..ไม่ทักทายกันหน่อยเหรอ” “ไม่จำเป็น” “รู้สึกว่าจะเย็นชาขึ้นกว่าเมื่อก่อน..และสวยขึ้นจนจำแทบไม่ได้” น้ำเหนือออกปากชมแล้วหันหน้ามามองคนที่นั่งอยู่ด้านใน เขากลับพบว่าคะนิ้งไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดแม้แต่น้อย กลับเอาหูฟังขึ้นมาสวมใส่เอาไว้ที่ใบหู แล้วยังหลับตานิ่งไม่ไหวติง ห๊ะ…มีผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำกับเขาแบบนี้ นั้นก็คือเธอ..คะนิ้ง น้ำเหนือรับรู้ได้ถึงแรงกดที่ตรงไหลด้านขวาของเขา เมื่อหันไปมองจึงรู้ว่าคะนิ้งได้นอนหลับไปแล้ว ศีรษะเล็กๆ พาดพิงมาบ่นไหลชายหนุ่มจึงปรับท่านอนให้ใหม่จะได้สบายตัวมากยิ่งขึ้น เมื่อเครื่องกำลังลงจอด เสียประกาศของพนักงานก็ดังขึ้น คะนิ้งยังคงนอนหลับไม่ตื่น จนกระทั่งผู้โดยสารคนอื่นลงจากเครื่องเกือบทั้งหมด น้ำเหนือถึงได้ปลุกเธอให้ตื่น “ไม่ไหวจริงๆ แม่บอกแล้วว่าอย่ากลับดึก เป็นไงล่ะ” ไพลินกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วงเมื่อมองลูกสาวของตัวเองที่ปิดปากหาวนอนมาตลอดทางจนถึงบ้าน “ขอบคุณค่ะ” เมื่อก้าวลงจากรถเธอจึงได้ยกมือขึ้นไหว้ ยุทธนาที่ขันอาสาขับรถไปรับถึงสนามบิน “ขอบคุณแม่บัวที่น่ารักของหนูด้วยนะคะ” เธอสวมกอดแม่บัวตองสุดที่รักก่อนที่จะเดินแยกเข้ามาในบ้านแล้วตรงขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเอง “ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่าลูก” บัวตองหันมามองลูกชายที่เอาแต่มองตามแผ่นหลังของคะนิ้งไม่วางตา “เปล่าครับ” “มีอะไรก็พูดคุยกันเถอะ น้องเรียนจบกลับมาอยู่บ้านแล้ว ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกัน เหนือเป็นพี่ต้องมีเหตุผลให้มากๆ นะลูก” “ครับๆๆ” เขาตอบรับเพียงเท่านั้นก่อนที่จะขับรถออกจากบ้านไป ที่ที่เขาจะไปคงไม่มีที่ไหนนอกจากไร่ของตัวเอง เมื่อเดินทางไปกรุงเทพฯ หลายวัน งานที่ต้องหยุดทำก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้นเมื่อกลับมา “มาแล้วเหรอครับนายเหนือ ผมคิดว่านายเหนือจะกลับอีกสองวันซะอีก” คำพิณ ลูกน้องคนสนิทของน้ำเหนือที่ทำงานมาตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งเป็นลูกคนงานในไร่ที่เป็นคนสนิทของยุทธนา เอ่ยทักทายขึ้น เมื่อเห็นรถกระบะที่คุ้นตาของเจ้านายหนุ่ม คำพิณได้รับคำสั่งจากพ่อของตนเองที่เป็นลูกน้องคนสนิทของยุทธนาให้มาดูแลและคอยติดตามช่วยงานน้ำเหนือ หลังจากที่เขาเรียนจบกลับมาแล้วเข้าทำงานเต็มตัวในไร่ของตนเอง “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม” “ครับ เรียบร้อยดีครับ..ว่าแต่..มีปัญหาอยู่อย่างครับ” “มีปัญหาจะเรียบร้อยได้ยังไง?” เขาพูดขึ้นพร้อมขาที่ก้าวเดินเข้ามาในออฟฟิศ “นี่แหละครับปัญญา” คำพิณพูดพร้อมมองไปที่หญิงสาวอีกคนที่ยืนถ่ายเอกสารอยู่ที่มุมห้อง “เหนือ!!” ไข่มุก วางงานในมือลงแล้ววิ่งเข้ามาหาน้ำเหนือ แต่ไม่ทันที่จะได้สัมผัสร่างกายของเขา ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบไปในทันที “หายไปไหนตั้งหลายวัน มุกถามใครก็ไม่มีคนรู้” “ไปทำธุระที่กรุงเทพฯ มา” เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินกลับไปที่ห้องตัวเอง โดยมีคำพิณเดินตามเข้าไปด้านในด้วยเช่นเดียวกัน “มีอะไรพูดมา..” “คือ..ตอนนายไม่อยู่ คุณมุกก่อเรื่องอีกแล้วครับ” คำพิณกระอักกระอ่วนใจไม่อยากพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเห็นว่าไข่มุกเป็นเพื่อนกับเจ้านายของเขา ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นก็หนีไม่พ้นการทะเลาะกันกับคนงานในไร่ “เดี๋ยวคุยกับเธอเอง รายงานเรื่องที่สำคัญมา เดี๋ยวจะได้เข้าไปท้ายไร่” น้ำเหนือนั่งฟังรายงานต่างๆ จากคำพิณ เมื่อเสร็จเรียบร้อยเขาจึงได้ตรงมาที่ท้ายไร่ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังป่าของตีนเขา เป็นเขตพื้นที่สงวนของทางราชการ ภูเขาลูกใหญ่หลายลูกโอบล้อมไปทั่วทุกทิศทาง ไร่ของน้ำเหนือเป็นทางเชื่อมต่อเข้าไปด้านในป่า และมักจะมีพวกสัตว์ป่าเข้ามาบุกรุกอยู่เป็นประจำ แต่เขาก็มีคนคอยเฝ้าระวังอยู่ที่นี่เพื่อไม่ให้ผลผลิตของตัวเองเสียหาย ถึงแม้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ยังดีที่หาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการเสียหายไปมากจนเกินไป “ช่วงนี้ยังสงบอยู่ครับพวกพรานป่าก็เข้าไปหาของป่ากันเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่มีเหตุอะไรผิดปกติครับ” “อืม” น้ำเหนือยืนอยู่บนเนินสูงที่ทำเอาไว้เป็นแนวกันพร้อมลวดหนามที่แน่นหนา กันผู้บุกรุกที่ไม่ได้รับเชิญ สายตาของเขาทอดมองไปยังผืนป่าที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้มันช่างเขียวชอุ่มกว่าฤดูกาลใด สายลมที่พัดผ่านทำให้ชายหนุ่มหวนคิดถึงเรื่องเก่าๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องของคะนิ้ง..ทุกอย่างในไร่แห่งนี้ล้วนมีแต่ความทรงจำกับเธอเพียงเท่านั้น แต่ในวันนี้ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมันจะหายไปจากความทรงจำของหญิงสาวเสียแล้ว ความเย็นชาความเงียบและกำแพงสูงที่เธอสร้างขึ้นมาปิดกลั้นเอาไว้ ถ้าหากวันนั้นเขาไม่ปล่อยผ่านเรื่องราวที่เข้าใจผิดไปแบบนั้น วันนี้เธอจะยังเรียกเขาว่าพี่อยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD