@mixnightbar
“อิแคทวันนี้มึงแต่งตัวแซ่บไปไหมวะ” แพรวเอ่ยขึ้นทันทีที่เราเดินเข้ามาด้านในผับหรูแห่งนี้ ตอนแรกฉันก็จะไม่มาเพราะเครียดเรื่องที่บ้าน แต่ยัยเพื่อนทั้งสองคนทั้งโทรตามทั้งไปหาถึงคอนโด ทำให้ฉันต้องยอมออกมากับพวกมัน ก็ดีเหมือนกันจะได้คลายเครียดบ้างไม่ต้องนอนคิดมากอยู่ห้องคนเดียว
“เออนั่นดิ พวกกูดูดรอปไปเลย” ฟ้าก็พูดเสริมขึ้นทันที วันนี้ฉันใส่เดรสเกาะอกรัดรูปสีดำซึ่งเอาจริงๆมันก็ดูปกติทั่วไปนะ แต่พวกมันแต่งตัวกันมาเบาเองทำให้ฉันจึงดูแซ่บสุดในพวกเราสามคน
“ผู้ชายเอาแต่มองมึงทั้งผับแล้วมั้ง” แพรวก็พูดขึ้นอีกครั้งก่อนที่เราจะเดินเข้าไปยังโต๊ะที่จองไว้
“ก็กูสวยช่วยไม่ได้” ฉันก็ทำหน้าเชิดสะบัดผมไปด้านหลัง เพื่อนทั้งสองก็เบะปากมองบนอย่างหมั่นไส้ขึ้นมาพร้อมกันทันที
“ไม่ต้องทำหน้าอิจฉากูกันขนาดนั้นก็ได้ค่ะเพื่อน” แล้วฉันก็แสยะยิ้มพูดขึ้นอย่างหยอกล้อกันตามประสาเพื่อนสาว
“ว่าแต่มึงจะหมั้นจริงเหรออิแคท” แพรวหันมาถามฉันขึ้น
“อืม พ่อกูขอร้องไว้” ฉันพยักหน้าตอบกลับไปอย่างเซ็งๆเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“มันไม่มีทางอื่นแล้วเหรอวะ” ฟ้าเอ่ยถามขึ้นอีกคน ฉันส่ายหน้าตอบกลับไป
“กูสงสารมึงจริงๆเลยอิแคท ต้องหมั้นกับใครก็ไม่รู้ แฟนก็ไม่ใช่” แพรวพูดขึ้นก่อนจะทำหน้าสงสารฉันออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกน่ามึง กูโอเคแค่หมั้นกันในนามเท่านั้น” ฉันยิ้มตอบกลับพวกมันไป ไม่อยากให้เพื่อนมาเครียดเพราะเรื่องของฉันไปด้วย
“มึงแน่ใจนะว่าโอเค” แพรวถามย้ำอีกครั้ง ฉันก็พยักหน้าตอบ
“มาๆชนหน่อย แด่การหมั้นของกู” แล้วฉันก็ยกแก้วเหล้าชูขึ้นก่อนจะเอ่ยบอกเพื่อนทั้งสอง
“เออๆ มาชน” แล้วฟ้าก็ยกขึ้นมาอีกคน ก่อนที่จะแพรวจะยอมยกตาม
แกร๊ง เสียงแก้วเหล้าชนกระทบกันก่อนที่เราจะยกขึ้นดื่ม
ตื้ดดด ตื้ดด เสียงเพลงEDM ดังขึ้นมาทำให้เราสามคนเดินออกมาโชว์ลีลาออกสเต็ปเต้นกันสุดเหวี่ยงอย่างไม่มีใครยอมใคร จนเวลาผ่านไปสักพัก
“โอ๊ยเหนื่อย” ฟ้าพูดขึ้นก่อนจะกระดกเหล้าดื่มแทนน้ำเพราะความเหนื่อยจากการเต้นเกือบสองชั่วโมง
“กูไม่ไหวและ” แพรวก็เอ่ยออกมาก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ทันที
“ใครชวนกูมา” ฉันเลิกคิ้วถามออกไปอย่างเยาะเย้ยที่พวกมันสองคนนั่งหมดสภาพแบบนี้ทั้งที่พวกมันเป็นคนชวนฉันมาด้วยซ้ำ
“กูยอมมึงแล้วอิแคท มึงจะเต้นเอาโล่เหรอ”แพรวถามขึ้นอย่างประชดประชัน
“หึ”
“กูไม่ไหวจริง กลับกันเถอะพวกมึง” แล้วฟ้าก็พูดขึ้นอย่างหมดสภาพ
“เออๆนี่ก็ดึกมากแล้ว” แพรวพูดเสริมขึ้น ฉันก็พยักหน้าตอบ ก่อนจะเรียกพนักงานมาเช็กบิลทันที
แต่ทว่าขณะที่เรากำลังจะเดินออกสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวด้วยความเมามาย ทำให้ฉันชะงักเท้าหยุดเดินไปทันที ซึ่งคนนั้นก็คือคนที่ฉันพึ่งเจอกันเพียงครั้งเดียว แต่ฉันกับจำเขาได้ขึ้นใจเพราะเขาคือว่าที่คู่หมั้นของฉันยังไงล่ะ
“เซน” ฉันเอ่ยเรียกชื่อเขาออกมา
“อิแคทมีไรเปล่า” แล้วแพรวก็หันมาถามฉัน
“กูว่ากูเจอคนรู้จักอะ” ฉันตอบเพื่อนกลับไปก่อนจะมองไปที่เซนอีกครั้ง และเดินเข้าไปหาเขาทันที ซึ่งสภาพเขาดูก็รู้ว่าเมาหนักแค่ไหนและคงกลับบ้านเองไม่ได้แน่ๆ
“คุณรู้จักกับผู้ชายคนนี้เหรอครับ” บาเทนเดอร์เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นฉันยืนอยู่ข้างร่างสูง
“อ่อ! ก็พอรู้จักค่ะ” ฉันตอบกลับไม่เต็มเสียงมากนัก
“งั้นช่วยพาเขากลับบ้านทีได้ไหมครับ”
“เอ่อ..คือว่า” ฉันก็อึกอักไปทันที
“เขาเมามากแล้วคงกลับเองไม่ได้ แล้วผับก็ใกล้จะปิดแล้วด้วยครับ” พนักงานเอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทำให้ฉันไม่กล้าที่จะปฏิเสธและฉันก็คงไม่ใจดำขนาดทิ้งว่าที่คู่หมั้นของตัวเองให้นอนเมาเป็นหมาอยู่ตรงนี้หรอก
“ใครวะ” แพรวกับฟ้าที่เดินตามฉันมาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ว่าที่คู่หมั้นกูเอง” ฉันเอ่ยบอกออกไป ทั้งสองคนก็ตาลุกวาวขึ้นมา
“อิแคท คู่หมั้นมึงหล่อขนาดนี้เลยเหรอวะ” แพรวพูดขึ้นด้วยความดี๊ด๋า
“กูว่าแล้วทำไมมึงยอมหมั้นง่ายจัง อินี่ได้ของดี” ตามด้วยเสียงฟ้าที่เบะปากพูดขึ้นด้วยความหมั่นไส้ปนอิจฉา
“พอๆเลยพวกมึงหยุดพูดไร้สาระได้ละ” ฉันก็หันไปเอ่ยบอกพวกมันทันที
“หนวกหู เอาเหล้ามาเติมดิ” แล้วร่างสูงก็เงยหน้าขึ้นมาโวยวายเสียงดัง
“พวกมึงมาช่วยกูแบกหน่อยดิ” ฉันหันไปเอ่ยบอกเพื่อนทั้งสองคนที่มัวแต่ยืนตะลึงกับความหล่อของว่าที่คู่หมั้นฉัน แต่พวกมันก็ยังคงยืนนิ่งไม่สนใจฉันแม้แต่น้อย
“อิแพรว อิฟ้า” ฉันจึงตะโกนเรียกชื่อพวกมันเสียงดัง ทำให้มันสะดุ้งหันมามองทางฉัน
“มาช่วยกูแบกออกไปที” ฉันเอ่ยบอกไปอีกครั้งก่อนจะยกตัวเซนขึ้น
“อื้ออ ผู้ชายบ้าอะไรหนักอย่างกับควาย” ฉันบ่นออกมาก่อนที่แพรวกับฟ้าจะช่วยฉันพยุงเซนขึ้นช่วยกันประคองไปคนละข้างทำท่าจะพาเดินออกไป
“เดี๋ยวครับคุณ” แต่จู่ๆ บาเทนเดอร์ก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน
“คะ” ฉันหันไปมองด้วยความยากลำบาก
“คือคุณผู้ชายยังไม่ได้จ่ายเงินครับ” เขาพูดบอก
“แล้วทำไมไม่บอก..ให้เร็วกว่านี้นะ” ฉันบ่นออกไปก่อนจะใช้มืออีกข้างหยิบเงินในกระเป๋าจ่ายให้ไป หนักก็หนักยังต้องมาจ่ายเงินให้อีก ฉันได้แต่บ่นในใจ ก่อนจะค่อยๆแบกร่างสูงออกมานอกผับ
“อิฟ้าเรียกแท็กซี่สิ” ฉันตะโกนบอกมันไป ฟ้าก็โบกเรียกแท็กซี่ทันที เพราะวันนี้เราสามคนไม่มีใครเอารถมาเลยเพราะตั้งใจมาเมากันเต็มที่
แต่ดันเจอคนเมากว่า..!!
ถ้าเราขับรถมาแล้วขับกลับก็กลัวจะเจอด่าน เลยตัดสินใจนั่งแท็กซี่มาจึงทำให้ตอนนี้ไม่มีใครมีรถสักคน ส่วนคนมีรถก็กำลังเป็นภาระอยู่ตอนนี้ไงล่ะ
“แล้วมึงรู้เหรอว่าเขาอยู่ที่ไหน” ฟ้าเอ่ยถามขึ้นทันที เมื่อแท็กซี่ขับเข้ามาจอดตรงหน้าพวกเรา
“เดี๋ยวค่อยถาม เอาขึ้นไปก่อนหนักชิป” ฉันพูดบอกออกไปก่อนจะดันร่างสูงเข้าไปในรถแล้วพวกฉันก็ตามเข้าไปนั่งในรถโดยฉันนั่งกลางระหว่างเซนกับฟ้า ส่วนแพรวนั่งด้านหน้า
“ไปไหนหนู” ลุงคนขับหันมาถาม พวกฉันก็มองหน้ากัน
“เซนคอนโดนายอยู่ไหน” ฉันถามออกไป แต่ร่างสูงก็เอาแต่เงียบไม่ตอบ แล้วบ้านเขาที่ฉันเคยไปฉันก็ดันจำไม่ได้ด้วยเพราะไม่ได้สนใจตั้งแต่แรก
“ไปส่งพวกมึงก่อนเลยก็ได้” ฉันเอ่ยบอกออกไปเพราะดูท่าแล้วต้องรอเขาสร่างเมากว่านี้ก่อนถึงจะคุยกันรู้เรื่อง
“เอางั้นเหรอ” แพรวหันมาถาม ฉันพยักหน้าตอบก่อนที่มันจะบอกที่อยู่กับลุงคนขับไป
ผ่านไปสักพัก หลังจากที่ส่งแพรวเสร็จตอนนี้ก็กำลังไปส่งฟ้า
“อื้ออ” เซนก็ลืมตาขึ้นมามองหน้าฉันนิ่ง
“นี่บ้านนายอยู่ไหน” ฉันจึงถามเขาไปอีกครั้ง
“คอนโดA” ร่างสูงตอบกลับมาก่อนจะหลับไปอีกครั้งและหัวของเซนก็เอียงมาซบไหล่ของฉัน จนฉันถึงกับตกใจอย่างทำตัวไม่ถูกก่อนจะยกมือขึ้นมาดันหัวเขาออก แต่สุดท้ายเขาก็เอียงมาซบฉันอีกครั้งทำให้ฉันได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
เอี๊ยด! รถแท็กซี่ขับมาจอดหน้าคอนโดฟ้า มันก็หันมาหาฉัน
“มึงจะไปส่งเขาคนเดียวได้เหรอ” ฟ้าถามขึ้นสีหน้ากังวลด้วยความเป็นห่วง
“ได้มึง แค่ไปส่งแล้วก็กลับ” ฉันตอบมันกลับไปด้วยความชิว เพื่อไม่ให้เพื่อนต้องมากังวล
“กูไปเป็นเพื่อนมึงได้นะ” แต่มันก็ยังไม่ยอมลงจากรถอยู่ดี
“มึงจะบ้าเหรอ ถึงคอนโดมึงแล้วลงไปได้ละ” ฉันก็พูดบอกมันไป
“แต่กูเป็นห่วงมึงอะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า รีบลงไปได้แล้วลุงรอนานแล้ว” ฉันพูดตอบมันไป มันก็หันมามองฉันอย่างเป็นห่วงแต่สุดท้ายก็ต้องยอมลงไปเพราะลุงคนขับหันมากดดันมัน
“งั้นกูไปก่อนนะ กลับดีๆนะมึง” แล้วมันก็เอ่ยลาฉันก่อนจะเดินลงจากรถไป
“ไปคอนโดAค่ะ” ฉันจึงหันไปบอกลุงคนขับตามที่ร่างสูงบอกฉันมา
@คอนโดA
“ไม่ต้องทอนนะคะลุง” ฉันยื่นแบงก์พันให้ลุงก่อนจะพยายามแบกร่างสูงตัวเท่าควายคนเดียวอย่างทุลักทุเลด้วยความหนักเดินเข้ามาในคอนโดก่อนจะเดินเข้ามาในลิฟต์
“นายอยู่ชั้นไหน” ฉันเขย่าตัวเขาเอ่ยถามออกไป ร่างสูงก็หรี่ตาขึ้นมามองฉันเล็กน้อย
“12 ห้องสุดท้าย” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเมามาย ฉันจึงกดลิฟต์ตามที่เขาบอก
ติ้ง! เสียงลิฟต์เปิดที่ชั้นสิบสอง ฉันค่อยๆประคองร่างสูงเดินออกมาอย่างยากลำบากก่อนจะพาเขาเดินมาถึงหน้าห้องสุดท้าย ฉันจึงเอื้อมมือลงไปหาคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงของร่างสูง แล้วในที่สุดฉันก็หาเจอก่อนจะสแกนคีย์การ์ดเข้าห้อง
ติ้ด แกร๊ก
แอดด มือบางเปิดประตูห้องประคองพาเซนเดินเข้ามาก่อนจะโยนเขาลงไว้ตรงโซฟาหรู
ฟุบ
“เฮ่อ เหนื่อยเป็นบ้า” ฉันบ่นออกมาทันทีด้วยความทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อยในการแบกร่างสูงตัวเท่าควายมาคนเดียวแบบนี้
“อื้ออ” เซนขยับตัวครางออกมาเล็กน้อย ฉันยืนมองเขาสักพักก่อนจะทำท่าจะเดินออกไป
หมับ! แต่จู่ๆเซนก็เอื้อมมือมาคว้าข้อมือของฉันไว้ ทำให้ฉันหันกลับไปมองด้วยความตกใจ
“ลินดา” เขาเอ่ยออกมาน้ำเสียงแผ่วเบาแต่แววตาเศร้า อย่าบอกนะที่ไปกินเหล้าเมาเป็นหมาแบบนี้เพราะอกหักเหรอเนี่ย?
“ปล่อย ฉันไม่ใช่ลินดาอะไรของนาย” ฉันเอ่ยออกไปก่อนจะดึงมือออก แต่เขาก็ไม่ยอมฟังยังคงจับเอาไว้แน่นกว่าเดิม
“น้องลินครับ” เซนยังคงละเมอเรียกชื่อลินดาอะไรนั่น แต่สายตากับมองมาที่ฉันนิ่งก่อนจะ..
พรึ่บ! มือหนาดึงมือฉันให้มานั่งบนตักของเขาและกอดฉันไว้แน่นโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งตัว ฉันเบิกตา กว้างขึ้นมาทันทีด้วยความตกใจ
“นี่มากอดฉันทำไม ปล่อยฉันนะ” ฉันร้องโวยวายออกไปเสียงดัง แต่เขาก็ไม่สนใจ
“พี่รักน้องลินนะครับ” เขากระซิบที่ข้างหูของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะโน้มใบหน้ามาคลอเคลียที่ลำคอขาวของฉัน
“นะ นายหยุดนะ” ฉันเอ่ยออกไปอย่างตกใจก่อนจะพยายามขยับหนีเขาแต่ด้วยความที่เขากอดฉันไว้แน่นมากทำให้ฉันขยับไปไหนไม่ได้เลย
“นี่ตั้งสติหน่อยสะ..(สิ)” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบริมฝีปากหนาก็โน้มเข้ามาจูบฉันทันที
“อื้อออ” ฉันเบิกตากว้างร้องออกมาในลำคอพยายามจะผลักเขาออกสุดแรง แต่ก็เป็นไปได้ยากลำบาก
“อ่อยอันอะ (ปล่อยฉันนะ) อื้อๆ”
ริมฝีปากหนาบดขยี้จูบฉันขึ้นเรื่อยๆจากอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นดุเดือดขึ้นจนฉันไม่สามารถต้านเขาได้เลยจริงๆ
“อ๊ะ อื้ออ”