BAD FIANCE 2 คำสั่งพ่อ

1885 Words
สองอาทิตย์ต่อมา ติ้งๆ ขณะที่ผมกำลังขับรถออกจากคอนโด เพื่อไปรับแฟนสาวสุดน่ารักของผม เนื่องจากวันนี้เรามีนัดไปโรงเรียนที่เราเคยเรียนตอนมัธยมด้วยกัน แต่ จู่ๆเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมจึงหยิบขึ้นมาดูเพราะคิดว่าเป็นลินดา ข้อความ พ่อ : รีบกลับมาบ้านก่อนเก้าโมง พ่อ : ห้ามเบี้ยว ไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่ เมื่ออ่านข้อความจากคนเป็นพ่อเสร็จผมก็ต้องถอนหายใจออกมาทันที เพราะการที่พ่อจะติดต่อผมมามันต้องมีอะไรอย่างแน่นอน โดยปกติแล้วผมกับพ่อเราไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก ด้วยความที่เราค่อนข้างจะมีความคิดไม่ค่อยตรงกัน เวลาคุยกันทีไรก็มักจะทะเลาะกันทุกที เราจึงเลือกที่จะไม่คุยกันถ้าไม่จำเป็น ส่วนใหญ่ผมจะคุยกับแม่มากกว่า เพราะแม่ค่อนข้างตามใจผมที่สุด… หลังจากที่ผมตั้งสติได้ผมก็เลือกกดโทรหาใครบางคนทันที กราฟฟิค ตื้ดดด ตื้ดดด (ฮัลโหล) ปลายสายพูดขึ้นทันทีที่กดรับสาย “มึงไปรับลินดาแทนกูที กูมีธุระต้องไปเดี๋ยวนี้” ผมเอ่ยบอกปลายสายออกไปทันที (อืม) มันตอบกลับมาแค่นั้น “ฝากดูแลลินดาด้วยนะ” พูดจบแล้วผมก็กดวางสายก่อนจะขับรถกลับไปที่บ้าน ที่ผมเลือกโทรหาไอ้กราฟฟิคเพราะผมคิดว่ามันน่าจะคุ้นเคยกับลินดามากที่สุด เพราะสองคนนี้ทำงานด้วยกันบ่อยทั้งตอนมัธยมและมหาลัย ผมจึงเลือกไว้ใจให้มันไปรับมากกว่าไอ้วอร์มกับไอ้ยู @บ้านใหญ่ ครืดด ครืดด~ ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าบ้านเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นทำให้ต้องหยิบขึ้นมาดู ลินดา เมื่อเห็นว่าใครโทรมาผมก็ยิ้มออกมาทันทีก่อนจะกดรับสาย “ฮัลโหลครับน้องลิน” (พี่เซนอยู่ไหนคะ) ปลายสายถามกลับมาทันที “เอ่อพอดีพี่ต้องมาทำธุระกับพ่อด่วนเลยครับ” ผมอธิบายบอกลินดาออกไป (มันหมายความว่าไงเหรอคะพี่เซน) “พี่อาจจะไปรับน้องลินไม่ได้ พี่เลยให้ไอ้กราฟฟิคไปรับแทน” (แต่พี่ก็น่าจะบอกลินก่อนนะคะ) ลินดาเอ่ยออกมา ทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ไม่ได้โทรไปบอกเธอก่อน พอผมโทรหาไอ้กราฟฟิคเสร็จก็รีบขับรถมาที่บ้านเลย “พี่ขอโทษนะครับ มันกะทันหันจริงๆ” ผมเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “แล้วไอ้กราฟก็ผ่านหน้าหอพักน้องลินพอดี น้องลินไปกับไอ้กราฟก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่เสร็จธุระแล้วจะตามไปครับ” (แต่พี่เซนคะ!) แต่ในขณะที่ผมกำลังคุยโทรศัพท์กับแฟนสาวอยู่นั้น ลูกน้องคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาผม “คุณเซนครับ คุณท่านให้มาตามแล้วครับ” ผมหันไปมองก่อนจะพยักหน้ารับรู้และโบกมือมันให้เดินออกไป (แค่นี้ก่อนนะครับพ่อพี่เรียกแล้ว) แล้วผมก็ตอบกลับปลายสายไปก่อนจะกดวางสายทันที เมื่อผมเดินเข้ามาในบ้านก็ต้องเจอกับพ่อที่ยืนมองหน้าผมนิ่งก่อนที่สายตาของผมจะเหลือบไปเห็นใครอีกหลายคนนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร “มาตั้งนานแล้วทำไมไม่รีบเข้ามา มัวทำอะไรอยู่” พ่อเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “คุยโทรศัพท์ครับ” ผมตอบกลับไปแค่นั้น “รู้ไหมว่าทำให้แขกผู้ใหญ่ต้องรอนาน” พ่อพูดขึ้นอย่างตำหนิผม “เอาน่ะสุรชัยอย่าไปดุลูกเลย ไหนๆลูกก็มาแล้ว” คุณอาคนหนึ่งเอ่ยบอกพ่อ “ไปนั่งสิ” ทำให้ท่านถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยบอก ผมจึงไปนั่งตามที่พ่อบอก “ขอโทษแทนเจ้าลูกชายด้วยนะ” แล้วพ่อก็เอ่ยบอกทุกคน “ไม่เป็นไรๆ” “นี่อาเทพบดีกับอาคัทลียา เป็นเพื่อนของพ่อ” พ่อเอ่ยแนะนำ ผมจึงยกมือไหว้คุณอาทั้งสองคนตามมารยาท “นี่ตาเซนลูกชายผม” พ่อพูดขึ้น “ส่วนนี่ แคทเธียร์ ลูกสาวคนเดียวของอาเอง” คุณลุงเทพบดีเอ่ยแนะนำหญิงสาวที่นั่งหน้านิ่งอยู่ข้างๆ ผมหันไปมองเธอเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมายิ้มให้อาเทพตามมารยาท “เซนหล่อกว่าในรูปอีกนะลูก” คุณอาคัทลียาเอ่ยขึ้นยิ้มๆ “ขอบคุณครับ” ผมก็ยิ้มตอบกลับไปตามมารยาทเช่นกัน “มาทานข้าวกันเถอะค่ะ ฉันเตรียมไว้ให้เยอะเลย” แล้วแม่ผมก็เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กที่เดินมาเสิร์ฟอาหารมากมายและแม่ก็นั่งลงข้างผม ก่อนที่ทุกคนจะนั่งทานอาหารพูดคุยกันไป คงมีแต่ผมกับหญิงสาวที่นั่งตรงข้างผมที่เอาแต่เงียบไม่ได้พูดอะไร ผ่านไปสักพัก “ว่าแต่เรื่องงานหมั้นเราจะเอายังไงกันดี” อาเทพก็เอ่ยออกมา แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่ง “หมั้นกันเดือนหน้าเลยฝั่งนายจะโอเคไหม” พ่อผมเอ่ยถามอาเทพขึ้น “ฉันไม่ติดอะไรอยู่แล้ว ยัยแคทก็คงไม่ติดอะไรเช่นกันใช่ไหมลูก” อาเทพก็ตอบกลับมาก่อนจะหันไปถามลูกสาวตัวเอง “ช..ใช่ค่ะ” เธอเงยหน้าขึ้นมาตอบพ่อเสียงสั่นก่อนจะก้มลงไปเขี่ยอาหารเช่นเดิม “งั้นก็ตามนี้ ฉันหาฤกษ์มาแล้ว ตัวเจ้าเซนเองก็คงไม่ติดอะไรเหมือนกัน” พ่อเอ่ยบอกอาเทพ แต่คำพูดของพ่อทำให้ผมเงยหน้ามองพ่อทันทีจากตอนแรกที่ไม่คิดจะสนใจว่าทุกคนกำลังพูดถึงใคร แต่เมื่อได้ยินชื่อตัวเองใจผมก็กระตุกวูบขึ้นมา “หมายความว่าไงครับพ่อ” ผมถามออกไปอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่พ่อพูดว่านี่มันคือเรื่องอะไรกันแน่ แล้วผมไปเกี่ยวอะไรด้วย “เซนจะต้องหมั้นกับหนูแคทเธียร์” พ่อของผมหันมาเอ่ยบอกผมน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน” ผมยืนขึ้นโวยวายออกไปทันทีอย่างไม่เกรงใจใครทั้งนั้น “เซนใจเย็นๆลูก” แม่พยายามจับมือให้ผมนั่งลง “ออกมาคุยกับฉันข้างนอก” แล้วพ่อก็พูดขึ้นก่อนจะเดินนำผมออกไปบริเวณในสวน “ผมไม่หมั้นนะพ่อ ผมไม่ยอมเด็ดขาด” ผมพูดขึ้นทันทีอย่างไม่ยอม “แต่แกต้องหมั้น” พ่อตอบกลับมาเสียงดัง “ทำไมผมต้องหมั้นด้วย” ผมถามออกไปอย่างไม่พอใจ “เพราะฉันสั่ง” พ่อก็ตอบกลับมาเสียงเรียบกว่าเดิม “แต่ผมมีแฟนแล้ว” ผมเอ่ยออกไปเสียงสั่นเมื่อนึกถึงใบหน้าของลินดา “ไปเลิกซะ ยังไงแกก็ต้องหมั้นกับหนูแคทเธียร์” พ่อตอบกลับมาอย่างไม่สนใจ “ผมไม่เลิก แล้วก็จะไม่หมั้นกับยัยนั่นด้วย” ผมพูดด้วยท่าทีจริงจัง ผมไม่ยอมเลิกกับคนที่ผมรักเพื่อมาหมั้นกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้หรอกนะ “แต่แกต้องเลิก เลือกเอาจะบอกเลิกด้วยตัวเองหรือจะให้ฉันไปจัดการผู้หญิงคนนั้น” “อย่ายุ่งกับลินดา” ผมกำหมัดแน่นเอ่ยบอกพ่อเสียงเรียบนิ่ง “ถ้าเป็นเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้น ก็ไปจัดการให้เรียบร้อย” พูดจบพ่อก็เดินเข้าบ้านไปทันที “พ่อ!! ” ผมตะโกนออกไปเสียงสั่นๆ ทั้งโกรธพ่อทั้งเป็นห่วงลินดา ความรู้สึกมันปะปนกันไปหมด ผมไม่รู้จะทำยังไงดี อีกด้าน หลังจากที่คุณลุงสุรชัยเดินออกไปคุยกับร่างสูงอยู่นาน สักพักคุณลุงก็เดินกลับมา “ฉันขอโทษแทนลูกชายด้วย มันตกใจไปหน่อย” ลุงสุรชัยเอ่ยบอกทันที “ไม่เป็นไร” พ่อของฉันตอบกลับไป แล้วทั้งสองก็พูดคุยกันเรื่องงานหมั้นบ้าๆที่ฉันไม่ได้อยากหมั้นเลยสักนิด ตั้งแต่เซนเดินออกไปคุยกับพ่อของเขา เขาก็หายไปเลยไม่กลับเข้ามาอีก ปล่อยให้ฉันต้องนั่งทนฟังด้วยความอึดอัดอยู่คนเดียว จนเวลาผ่านไปสักพัก “เอาตามนี้เลยนะ หนูแคทเธียร์ไม่ติดอะไรใช่ไหม” ลุงสุรชัยหันมาเอ่ยถามฉัน ฉันก็มีท่าทีอึกอักเพราะไม่ได้ฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่คุยกันเลยแต่เมื่อหันไปหาพ่อกับแม่ที่พยักหน้าให้ฉันเชิงบอกว่าให้ฉันตอบไปดีๆ “อ..อ่อค่ะ” ฉันตอบกลับไปแค่นั้น ลุงสุรชัยก็พยักหน้าตอบกลับมา ก่อนที่พ่อแม่และฉันจะขอตัวกลับบ้าน @บ้านแคทเธียร์ ฉันเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเรียบนิ่งทำท่าจะเดินขึ้นห้อง “คุยกันก่อนสิลูก” แต่พ่อก็เอ่ยขึ้นก่อนทำให้ฉันต้องเดินกลับมานั่งในห้องนั่งเล่น “พ่อขอบคุณแคทมากนะลูกที่ยอมหมั้นเพื่อบ้านของเรา” พ่อเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ฉันรู้ดีว่าพ่อรู้สึกยังไง ฉันไม่ได้อยากหมั้นเลยสักนิดเดียว แต่เพราะสถานการณ์ที่บ้านเรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ทำให้ฉันต้องจำใจตอบตกลงไป อย่างที่ทุกคนรู้เนื่องจากบริษัทพ่อฉันประสบปัญหาโดนผู้ถือหุ้นโกงไปมหาศาลเกือบสองร้อยล้านทำให้พ่อถูกฟ้องล้มละลาย พ่อเครียดมากจนช็อกเข้าโรงพยาบาลแต่โชคดีที่หมอช่วยไว้ได้ทัน และลุงสุรชัยก็สามารถช่วยธุรกิจที่กำลังล้มละลายของพ่อได้ด้วยการ TAKEOVER และช่วยเรื่องเงินทุน ฉันจึงต้องหมั้นกับเซนลูกของลุงสุรชัย เพื่อให้ลุงสุรชัยยอมยื่นมือมาช่วยธุรกิจของเรา จริงๆบ้านเราก็มีสมบัติเก่าของแม่อยู่นะ แต่ก็ไม่มากพอที่จะฟื้นฟูกิจการของพ่อได้ พ่อจึงตัดสินใจให้ฉันหมั้นเพื่อให้ลุงสุรชัยมาช่วยแทนที่จะใช้ทรัพย์สมบัติของแม่ยื่นมือมาช่วย เพราะอยากให้เก็บไว้ให้ฉันใช้มากกว่า ซึ่งก็มีความโชคดีหนึ่งอย่างที่พ่อไหวตัวทันรีบหย่ากับแม่ก่อนเพื่อไม่ให้ทรัพย์สินของแม่ต้องถูกอายัดและยึดทรัพย์ไปด้วยไม่งั้นบ้านเราจะไม่เหลืออะไรเลยจริงๆ “ไม่เป็นไรค่ะพ่อ อย่าคิดมากนะคะ” ฉันเอ่ยออกไปอย่างไม่อยากให้พ่อต้องรู้สึกไม่ดีเดี๋ยวจะทำให้โรคหัวใจกำเริบขึ้นมาอีก “พ่อสัญญาว่าจะพยายามให้ลูกหมั้นไม่นาน เมื่อไหร่ที่ทุกอย่างเรียบร้อย พ่อจะให้ลูกถอนหมั้นทันที” พ่อเอ่ยออกมา ฉันก็พยักหน้าตอบ “หนูจะทำเพื่อพ่อนะคะ” พูดจบฉันก็เข้าไปสวมกอดพ่อไว้แน่น ก็แค่หมั้นเองไม่ได้แต่งงานอยู่กินกันไปตลอดชีวิตซะหน่อย แค่นี้ฉันทำเพื่อพ่อได้อยู่แล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD