EP.02 #อ้อมกอด

1356 Words
ไฟซัลขมวดคิ้วก้มมองใบหน้าสวยของเด็กสาว เธอกำลังมองเขาตอบเช่นกัน ดวงตากลมโต ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้ม คิ้วเรียวสวย ช่างเป็นใบหน้าที่น่าทะนุถนอมจริง ๆ “หนูไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ทั้งเปราะบาง ทั้งอ่อนแอ หนูยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะทำ หนูจะใช้ชีวิตให้มีคุณค่าและมีความสุขมากที่สุด เพื่อให้คนบนฟ้ามองลงมาด้วยรอยยิ้มค่ะ เพราะฉะนั้นหนูจะไม่มีวันทำร้ายตัวเองเด็ดขาดค่ะ” ภาพรอยยิ้มน้อย ๆ ของเด็กสาวทำให้ชายหนุ่มคล้ายตกอยู่ในภวังค์ เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอใครสักคนที่มีพลังบวกมหาศาลขนาดนี้ เธอทำให้เขาอบอุ่นหัวใจอย่างน่าประหลาด ราวกับแสงไฟเพียงหนึ่งเดียวสาดส่องเข้ามาในความมืดมิดของจิตใจเขายามนี้ “คุณก็เหมือนกันนะคะ ชีวิตของคุณมีค่ามาก คุณพ่อคุณแม่สร้างชีวิตคุณขึ้นมาอย่างยากลำบาก อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการดื่มหนักขนาดนี้อีกนะคะ มันไม่ดีต่อสุขภาพค่ะ” เด็กสาววัยสิบห้าหันมาพูดเชิงสอนเขาซึ่งอายุยี่สิบสองปี ไฟซัลหลุบตามองกระป๋องเบียร์บนราวสะพาน ขยับยิ้มสมเพชให้กับตัวเอง “แต่มันเป็นทางออกเดียวที่จะช่วยให้ฉันลืมความเจ็บปวดนี้ไปได้” “คุณกำลังเจ็บปวดหรือคะ?” เธอเอียงคอถาม “ใช่… ฉันกำลังเจ็บปวดมาก ๆ เจ็บจนอยากจะตาย” ชายหนุ่มเหม่อมองผืนน้ำเบื้องล่างโดยไม่รู้เลยว่าเด็กสาวข้างกายขยับเข้ามาจนชิดกับตัวเขาแล้ว เขาไม่ได้กลิ่นน่าอาเจียนจากกายเธอเลยสักนิด กลับกัน… กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเธอนั้นกลับทำให้เขารู้สึกจิตใจสงบมากขึ้น “คุณต้องการให้กอดไหมคะ?” เธอถามเขาอีกครั้ง คราวนี้ไฟซัลหันมองเด็กสาวด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย สีหน้าของเธอใสซื่อ ไร้พิษภัย แววตาห่วงใยเต็มไปด้วยความหวังดี “กะ กอดเหรอ? กอดแบบไหน?” เขาไม่ได้จิตอกุศลหรอกนะ แต่ตอนนี้เขาค่อนข้างเมามาก แค่ยืนยังจะยืนไม่ตรงเลยด้วยซ้ำ จะให้ตีความคำว่ากอดของเด็กสาวไปในทางที่ดีมันก็คงจะยาก “กอดก็คือกอดไงคะ? กอดมีแบบอื่นด้วยเหรอ หนูไม่เข้าใจ” เด็กสาวเอียงคอ เลิกคิ้วน้อย ๆ ทำหน้าครุ่นคิด “คุณแม่เคยสอนหนูว่า ‘อ้อมกอดรักษาความเจ็บปวดได้’ หนูเห็นคุณเจ็บปวด หนูอยากช่วยคุณค่ะ” อ้อ… คำว่ากอดของเธอคือความหมายนี้สินะ ไฟซัลเพิ่งจะสังเกตว่าเขายืนชิดกับเด็กสาวมาก แถมตัวเองยังไม่มีอาการตอบสนองต่อกลิ่นอย่างรุนแรงเหมือนที่ควรจะเป็น หรือเพราะว่าเขาเมามากเกินไป ไอ้โรคประหลาดนั่นเลยพังชั่วคราว? “มาสิคะ” เด็กสาวหันตัวเข้าหาร่างสูงกว่าพร้อมกางสองแขนออกกว้าง เชิงเรียกให้เขาเข้ามากอดเธอ ไฟซัลยืนนิ่งงันไม่กล้าขยับแม้เพียงปลายนิ้ว ตั้งแต่เกิดมานอกจากมารดาเขาไม่เคยกอดผู้หญิงคนไหนมาก่อน เพราะโรคประหลาดของเขาทำให้เขาไม่สามารถทนรับกลิ่นน่าอาเจียนจากผู้หญิงได้ เขาจึงเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงทุกคนมาโดยตลอด ทว่าครั้งนี้… เขากลับรู้สึกอยากจะโผเข้าหาอ้อมกอดเล็ก ๆ นี้ ราวกับว่าเขาต้องการอ้อมกอดปลอบโยนของใครสักคนในยามที่เขากำลังเจ็บปวดเจียนตาย หมับ เพราะเห็นว่าร่างสูงยืนนิ่งไปนาน ร่างบางตัวเล็กจึงเป็นฝ่ายโผเข้ากอดเขาแทน เธอสวมกอดเขาหลวม ๆ ซบใบหน้าลงบนแผงอกของเขา มือข้างหนึ่งตบแผ่นหลังกว้างเบา ๆ อย่างปลอบประโลมเหมือนที่แม่ของเธอเคยทำเสมอในยามเธอเจ็บปวด “ไม่เป็นไรแล้วน้า… อย่าเจ็บปวดอีกเลยนะคะ” เสียงหวานพึมพำเบา ๆ ปลอบโยนเขา ไฟซัลหลับตาลง สองมือยกขึ้นโอบกอดเด็กสาวแผ่วเบา กลิ่นหอมของเธอช่วยทำให้ความรู้สึกสงบใจค่อย ๆ แทรกเข้ามาแทนที่ความเจ็บปวดในหัวใจ นี่คือ… อ้อมกอดที่เขาต้องการมากที่สุดในโลก . . . แสงแดดยามเช้าสาดส่องลอดผ่านผ้าม่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องนอนมืดสลัว ร่างสูงบนเตียงพลิกตัวเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้นทันทีที่รู้สึกตัว เขามองไปรอบห้องนอนตัวเอง ดวงตาคมหม่นแสงลง ฝันเหรอ… ไฟซัลยันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงด้วยอาการปวดหัวขั้นสุด เมื่อคืนเข้าดื่มไปเยอะมาก เขาจำเรื่องเมื่อคืนแทบไม่ได้เลย มีเพียงความทรงจำเลือนรางราวกับความฝันเท่านั้นที่ยังวนเวียนอยู่ในหัวของเขา มือหนายกขึ้นขยี้ผมสีดำสนิทของตัวเองแรง ๆ เตรียมจะก้าวขาลงจากเตียง แต่กลับต้องชะงักไป นั่นมัน… ผ้าพันคอคุ้นตาผืนหนึ่งถูกหยิบขึ้นมาจากโต๊ะหัวเตียง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ยังคงติดตรึงอยู่บนผ้าผืนนั้น เขาจำกลิ่นหอมนี้ได้ดี… มันคือกลิ่นของเด็กสาวคนนั้น! ถ้าอย่างนั้น… เรื่องเมื่อคืนก็ไม่ใช่ความฝันน่ะสิ! “ตื่นแล้วเหรอ ปวดหัวหรือเปล่า” ประตูห้องนอนเปิดออกพร้อมร่างสูงของเพื่อนสนิทเดินเข้ามา เขารีบหันไปถามในสิ่งที่คาใจทันที “เจ้าของผ้าผืนนี้อยู่ที่ไหน?” “อะไรของนาย” ‘อลัน’ เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็กที่เติบโตมาด้วยกันเลิกคิ้วมองผ้าพันคอในมือไฟซัลอย่างฉงน เขาคือหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้เรื่องอาการป่วยของทายาทนักธุรกิจพันล้านคนนี้ “เจ้าของผ้าไง ผ้าผืนนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” “มันอยู่ที่คอนายตอนฉันไปรับน่ะสิ” อลันวางเครื่องดื่มแก้แฮงค์ให้เพื่อน เขาไม่ได้ใส่ใจกับท่าทีแปลกไปของไฟซัลสักเท่าไหร่ “หมายความว่ายังไง? เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ถ้าจำไม่ผิดฉันยืนอยู่บนสะพานกับเด็กคนนั้นไม่ใช่เหรอ?” “เด็ก?” อลันขมวดคิ้ว “อ้อ หมายถึงเด็กผู้หญิงที่รับสายคนนั้นหรือเปล่า” “ใช่! นายเจอเธอใช่ไหม? แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” ไฟซัลทำหน้าดีใจ เพราะเมื่อคืนเขาเมามากทำให้จำหน้าเด็กคนนั้นแทบไม่ได้ สิ่งที่พอจะจำได้มีแค่เสียงหวาน ๆ กับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอ และชุดนักเรียนนานาชาตินั่นเท่านั้น “ไม่เจอ ตอนฉันโทรหานาย มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งรับสาย เธอบอกว่านายเมาหลับอยู่บนสะพานให้ฉันรีบไปรับ ตอนฉันไปถึงก็ไม่เจอเธอแล้ว เจอแต่นายนั่งหลับพิงราวสะพานโดยมีผ้าพันคอผืนนี้พันคออยู่” อลันเล่าอย่างละเอียดพลางสังเกตสีหน้าของไฟซัลไปด้วย เมื่อเห็นแววตาผิดหวังของเพื่อนก็อดถามต่อไม่ได้ “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วทำไมนายถึงไปเมาหลับบนนั้นได้ นี่นายคงไม่ได้คิดอะไรบ้า ๆ หรอกใช่ไหม?” เพราะเรื่องของมารดาทำให้ไฟซัลซึมเศร้ามานับสัปดาห์จนคนรอบตัวพากันกังวลไปหมด เมื่อรู้ว่าเขาขึ้นไปบนสะพานแบบนั้นอลันอดร้อนใจไม่ได้จริง ๆ กลัวว่าเขาคิดจะทำร้ายตัวเอง “…” ไฟซัลลุกขึ้นยืน ในมือกำผ้าพันคอแน่น เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เขาตัดสินใจบางอย่างขึ้นมาได้ “นายจะไปไหน?” อลันมองตามร่างสูงที่เดินหยิบผ้าขนหนูเตรียมจะเข้าห้องน้ำ ไฟซัลชะงักฝีเท้าหันกลับมามองเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม มันไม่ใช่แววตาว่างเปล่าเหมือนหลายวันที่ผ่านมา แต่เป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นบางอย่าง “ไปตามหาเด็กคนนั้น”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD