๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
[ตอนนี้นายอยู่ไหน เดี๋ยวฉันไปหา]
“…”
[ไฟซัล อย่าเป็นแบบนี้ พ่อนายเป็นห่วงมากนะ ตอบฉัน นายอยู่ที่ไหน?]
ติ้ด…
น่ารำคาญ… ไม่ว่าใครก็น่ารำคาญไปหมด
อึก…
กระป๋องเบียร์ถูกยกดื่มจนหมด ก่อนโยนมันทิ้งแล้วหยิบกระป๋องสุดท้ายขึ้นมาเปิดใหม่ ร่างสูงซวนเซเล็กน้อยตามความแรงของแอลกอฮอล์ในเลือด เขานั่งดื่มอยู่ตรงนี้มาเกือบชั่วโมงกว่าแล้ว ความจริงเขาอยากจะไปดื่มในผับให้หนักกว่านี้ แต่เพราะ ‘โรคบ้า ๆ’ ทำให้เขาไม่สามารถไปในที่ที่ ผู้คนพลุกพล่านและแออัดได้ เขาจึงต้องมานั่งดื่มเงียบ ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแทน
‘ไฟซัล’ หนุ่มหล่อโปรไฟล์ดีทายาทนักธุรกิจพันล้านวัยยี่สิบสองปี เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ใบหน้าของผู้หญิงวัยกลางคนปรากฏเข้ามาในหัว ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเขาเหลือเกิน
“…แม่ฮะ” เสียงแหบแห้งเปล่งออกมาแผ่วเบา ก้อนสะอื้นจุกอยู่ในอก เขาเพิ่งสูญเสียมารดาผู้เป็นที่รักไปเมื่ออาทิตย์ก่อนด้วยโรคมะเร็ง แม่ของเขารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมาหลายปี แม้จะทุ่มเงินไม่อั้นในการรักษาสักเท่าไหร่ สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อความตายเอาไว้ได้ แม่จากเขาไปอย่างสงบในวันที่เขากำลังเข้ารับปริญญาบัตร มันเป็นเรื่องน่าเศร้าแสนสะเทือนใจสำหรับชายหนุ่มอย่างมาก
นับตั้งแต่วันที่ไฟซัลสูญเสียแม่ไป หลังจบงานศพเขาไม่ได้กลับบ้านอีกเลย ทำให้พ่อของเขาเป็นห่วงมาก รวมถึงเพื่อนสนิทของเขาด้วย
“อะไรน่ะ” ดวงตาคมแสนโศกเศร้าหยุดชะงักบนสะพานข้ามแม่น้ำ เขามองเห็นร่างเล็ก ๆ ของใครคนหนึ่งกำลังยืนชะโงกหน้ามองแม่น้ำอยู่บนนั้น แวบแรกที่ไฟซัลคิดคือคนคนนั้นกำลังจะฆ่าตัวตาย…
ร่างสูงลุกขึ้นยืนเดินขึ้นบันไดมาบนสะพานโดยถือกระป๋องเบียร์ติดมือมาด้วย เขาก้าวเดินอย่างเชื่องช้าเพราะตัวเองอยู่ในอาการมึนเมาพอสมควร สายตาจ้องมองร่างเล็กบางตรงปลายสายตานิ่ง
เมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอคนนั้นเป็น ‘ผู้หญิง’ เขาจึงหยุดยืนห่างจากเธอประมาณหนึ่งเมตร เพื่อเว้นระยะห่างเหมือนอย่างทุกที เขาหันหน้าเข้าหาราวสะพานก้มมองแม่น้ำเบื้องล่างตามสายตาของเธอ
“จะโดดเหรอ?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม สายตาคมหันมองเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมของโรงเรียนนานาชาติที่ไหนสักแห่ง เธอละสายตาจากผืนน้ำกลับมาสบตากับเขานิ่ง วินาทีนั้นหัวใจแกร่งกระตุกไหวเล็กน้อย
เด็กคนนี้สวยมาก…
ไฟซัลคลี่ยิ้มบาง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขากำลังเมาหรือเปล่าถึงได้มองเด็กสาวตรงหน้าว่าสวย ทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่เคยแยแสผู้หญิงคนไหนมาก่อน สำหรับเขาผู้หญิงก็เหมือน ๆ กันหมด ทั้งเหม็น ทั้งน่ารำคาญ ไม่ควรเข้าใกล้เลยสักนิด
สายลมพัดเรือนผมสีดำของเด็กสาวพลิ้วไหว เขาจับจ้องภาพนั้นนิ่งงัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ พัดมาตามสายลมกระทบโสตประสาทการรับกลิ่นของเขา
หอม…
ดวงตาคมหลับตาลงเพื่อสูดดมกลิ่นที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน เพราะเขาเป็น ‘โรคประหลาด’ มาตั้งแต่จำความได้ ทำให้เขาไม่สามารถเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหนได้ นอกจากมารดาของเขา
วงการแพทย์เรียกโรคของไฟซัลว่า Gynophobia หรือโรคกลัวผู้หญิง โดยโรคนี้เกิดจากการหลั่งสารเคมีในสมองไม่สมดุล ทำให้เกิดความคิดวิตกกังวลที่มากเกินคนปกติ ซึ่งความวิตกกังวลเหล่านี้จะกระตุ้นให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานไวเกินปกติ ทำให้เกิดอาการแปรปรวนด้านร่างกายตามมา เช่น ใจสั่น ตื่นเต้น ประหม่า เหงื่อแตก หายใจไม่อิ่ม ชาแขนขา ควบคุมตนเองไม่ได้ แม้จะรับรู้ว่าสิ่งเร้าที่ทำให้กลัวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีอันตราย แต่มีความรู้สึกหวาดกลัวและต้องหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่กลัวนั้นจนทำให้อาการหวาดกลัวส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งสำหรับไฟซัลค่อนข้างจะแสดงออกได้รุนแรงและแปลกประหลาดกว่าเคสปกตินั่นก็คือเมื่อเขาเข้าใกล้ผู้หญิง เขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว แต่จะรู้สึกเหม็นและมีอาการอยากอาเจียนแทบทุกครั้ง ทางการแพทย์จึงถือว่าเคสของเขาเป็นเคส Gynophobia หายากและยังไม่มีทางรักษา
ไฟซัลเติบโตมาด้วยการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือเข้าใกล้ผู้หญิงมาตลอด หลายครั้งที่เขาหลีกเลี่ยงไม่พ้นทำให้อาเจียนออกมาเลยก็มี ซึ่งผู้หญิงคนเดียวที่เขาเข้าใกล้ได้ก็คือแม่ของเขาเท่านั้น และตอนนี้เธอได้จากเขาไปตลอดกาลแล้ว บนโลกใบนี้จึงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขาจะเข้าใกล้ได้อีก
ทว่า… เด็กสาวคนนี้กลับทำให้เขาไม่รู้สึกเหม็นหรืออยากจะอาเจียนเลยสักนิด
“คุณเมาเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขณะละสายตาไปจากเขา ไฟซัลค่อย ๆ ขยับเข้ามายืนใกล้เด็กสาวมากขึ้นเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง ระยะห่างระหว่างทั้งสองจึงค่อย ๆ ลดลงทีละนิด
“นิดหน่อย เธออยากดื่มด้วยไหมล่ะ?” เขายื่นกระป๋องเบียร์ในมือให้ เด็กสาวไม่แม้แต่จะหันมามองด้วยซ้ำ ดวงตาหวานเหม่อมองผืนน้ำเบื้องล่างราวกับว่ามันน่าสนใจนักหนา
“หนูเพิ่งสิบห้าเองนะคะ คุณไม่ควรชวนเด็กดื่มเหล้านะ มันผิดกฎหมายค่ะ”
ไฟซัลชักมือกลับมา ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นมองเล็กน้อย ก่อนจะวางมันลงบนราวสะพาน เธอพูดถูก เขาคงเมามากจนเสียสติไปแล้วจริง ๆ
“เธอจะกระโดดลงไปไหม?”
“…” คำถามของเขาเรียกสายตาจากร่างบางให้หันมาสนใจ เธอเลิกคิ้วน้อย ๆ มองชายแปลกหน้าด้วยแววตาประหลาดใจ
“ถ้าเธอโดด ฉันก็จะโดดเป็นเพื่อน ดีไหม?” เขาสบตาเด็กสาว ริมฝีปากหนาขยับยิ้มบาง แววตาคมฉายความเศร้าออกมา ไร้แววล้อเล่น เขาคิดจะทำแบบนั้นจริง ๆ
“ไม่ค่ะ หนูไม่คิดจะกระโดดหรอก คุณก็ห้ามทำแบบนั้นนะคะ” เด็กสาวปฏิเสธเสียงหนักแน่น มองเขาด้วยแววตาตักเตือน
“ทำไมล่ะ? ก็เห็นเธอมองเหมือนอยากกระโดดลงไป” น้ำเสียงของเขาค่อนข้างฟังยากพอสมควร เด็กสาวจึงขยับเข้าใกล้เขามากขึ้น ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ลดลงเหลือเพียงศอกเดียว
น่าแปลก… ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกอยากจะอาเจียนเลยล่ะ?