“วะ ว่ายังไงนะคะ?”
เสียงหวานอุทานด้วยความตกใจ เธอดึงมือออกจากฝ่ามือหนา สัมผัสกรุ่นร้อนยังคงติดตรึงบนฝ่ามือเล็กไม่จางหาย เรียกเสียงหัวใจดวงน้อยเต้นระรัวผิดจังหวะ
เขาจูบฝ่ามือเธองั้นหรือ…
“ผมหมายถึงการวิจัยครับ” รองประธานหนุ่มสุดหล่อขยับยิ้มตอบ แววตาเจ้าเล่ห์ระยิบระยับ “งานของคุณก็คือการอยู่กับผมจนกว่าผมจะทำวิจัยเสร็จ”
อ้อ… อย่างนั้นเองสินะ
ร่างบางถอดทอนใจเบา ๆ เมื่อครู่เขาจงใจพูดกำกวมให้เธอตกใจเล่นสินะ ทำไมถึงเป็นคนขี้แกล้งขนาดนี้ คิดจะทำให้เธอหัวใจวายวันละกี่ครั้งกันล่ะเนี่ย
“หน้าที่ของฉันคือการช่วยงานวิจัยของคุณสินะคะ ถ้างั้นฉันควรเริ่มจากตรงไหนคะ” เธอเปลี่ยนเรื่องกลับมาที่งาน ก้าวถอยหลังออกห่างจากเขาอย่างเป็นธรรมชาติไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป ไฟซัลยักยิ้มแสร้งทำเป็นไม่สนใจกับท่าทีระแวดระวังตัวของไลลานา
“เริ่มจากกลิ่นของคุณครับ”
“คะ?!” เธอตกใจรอบสอง ไฟซัลหลุดขำ ปฏิกิริยาตอบโต้ของไลลานาน่ารักเกินไป เขาอดใจแกล้งไม่ไหวจริง ๆ “คะ คุณหัวเราะทำไมคะ ฉันตกใจจริง ๆ นะคะ!”
“ขอโทษครับ ผมพูดไม่ชัดเอง อะแฮ่ม!” เขากระแอมเบา ๆ หนึ่งทีก่อนตีหน้าเคร่งขรึม “ผมหมายถึงเริ่มจากกลิ่นต่าง ๆ ที่คุณใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำหอม ครีมอาบน้ำ แชมพู หรือโลชั่นบำรุงผิว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นต้นกำเนิดของกลิ่นหอมบนร่างกายคุณน่ะครับ”
อ้อ… หมายถึงแบบนี้สินะ
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะนำทุกอย่างมาให้คุณพรุ่งนี้นะคะ” เธอพยักหน้าเข้าใจมากขึ้น แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ “คุณคิดว่าการที่คุณเข้าใกล้ฉันได้โดยไม่มีอาการแพ้หรือรู้สึกอยากอาเจียน เป็นเพราะกลิ่นหอมจากของพวกนั้นหรือคะ คือว่า… คุณได้กลิ่น เอ่อ…”
ตอนถามประโยคนี้ ร่างบางแอบก้าวถอยหลังออกห่างจากเขาหนึ่งก้าว ไฟซัลหลุบตามองท่าทางนั้นของเธอ คิ้วเข้มขมวดนิด ๆ รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมา
“ตอบตามตรงนะครับ ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แต่เวลาที่อยู่ใกล้ ๆ คุณผมมักจะได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวคุณเสมอ และกลิ่นนั้นมันทำให้จิตใจของผมสงบอย่างน่าประหลาด มันเหมือนกับ…” เขาหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อภาพในอดีตแสนเลือนรางลอยเข้ามาในหัว ภาพของเด็กสาวในชุดนักเรียนนานาชาติบนสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนั้น กลิ่นหอมของเธอช่างคล้ายคลึงกับไลลานาเหลือเกิน…
ไลลานาสังเกตเห็นสีหน้าของไฟซัลเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาคล้ายคนที่กำลังจมอยู่กับภวังค์ความคิด เธอขยับเข้าใกล้เขาด้วยความลืมตัวพลางเอียงคอมอง
“เหมือนกับอะไรหรือคะ?”
ภาพใบหน้าเลือนรางของเด็กสาวซ้อนทับกับใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวตรงหน้า ไฟซัลนิ่งงัน จ้องมองไลลานาตาไม่กะพริบ หัวใจแกร่งกระตุกไหว ความคิดบางอย่างแล่นวาบเข้ามา
“คุณ… เคยพบกับผมมาก่อนหรือเปล่าครับ?” เขาได้ยินเสียงตัวเองเอ่ยถามออกไป ขณะสายตาคมยังจดจ้องดวงตาคู่สวยไม่ยอมละ
ไลลานาขมวดคิ้ว “ทำไมหรือคะ?”
“ตอบผมมาก่อนสิครับ เราเคยพบกันมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”
“เรื่องนั้น…” ไลลานาหลบสายตาเขาอย่างพยายามใช้ความคิด เธอเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนส่ายหน้าช้า ๆ
“งั้นเหรอ…” เสียงทุ้มแผ่วเบาราวกระซิบ ความรู้สึกผิดหวังแล่นวาบเข้ามาในใจ จนป่านนี้แล้วเขาก็ยังตามหาเธอคนนั้นไม่พบ ทำไมมันถึงยากเย็นขนาดนี้กันนะ ราวกับว่าเธอคนนั้นไม่มีตัวตนอยู่จริง…
Rrr…
เสียงเรียกเข้าดังจากกระเป๋าไลลานา เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านชื่อบนหน้าจอพลางขมวดคิ้วแปลกใจ
“ฉันขอตัวรับสายก่อนนะคะ”
ไฟซัลพยักหน้ารับ เธอจึงเดินออกมาจากห้องลับของเขา และกดรับสายภายในห้องทำงาน โดยไม่รู้ว่าเจ้าของห้องเดินตามหลังออกมาด้วย
“ค่ะซิสเตอร์”
[สวัสดีจ้ะไลลา ขอโทษที่รบกวนเธอนะ ซิสเตอร์อยากทราบว่าพรุ่งนี้เธอว่างหรือเปล่า] ปกติแล้วซิสเตอร์อรุณีไม่ค่อยโทรหาเธอนักถ้าหากไม่มีเรื่องจำเป็นจริง ๆ ซึ่งทุกครั้งไลลานาไม่เคยปฏิเสธการช่วยเหลือเช่นกัน ทว่าครั้งนี้เธอกลับลังเล… เพราะว่าเธอทำงานให้กับไฟซัลแล้ว เธอไม่สามารถไปไหนมาไหนตามใจชอบได้อีกแล้ว
“ซิสเตอร์มีเรื่องอะไรให้หนูช่วยหรือคะ”
[พรุ่งนี้ทางทีมแพทย์จากโรงพยาบาล L จะมาตรวจเด็ก ๆ ประจำเดือนน่ะจ้ะ ซึ่งมันตรงกับวันประชุมของมูลนิธิพอดี บุคลากรของเราไม่พอ ซิสเตอร์เกรงว่าจะดูแลเด็ก ๆ ได้ไม่ทั่วถึงจึงโทรมาถามเธอว่าสะดวกมาช่วยดูแลเด็ก ๆ สักสองสามชั่วโมงไหมจ๊ะ]
“คนดูแลเด็ก ๆ ไม่พอสินะคะ” เธอทำหน้าลำบากใจแม้ว่าปลายสายจะมองไม่เห็นก็ตาม ทว่าคนที่เห็นกลับเป็นเจ้านายหนุ่มซึ่งยืนนิ่งมองเธอคุยสายอยู่ไม่ไกล ไลลานาชะงักเล็กน้อยตอนหันไปสบกับดวงตาคม เธอรีบดึงสายตากลับมาทันที “หนูขอยังไม่รับปากนะคะซิสเตอร์ แต่จะพยายามไปให้ได้ค่ะ ถ้าไปไม่ได้ยังไงหนูจะโทรหาเย็นนี้นะคะ”
หลังจากวางสายซิสเตอร์อรุณี ไลลานามีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เธอเป็นห่วงทางมูลนิธิมาก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเด็ก ๆ จะมีผลต่อจิตใจและความรู้สึกของไลลานาเสมอ
.
.
.
“คุณมีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าครับ”
เมื่อเห็นว่าไลลานาเอาแต่นั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะไม่พูดไม่จาจนเวลาล่วงเลยมาเกือบจะหมดเวลางานแล้ว ไฟซัลจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน ฟังจากการสนทนาทางโทรศัพท์ของไลลานาก่อนหน้านี้เขาก็พอจะเดาออกว่าพรุ่งนี้เธอมีธุระจำเป็นต้องเข้าไปที่มูลนิธิ แต่เธอไม่กล้าจะพูดกับเขาตรง ๆ
“คือว่า…” ไลลานาตัดสินใจหันมองเจ้านายหนุ่ม ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายถามเธอตรง ๆ งั้นเธอก็จะตอบเขาตรง ๆ “พรุ่งนี้ฉันขอลางานสักสามชั่วโมงได้ไหมคะ?”
“ลางานสามชั่วโมง?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นหน่อย ๆ สองมือคว่ำลงประสานใต้คาง ข้อศอกชันกับพื้นโต๊ะทำงาน ดวงตาคมจ้องนิ่ง “คุณมีธุระอะไรหรือครับ”
“ค่ะ พรุ่งนี้ทางมูลนิธิมีประชุมใหญ่ชนกับตารางตรวจสุขภาพประจำเดือนของเด็ก ๆ ทำให้บุคลากรที่รับหน้าที่ดูแลเด็ก ๆ น้อยลง ฉันจึงอยากจะไปช่วยดูแลเด็ก ๆ สักสองสามชั่วโมงค่ะ”
“งั้นหรือครับ” รองประธานหนุ่มอือออเบา ๆ ก่อนกดอินเตอร์โฟนหาเลขานอกห้อง “เช็คตารางงานพรุ่งนี้ให้ฉันหน่อย”
“เอ่อ… คุณจะอนุญาตให้ฉันลาใช่ไหมคะ?” ไลลานามองเขาอย่างมีความหวัง ริมฝีปากขยับยิ้มบาง
“ไม่ให้ลา…”
เอ๊ะ…
“แต่ผมจะไปกับคุณด้วยครับ”