ถูกบังคับ

1618 Words
หลังจากให้ปากคำเสร็จ ร่างบางกับร่างสูงก็พากันเดินออกมา พวกเขายังคงอยู่ในชุดเดิมของเมื่อคืน คัตสึกิที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จึงทำได้แค่ยืนรอ ยกมือคู่เท้าเอวสอบอยู่ใต้ต้นไม้ ลบริมฝีปากร้อนฉ่า มีท่าทางลุกลี้ลุกลนตอนเห็นพวกเขาเดินมาแต่ไกล คำถามแรกถูกพ่นออกมาเสียงเรียบ เขาได้รับคำตอบโดยการนิ่งเฉยจากซาโตรุ ส่วนเตียร์ปลายตามองเพื่อนรุ่นพี่ พลันส่ายศีรษะ “สั่นหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง คนตายเป็นใคร แล้วคนฆ่าล่ะ” “พี่เป็นใครเนี่ย เงาตำรวจเหรอ มันใช่เรื่องต้องมาคุยกันไหม ในพื้นที่สาธารณะแบบนี้น่ะ” สุดท้ายหนีไม่พ้นโดนเธอตำหนิ คัตสึกิเลือกที่จะเงียบ ส่วนซาโตรุเลือกที่จะกลับไปแก้ปัญหาเรื่องนี้ต่อ ต่างฝ่ายต่างไปคนละทิศละทาง และหลังจากนี้คงไม่ได้มาทำงานอีกหลายวัน จนกว่าคดีจะจบ เตียร์ทอดน่องสวยต่อไปเรื่อยๆ บนคอนกรีตราบเรียบไร้ขยะดูสะอาดตา สองฝั่งเต็มไปด้วยไม้ประดับให้ร่มเงา และเว้นระยะห่างของเก้าอี้เหล็กสำหรับผู้คนต้องการจะนั่งพักผ่อนเอาไว้ เธอเลือกที่จะเดินมากกว่านั่งรถประจำทาง เพราะในหัวมีเรื่องให้คิดอีกเยอะ ระยะห่างจากที่ยืนอยู่ไปถึงที่พักอาศัยคงหมดเรื่องราวให้คิดพอดี หากไม่มีบางอย่างมาขัดขวางกันเสียก่อน คนที่กำลังถูกจุดความสบายใจขึ้นมาอีกครั้งยามอยู่คนเดียว หายไปเลยในพริบตาเพียงเห็นผู้มาเยือน “เวรเอ๊ย” สาวเจ้ากัดฟันสบถ อยู่ๆ มีรถคันหนึ่งหักพวงมาลัยเข้ามาจอดเทียบ เร่งปรับเปลี่ยนสีหน้าจากวิตกกังวลจนดูหงอยกลายเป็นเชิดหน้าแทนทันที จังหวะกระจกเบาะนั่งหลังพนักคนขับค่อยๆเลื่อนลง เผยใบหน้าเรียบเฉยของคุโระ หรือ ชุน พ่อแท้ๆของเธอ หญิงสาวตาลุกวาวจ้องเขม็งเขา ก็ตอนสายตาคู่นั้นหรี่มามอง ทว่าเป็นการมองแค่แวบเดียว ราวกับเธอไม่ใช่ลูกสาว ก่อนเบี่ยงไปยังทิศทางอื่น เตียร์เม้มปากแน่น ยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ รอให้ลูกน้องของเขากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเสียก่อน แล้วจึงพูด “ฉันไม่ไปกับเขา” “เป็นยังไงบ้าง” “เห็นทีจะไม่ได้ครับ เพราะนายสั่งให้ผมพาคุณหนูขึ้นรถ” นาทีนั้นสายตาของเตียร์ ขึงมองชายชุดดำราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ พานตวัดไปยังที่เดิมก่อนหน้านี้ที่เลื่อนกระจกขึ้นไปแล้ว เธอรู้หรอกว่าเขานั้นมองอยู่ การมองเห็นซึ่งไม่ยุติธรรมระหว่างแผ่นกั้นกลางอย่างฟิล์มหนาทึบ เช่นเดิมจะต้องเป็นเธอที่พ่ายแพ้ หญิงสาวหันกลับมาขึงตาใส่ ก่อนมือหยาบกร้านเปื้อนไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่เคยเปื้อนจนน่ารังเกียจจะทันยื่นมาแตะตัว พร้อมเบี่ยงตัวหนีอย่างทันท่วงที “ไม่ต้อง! ฉันเดินเองได้” ภายในรถที่ว่าเงียบเชียบแล้วคงไม่ต่างกับบรรยากาศภายในบ้านเมื่อมาถึง ดวงตาคู่โตถือโอกาสตอนเดินตามหลังผู้เป็นพ่อเข้าไปในห้องชงชากวาดตามองไปทั่ว เธอไม่ได้มาที่นี่หลายปี คงไม่แปลกที่จะหมดความเคยชิน “คุณพาฉันมาบ้านใหญ่ทำไม” ผู้เป็นพ่อรับรู้ถึงความห่างเหินระหว่างเขากับลูกสาว ก็หลังจากทั้งคู่พากันนั่งลงตรงกันข้าม ในขณะผู้หญิงชั่วครั้งชั่วคราวของเขารีบทำตามหน้าที่ เร่งกุลีกุจอถือถาดนำชามารินให้ “ไหนเคยพูด ไม่ให้มาเหยียบที่นี่อีก” เตียร์ตัดพ้อ ขณะเผลอมองท่วงท่าการรินอย่างขะมักเขม้นของหล่อนอย่างลืมตัว หลุบตาต่ำช้อนขึ้นมองตามควันโชยโขมงยามน้ำร้อนกระทบคล้ายกับเกลียวคลื่นน้อยๆขึ้นมา ส่งกลิ่นความเป็นมัทฉะอ่อนๆ ตลบอบอวล สิ่งนี้ทำให้เธอผ่อนคลาย แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะแยกแยะไม่ได้ กลิ่นชาทำให้เธอคิดถึงแม่ ก็ใช่ว่าจะมีพ่อของเธออยู่ในความรู้สึกนั้น “จดจำมันไปเพื่ออะไร?” คุโระเอ่ยแค่สั้นๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ การยกชาขึ้นมาจิบของเขา ภายใต้ความนิ่งงันทำให้คู่สนทนาเข้าถึงยาก เขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่ สิ่งนี้หัวหน้ายากูซ่ามักใช้กัน ยามเจรจากับคู่ค้าหรือศัตรู ไม่คิดว่าจะนำมาใช้กับผู้เป็นลูกอย่างเธอด้วย ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น ความคิดอยากจะหยิบชาถ้วยนั้นขึ้นมาจิบบ้าง หลังไม่ได้สัมผัสรสชาติและกลิ่นหอมของมันมานาน มลายหายไปในทันที อีกความคิดถัดมาคือการอยากจะหายไปจากตรงนี้เสียด้วยซ้ำ “ถ้าอย่างนั้น มีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะค่ะ หนูมีที่อื่นต้องไปทำต่อ” “เว้นที่ทำงานไว้ที่หนึ่งสินะ” อีกทั้งเธอยังเกลียดเสียงหัวเราะของเขา เสียงหัวเราะประหนึ่งสิงโตคำรามหวังข่มขู่ผู้ลุกล้ำเขตแดน ซึ่งไม่ควรอย่างยิ่งที่คนเป็นพ่อจะนำมาใช้กับลูก “ได้ข่าวว่าที่ทำงานแกมีปัญหา จริงไหม?” “สืบมาขนาดนี้แล้ว จะถามอีกทำไมคะ” เตียร์จ้องราชสีห์ตรงหน้าเขม็ง ไม่มีทีท่าจะเกรงกลัว คุโระเห็นอย่างนั้นถึงกับวางถ้วยชากระทบโต๊ะ พานไล่คนรินชาทางอ้อมด้วยสายตา ไม่นานก็เหลือแค่เขากับเธอ สองคนพ่อลูก “ออกมาจากที่นั่นซะ” ในที่สุดความต้องการก็ถูกเปิดเผยผ่านเสียงทุ้มเรียบ เขาคงลืมไปแล้วเธอคือบุตรีของเขา หากจะเป็นราชสีห์ ร่างบางตรงหน้าไม่ต่างจากลูกสิงโตตัวหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นสิงโตเพศผู้คงจะอยู่ในช่วงวัยใกล้จะถูกไล่ออกจากฝูง ไปผจญภัยในป่าพงไพรด้วยความสามารถของตัวเอง “ทำไมคะ” สีหน้าผู้เป็นพ่อดูจริงจังถึงขนาดทำสาวเจ้าลำคอแห้งผาด ข่าวไปรู้มาก่อนหน้านี้คงจะจริง กับคำสันนิษฐานของนักสืบเกี่ยวกับชีวประวัติของผู้เสียชีวิต “ศพนั่นเป็นลูกน้องคุณจริงๆสินะ” เตียร์เค้นเสียง สายตายังคงจับจ้องหน้าผู้เป็นพ่อ ละเอียดยิบถึงขนาดเห็นตัวเองอยู่ในม่านตาสีดำทมิฬ เห็นถึงความดุดัน ขยายกว้างบ่งบอกถึงความร้ายกาจกำลังจะมาเยือน ทว่าหญิงสาวหาได้กลัวไม่ เธอสำเหนียกไว้อยู่เสมอ ชีวิตของเธอเกิดมาเพื่อเอาชนะพ่อ ส่วนชะตาคงหนีไม่พ้นการทำศึก เธอมักจะเล่นสงครามประสาทกับเขาทุกครั้งที่เจอหน้ากัน “ถ้าใช่แล้วจะทำไม แกมีปัญญาทำให้มันฟื้นขึ้นมาหรือไง แกจะมีปัญญาอะไรนอกจากทำให้คนเขาตาย” ดวงตากลมโตที่เคยเกรี้ยวกราด ขยายขึ้นส่องประกายลุกวาวราวกับแผดรัศมีความเคืองโกรธ หากทำได้เธออยากจะตบโต๊ะเสียงดังให้มือคู่นี้แตกหัก แล้ววิ่งหนีไปให้พ้นๆ ดีกว่านั่งทนฟังอะไรซ้ำซากแบบนี้ “เมื่อไหร่จะเลิกกระแนะกระแหนกันสักที ถ้าเกลียดกันนัก จะมาให้เจอกันทำไม” ความอึดอัดเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาจะรู้ไหมทุกครั้งที่พูดแบบนี้ออกมาจะทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด หรือว่าเพราะรู้ถึงทำ “ก็ไม่ได้อยากจะเจอนักหรอก ถ้าในอนาคตแกไม่ทำฉันเดือดร้อน” ริมฝีปากบางเฉียบที่เม้มติดกันอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งเม้มแน่นกันมากขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยแขนงเส้นเลือดแห่งความโกรธปนความน้อยใจ มองลึกเข้าไปยังดวงตาคู่นั้น “เดือดร้อนอย่างนั้นเหรอ? ดิฉันอยู่ของดิฉันดีๆ ไม่ได้รบกวนอะไรคุณ จะทำให้เดือดร้อนด้วยเรื่องอะไรไม่ทราบ” แต่ความเสียใจจะกลายเป็นความหยิ่งยโส หลังจากปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่าเธอจะไม่ยอมให้คนตรงหน้าเห็นน้ำตาตัวเองอีก พร้อมเชิดคางขึ้นจงใจท้าทาย คุโระเห็นอย่างนั้นจึงยกยิ้ม แสดงทีท่าไม่ได้ถือสาอะไรในท่าทีของเธอ นอกจากหยิบเช็คบนโต๊ะข้างกันขึ้นมาเซ็นก่อนเลื่อนไปให้ การนั่งตัวตรงยกถ้วยชาขึ้นมาจรดริมฝีปากสีหน้าเรียบเฉยของเขา ยิ่งเพิ่มความเสียใจที่มีอยู่ในใจเธออีกเท่าทวีคูณ คนตรงหน้าหลงอำนาจ และเห็นมันดีกว่าจิตใจของคนเป็นลูก “เงินก้อนนี้ เอามาฟาดหัวดิฉันใช่ไหมคะ” เตียร์แค่นหัวเราะจังหวะพูดประชดประชัน เธอรู้อย่างคุโระอยากได้อะไรย่อมเอาให้ได้ แต่ไม่ใช่มากมายขนาดนี้ ถึงขนาดยอมเซ็นเช็คจ้างเธอลาออกจากงาน งานที่เธอใช้แรงทำแลกข้าวแลกน้ำ ด้วยเงินหลักล้าน “หุบปากเสียๆของแก แล้วทำตามที่ฉันบอก” ร่างสูงละถ้วยนั้นห่างจากปาก วางมันลงอย่างสุขุม เหลือบตาขึ้นมามองเธอ นัยย์ตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองที่ยังสามารถระงับไว้ได้ ไม่ปล่อยออกมาทำร้ายคนตรงหน้าง่ายๆ ทว่าเตียร์กลับมองมันเป็นการท้าทาย เธอโค้งริมฝีปากค่อยๆ ฉีกยิ้มร้าย พลันทำเรื่องไม่คาดคิด นั่นคือการหยิบเช็คขึ้นมาฉีกต่อหน้าต่อตาเขา เควก! พร้อมคำพูดรุนแรงที่ทำคุโระเผลอพลั้งมือตบหน้าเธอ “ทำไมคนที่หนูกำพร้าไม่เป็นพ่อคะ ทำไมต้องเป็นแม่ ถ้าเลือกได้..หนูอยากให้พ่อตายแทนแม่จังเลยค่ะ” “เตียร์!” เพี้ยะ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD