ตอนที่ 2 อยากกลับไป
“กูเพิ่งเจอเป้ยวันนี้” เสียงเข้มเอ่ยบอก ขณะที่อีกฝ่ายเพียงพยักหน้ารับรู้ อย่างไม่ทันสนใจอะไร จนกระทั่ง
“กูอยากกลับไปคบกับเขา”
“ห๊ะ! มึงว่าอะไรนะ!” รวิชญ์แทบไม่อยากเชื่อหูตนเอง ในขณะที่อธิษฐ์ยังคงกล่าวซ้ำ
“กู...อยากเลิกกับน้องเขา”
“เห้ย! มึงพูดเหี้ยอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่าวะ มึงเหี้ยนะ ถ้ามึงจะทำแบบนั้น อีกไม่กี่วัน จะถึงวันแต่งงานแล้วนะเว้ย” สบถด่าออกมาด้วยความตกใจคาดไม่ถึง ว่าเพื่อนของเขาจะมีความคิดที่เห็นแก่ตัว และเลือดเย็นเช่นนี้ ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงระบายความในใจออกมา
“กูแม่ง ทำทุกอย่างผิดไปหมด ผิดตั้งแต่แรกที่กูดันไปคบกับณิดา” นายแพทย์หนุ่มระบายออกมาด้วยความอึดอัด คับข้องใจ ในขณะที่รวิชญ์นั้นแทบจะตาสว่าง หายอาการมึนเมาที่มีในก่อนหน้าไปจนปลิดทิ้ง
“นี่มึงรู้ตัวหรือเปล่า ว่ามึงพูดอะไรออกมา”
“เออกูรู้ทุกคำนั่นล่ะ”
“กูแค่ไม่อยากฝืน แล้วก็ไม่อยากให้น้องเขาต้องมาเสียเวลากับกู”
“ไอ้เหี้ย พลังงานบวกเชิงลบมาก มึงดูหวังดีนะ แต่กูบอกตรง ๆ ว่าโคตรเหี้ย”
อธิษฐ์ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ตวัดตามองด้วยความเคืองขุ่น แต่ก็ไม่คิดเถียง หรือว่าอะไรกลับไป เพียงแต่ยกแก้วเหล้าของตนเองขึ้นดื่มดับความว้าวุ่นในใจเท่านั้น
“ว่าที่มึงคิดแบบนี้ เพราะมึงเจอเป้ย”
“กูไม่รู้ว่ะ แม่งสับสนไปหมด วันนี้ที่กูเจอเขา ความรู้สึกเดิม ๆ แม่งกลับมา มันทำให้กู ไม่อยากฝืนตัวเองอีกแล้วว่ะ”
“มึงไปเจอเป้ยที่ไหนวะ” นิ่งไปชั่วอึดใจ ขณะมองสบตาเพื่อนสนิท ก่อนจะตอบอีกฝ่ายกลับไปว่า
“ที่บริษัท”
“ว่าไงนะ แล้วเป้ยมาทำไรที่บริษัท มาหามึงเหรอ”
“เปล่า...เป็นตัวแทนยาคนใหม่” ตอบด้วยเสียงราบเรียบ ขณะที่รวิชญ์แทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ เพราะไม่คิดว่าคนรักเก่าเพื่อนจะลงทุนมาสมัครงานในบริษัทที่ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นของใคร
“หื้ม!! แล้วเป้ยเขาไม่รู้เหรอวะ หรือว่าแกล้งลืม” อธิษฐ์ส่ายหัวเล็กน้อย
“ไม่รู้ว่ะ แต่เขาตอบกูว่าไม่รู้”
“แล้วมึงก็เชื่อ?” หรี่ตาถาม มองหน้าอีกฝ่ายคล้ายจับผิด ขณะที่อธิษฐ์กลับออกโรงปกป้องแทนคนรักเก่าจนอีกฝ่ายมองหน้าเพื่อนที่ออกรับแทนคนรักเก่าด้วยความหมั่นไส้
“เป้ยเขาไม่ใช่คนซับซ้อนอะไรแบบนั้นนะเว้ย”
“แล้วยังไง เจอเมียเก่าเลยจะทิ้งเมียที่เพิ่งแต่งไปเนี่ยนะ”
“มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้รักณิดาแต่แรก”
“แต่มึงก็เป็นคนพาน้องเขาไปจดทะเบียนเอง มึงจะอ้างแบบนั้นไม่ได้เว้ย” รวิชญ์พยายามให้สติ แต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่อยากยอมรับอะไรอีกแล้ว เขาส่ายหน้าพร้อมกับตอบกลับในประโยคที่ทำให้นายแพทย์หนุ่มอายุรกรรมถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“วันนี้กูก็ไม่ได้ไปลองชุดแต่งงานกับณิดา”
“มึงอย่าบอกนะ ว่ามึงไปกับเป้ยแทน”
“อืม”
“ทำไมวะ ในเมื่อน้องเขาก็ดีกับมึงทุกอย่าง ดูแลมึงไม่เคยขาด ทั้งอาหารการกิน เสื้อผ้าที่มึงใส่ มึงยังเคยชมให้กูได้ฟังบ่อย ๆ ว่าน้องเขาดูแลมึงดี”
“อืม ดูแลดี เรื่องนี้กูไม่เถียง แต่กูไม่ได้รัก มึงเข้าใจไหมวะ”
“กูไม่เข้าใจเว้ย แล้วกูก็ไม่อยากเข้าใจด้วย พ่อบ้านดีเด่นอย่างกู ไม่มีวันเข้าใจคนอย่างมึงหรอก”
“เรื่องของมึง”
“วันไหนที่มึงหอนเหมือนหมานะ วันนั้นก็จะซ้ำมึงให้”
“มันไม่มีวันนั้นหรอก กูมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง”
“กูเห็นมั่น ๆ แบบนี้หลายคนละ ดูไอ้ภีมสิ ตอนเขาอยู่ก็เหี้ยใส่สารพัด พอเขามูฟออนไปได้คนที่ดีกว่า หอนเหมือนหมาเลย มึงก็เห็นอยู่”
“นั่นมันไอ้ภีม ไม่ใช่กู” อธิษฐ์ยังคงยืนยันตามความรู้สึกของตนเอง ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ส่ายหัวไปมา สีหน้าเต็มไปด้วยความอิดหนาระอาใจ ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่ตั้งบ่อย แต่ทำไมเพื่อนเขาถึงได้ปิดหูปิดตา เชื่อมันตัวเองขนาดนั้น
ถ้าหากว่าภรรยา ที่มันแต่งงานด้วย ไม่สวย หรือไม่ดี เขาจะไม่ห้ามปรามเลย แต่เท่าที่ได้ยินมา เธอนั้นทั้งอ่อนหวาน เรียบร้อย แล้วยังดูแลปรนนิบัติเก่ง ดูแลให้ทุกอย่าง ทั้งทำอาหารสุขภาพให้เพราะอีกฝ่ายชอบดูแลตัวเอง ไหนจะเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัว งานบ้านไม่เคยขาด
“กูขอถามอีกครั้งได้ไหมวะ”
“อืม”
“มึงไม่คิดจะรักน้องเขาเลยเหรอวะ” อธิษฐ์ได้ยินคำถามนั้น ถึงกับถอนใจดัง
“กูเคยคิดว่าณิดาจะทำให้กูลืมเป้ยได้ แต่วันนี้กูรู้แล้วว่ะ”
“กูสงสารน้องเขาว่ะ เขาดูรักมึงมากเลยนะไอ้อธิษฐ์ มึงทำได้ลงเหรอวะ”
“กูเคยบอกมึงแล้ว ว่ากูเคยพยายามที่จะรักเขาแล้ว แต่พอกูเจอเป้ย...กูก็รู้แล้วว่ะ”
“สรุปมึงจะหย่ากับเขาให้ได้”
“อืม...”
“แล้วมึงจะทิ้งเมีย ที่แม่งก็ดีทุกอย่าง เพื่อไปหาคนที่เคยทิ้งมึงไปเนี่ยนะ”
อธิษฐ์มองหน้าอีกฝ่ายแล้วถึงกับถอนหายใจยาวออกมา จนต่อคำพูดเหล่านั้นของเพื่อนสนิทที่รู้ทุกเรื่องราวในชีวิตของเขาทุกอย่าง
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ กูแค่ไม่อยากให้ณิดาเขาต้องมานั่งเสียเวลากับกู จบกันตอนนี้ ดีกว่ากูปล่อยให้เรื่องแม่งยิ่งเลยเถิด” รวิชญ์ถึงกับถอนหายใจดังเฮือกใหญ่ ยิ่งรู้สึกสงสารหญิงโชคร้ายคนนั้นที่ดันมาหลงรัก คนอย่างนายอธิษฐ์ ทั้งที่เพิ่งจะจดทะเบียนสมรสไปไม่นาน เหลือรอแค่เวลาได้จัดงานฉลองเท่านั้น
ที่สำคัญงั้นฉลองนั้น ไอ้เจ้าเพื่อนตัวแสบของเขาก็ไม่คิดเชิญใครมาร่วมงาน ตั้งใจให้เป็นงานปิดเฉพาะคนสนิทเท่านั้นด้วยซ้ำ
“เอาเถอะ มึงจะทำอะไรก็รีบทำแล้วกัน อีกไม่กี่วันจะงานแต่งงานมึงแล้วด้วย ที่สำคัญมึงอย่าลืมนะ ว่างานแต่งนี้เป็นมึงที่เป็นฝ่ายเริ่ม แล้วที่สำคัญ แม่มึงเขาชอบลูกสะใภ้คนนี้มาก เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เด็ก มึงก็คิดให้ดีแล้วกัน” รวิชญ์พยายามให้สติ เอ่ยย้ำถึงเรื่องราวบางอย่างให้อีกฝ่ายได้ตระหนักรู้ มากกว่าที่จะใช้อารมณ์นำทาง อย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้