ตอนที่ 5 เมียมึงโทรมา
“เมียมึงโทรมาเหรอวะ” รชตะแกล้งถามย้ำสถานะของหญิงสาวอีกคน ขณะที่อธิษฐ์มองชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนิ่งไปเล็กน้อย ‘ณิดา’
“อืม”
“งั้นมึงก็รับสิวะ จะรออะไร” เอ่ยเร่ง เพราะเห็นอีกฝ่ายเหมือนจะลังเลอะไรบางอย่าง
อธิษฐ์ถอนหายใจยาว ก่อนจะกดรับสายที่อีกฝ่ายเปิดกล้องวีดีโอมาในที่สุด
“อืม ว่าไงครับ” ถามด้วยใบหน้าเรียบขรึม อีกฝ่ายยังไม่ทันพูดอะไรตอบกลับมา
รชตะฉวยจังหวะนั้นกดปุ่มวีดีโอคอลให้โดยที่เพื่อนสนิทยังไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
พริบตานั้นภาพของหญิงสาวที่มองกล้องด้วยความแปลกใจในวินาทีแรก ก่อนจะเผยรอยยิ้มสดใส มองเขาผ่านหน้าจอโทรศัพท์ คิ้วสวยเลิกสูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อสังเกตเห็นใครอีกคนนั่งฉีกยิ้มอยู่ข้างสามีเธอ
‘พี่ขุนสวัสดีค่ะ อ๋อพี่กลางไปเจอพี่ขุนนี่เอง’ หล่อนจำชายคนนี้ได้ทันทีเพราะเห็นรูปในโซเชี่ยลอยู่บ่อยครั้ง
“ครับ...น้องณิดาใช่ไหม ได้ยินแต่ชื่อ น่ารักกว่าที่พี่คิดอีกนะครับ”
‘ขอบคุณค่ะพี่ขุน’ หล่อนยิ้มด้วยท่าทางเก้อเขิน ก่อนจะหันมาสบตาใครอีกคนที่กำลังยกแก้วขึ้นดื่มเงียบ ไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใด ๆ
‘พี่กลาง...เอ่อจะออกมากี่โมงเหรอคะ’
“ออกไปไหน?” คิ้วหนาเลิกสูงเล็กน้อย ลืมไปเสียสนิทว่าเขามีนัดกับเธอค่ำนี้
‘เรานัดดูหนังกันไว้ไงคะ พี่กลางให้ณิจองตั๋วเอง ลืมไปแล้วเหรอ เมื่อคืนณิถามย้ำแล้วนะคะ’
“อืม
‘ตอนนี้ ณิมารออยู่ที่ห้างแล้วนะคะ”
“อืมเดี๋ยวพี่ไป”
‘ค่ะพี่กลาง ถึงแล้วโทรมานะคะ เดี๋ยวณิไปหาอะไรทานรอ’ ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแล้วตัดบทวางสายทันที
“มึงทำได้ลงเหรอวะ น้องเขาน่ารักขนาดนั้น ที่สำคัญน้องณิดา เป็นน้องสาวไอ้คณินทร์ด้วยไม่ใช่เหรอวะ” รชตะพยายามท้วงตึงอีกฝ่าย เท่าที่จำได้ ผู้หญิงคนนี้เป็นน้องสาวของเดียวของคณินทร์ธาร เพื่อนสนิทที่โตกันมาตั้งแต่เด็กของอธิษฐ์ แต่ในช่วงหลังอีกฝ่ายย้ายตัวเองไปทำงานอยู่ต่างประเทศได้นานหลายปีแล้ว
อธิษฐ์ถอนหายใจดัง ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด พลางชำเลืองสายตามองไปยังใครอีกคนที่กำลังอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าพนักงานในบริษัทของเขา
หญิงสาวเดินเตร็ดเตร่ระหว่างรอชายคนรักเรื่อยมาจนใกล้ถึงเวลาที่ภาพยนตร์เข้าฉาย จึงตัดสินใจเดินมาหาที่นั่งรอบริเวณด้านหน้าโรงภาพยนตร์ ซื้อเครื่องดื่ม กับพ๊อปคอร์นถังใหญ่ เล่นโทรศัพท์มือถือฆ่าเวลาระหว่างรอ
จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกของพนักงานแจ้งถึงเวลาให้ลูกค้าได้เข้าไปด้านในโรงภาพยนตร์
หญิงสาวหันรี้หันขวาง พยายามชะเง้อสายตามองหา ชายคนรัก ในใจเริ่มกระวนกระวาย กระสับกระส่าย เพราะใกล้ถึงเวลาภาพยนตร์เข้าฉายแล้ว แต่เขาก็ยังเดินทางมาไม่ถึง
ตัดสินใจกดโทรศัพท์หา ระหว่างคิ้วมุ่นหากันเล็กน้อย เมื่อสามีเธอกลับไม่กดรับสาย
เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่อธิษฐ์กำลังยืนประคองหญิงสาวร่างบางที่อยู่ในสภาพเมามายแทบประคองสติไม่ได้ หล่อนถูกเพื่อนร่วมงาน ทำพิธีรับน้องพนักงานใหม่ด้วยการให้ดื่มเหล้าเพียวติดต่อกันหลายช็อต สภาพของเจ้าหล่อนถึงได้อยู่ในสภาพนี้
“งื้อ...เบ๊บ พาบี๋ไปนั่งหน่อย บี๋จะอ้วกกกกกก” หล่อนพูดด้วยเสียงยานคาง ออกคำสั่งชายหนุ่มท่ามกลางสายตาของทุกคนในโต๊ะ ที่ต่างหันมองหน้ากันด้วยความตกใจแทบจะทันทีที่ได้ยินสรรพนามการเรียกขานอย่างสนิทสนม
“ยืนดี ๆ ก่อน อย่าเพิ่งทิ้งตัว” เสียงเข้มดุบอกกระซิบหญิงสาวที่กำลังทิ้งตัวใส่ กอดเขาไว้แน่น
“บี๋จะอ้วกแล้วเบ๊บ...บี๋ม่ายหว่าย”
“อืม ๆ เดี๋ยวผมพาไปนั่งพักตรงโน้น ไอ้ขุนมึงหาน้ำเย็น หรือน้ำส้ม มาให้เป้ยหน่อย”
“อืม” รชตะรับคำ ก่อนจะหันไปสั่งพนักงานในร้านที่ยืนอยู่บริเวณแถวนั้น พร้อมกับผ้าเย็นมาให้หญิงสาวได้เช็ดหน้าเช็ดตา
“เบ๊บ....”
“หื้ม...ว่าไง” นายแพทย์ถามเสียงในลำคอ ขณะประคองเธอกลับมานั่งที่โต๊ะเดิมของเขา ให้เธอนั่งลงบนโซฟายาวขณะที่เขาเองก็ทรุดตัวลงนั่งข้างกัน คอยดูแลหาผ้าเย็นที่พนักงานในร้านของรชตะนำมาให้ เช็ดหน้าเช็ดตาหญิงสาว กลับต้องชะงัก ลมหายใจสะดุดต่อคำพูดขอหญิงสาวอดีตคนรัก พาลให้หัวใจเขานั้นแทบจะหยุดทำงาน
“เบ๊บ...เบ๊บ ยังรักบี๋ไหม” นานหลายวินาทีกว่าจะตั้งสติตนเอง กระแอมไอออกมาเสียงดัง เอ่ยกำชับเสียงเข้มดุ
“ดื่มน้ำก่อน อย่าเพิ่งพูด”
“งื้อ...บี๋จะพูด...ให้บี๋พูด”
“เป้ย! เมามากแล้วนะ มีสติหน่อย”
“ฮือ...ทำไมเบ๊บต้องมีคนอื่นด้วย ทำไมไม่รอบี๋ บี๋เจ็บมากนะ...” หล่อนคร่ำครวญโวยวายไม่ฟังเสียงห้าม มิหนำซ้ำยังหันไปคว้าแก้วเหล้าของอธิษฐ์ที่วางอยู่ยกขึ้นมาดื่ม จนเขาต้องกระชากดึงออกจากมือ น้ำเหล้าหกกระจายเปียกรดทั่วตัว
“เป้ย...เมาแล้วนะ พอก่อนเถอะ อย่าเพิ่งอะไรตอนนี้เลย”
“ทำไมคะ...ทำไม”
“พอเถอะเป้ย...กูว่ามึงพาเป้ยกลับไปก่อนเถอะว่ะ เมาขนาดนี้แล้ว น่าจะกลับเองไม่ไหว”
“อืม คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ ถ้าไงที่เหลือกูฝากไว้ด้วยนะ เดี๋ยวกูมาจัดการ”
“เออ กูรู้แล้วล่ะ มึงพาน้องเขากลับไปเถอะว่ะ เมาเละขนาดนี้”
“เออ ๆ งั้นกูฝากดูลูกน้องกูด้วยแล้วกัน” อธิษฐ์ถอนหายใจยาว คล้ายกับเหน็ดเหนื่อยใจ ก่อนจะประคองพาหญิงจะให้ลุกขึ้นยืน
ชั่วจังหวะนั้นที่เสียงโทรศัพท์ของอธิษฐ์ดังขึ้นอีกครั้ง พลอยทำให้ร่างสูงที่กำลังโอบประคองหญิงสาวไว้ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอแล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะกดตัดสายนั้นไป
โดยไม่รู้เลยว่าใครอีกคนในอ้อมแขนเขา ที่กำลังแสร้งเมามายไม่ได้สติอยู่นั้น กำลังลอบแสยะยิ้มด้วยความพึงพอใจ กับผลงานที่ตนเองนั้นตั้งใจทำเป็นพิเศษ
หล่อนแกล้งมอมตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วเหล้าดีกรีเพียงเท่านี้ไม่ทำให้เธอถึงกับล้มเมาจนขาดสติได้หรอก อาจจะเพียงแค่มึนเมา พอให้ได้สนุกเท่านั้น