ตอนที่ 7หย่ากันเถอะ

1375 Words
ตอนที่ 7หย่ากันเถอะ นิษฐ์รัณดากลับมาตั้งสติที่บ้านด้วยความรู้สึกที่ยากอธิบาย สับสน ปนเปจนแทบตั้งสติไม่อยู่ หญิงสาวหอบร่างกายและสังขารที่แทบไร้เรี่ยวแรงกลับมานั่งพักตั้งสติ คิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ สมองถูกแบ่งสองทางระหว่างคิดในแง่ดี ว่าใครคนนั้นอาจจะเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานของเขา... เธอคิดไม่ออกเลยว่าคนอย่างเขาจะทำเรื่องเลวร้าย หักหลังเธออย่างเลือดเย็นเช่นนั้นได้อย่างไร หล่อนพยายาม ตั้งสติ ปรับอารมณ์ กลับเข้าบ้านมาเตรียมอาหารสำหรับมื้อค่ำ เป็นเมนูง่าย ๆ ผัดผักถั่วลันเตา ไข่เจียวหมูสับ กับน้ำพริกปลาทูที่เธอซื้อแบบสำเร็จที่เขาทำไว้สำหรับขายเป็นชุดพร้อมผักต้ม จัดวางอาหารทุกอย่างลงบนโต๊ะอาหาร ในใจนั้นยังรู้สึกวาบหวิว หายใจได้ไม่ทั่วท้อง กอปรกับอาการวิงเวียนศีรษะ ที่รู้สึกเป็นระยะ จนต้องพาตัวเองมานั่งหยิบยาดมขึ้นมาดมหวังบรรเทาอาการ ในช่วงเวลานั้นเสียงรถยนต์ คุ้นหูก็แล่นเข้ามาจอดในรั้วบ้าน หล่อนชะเง้อตัวมองด้วยหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มือไม้เย็นเฉียบด้วยความหวาดหวั่น เมื่อนึกถึงภาพใบหน้าของเขาที่เธอเห็นในวันนี้ พาให้ใจสั่น เจ็บแปลบปลาบร้าวทั้งทรวงอก กระทั่งร่างสูงเดินเข้ามาในปรากฏตัวในบ้าน หล่อนหยุดยืนมองเขานิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆพยายามข่มอารมณ์ทำทุกอย่างให้เหมือนปกติก่อนหน้านี้ ขณะที่เขานั้นกลับมีท่าทีอึกอัก ใบหน้าหล่อเรียบตึง คิ้วหนาแทบขมวดขึ้นเป็นปม แววตาครุ่นคิดหนัก ขณะเดินเข้ามาในห้องอาหาร สายตาคมกวาดมองอาหารทุกอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พลางชำเลืองมองใครอีกคน ที่กำลังเดินไปหยิบจานข้าวแค่ในส่วนของตัวเอง ตักข้าวสวยร้อน ๆ ที่เพิ่งหุงใหม่ใส่จานเพียงทัพพีเดียว เพราะยังไม่รู้สึกอยากอาหาร เดินมานั่งที่โต๊ะโดยไม่คิดทักทาย หรือแม้แต่ชำเลืองตามองเขาเลยสักนิด นายแพทย์หนุ่มจงใจถอนหายใจดัง แม้จะแปลกใจในท่าทางนิ่งเฉย ไม่พูดไม่จา ทำเมินเขา แต่ก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังตั้งแง่แสนงอนให้ง้อ คงโกรธเคืองเรื่องที่เขาผิดนัดเธอถึงสองครั้งติด ร่างสูงคลายเนคไทตนเองลงมา แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ในห้องรับประทานอาหาร สายตากวาดมองอาหารตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทว่านัยน์ตากลับแฝงไว้ด้วยความเหนื่อยหน่าย “อาหารมีเท่านี้เหรอ” “ค่ะ เพราะไม่คิดว่าพี่จะกลับมาทาน” หล่อนตอบด้วยเสียงราบเรียบ ริมฝีปากเผลอเม้มแน่น ข่มอารมณ์บางอย่างไว้ในใจ ขณะที่เขาเมื่อได้ยินคำตอบคล้ายเย็นชา เหมือนไม่ไยดี ก็อดที่จะรู้สึกแปลกประหลาดใจไม่ได้ ปกติแล้วเธอไม่เคยมีท่าทีบึ้งตึง ไม่สนใจเขาเช่นนี้มาก่อน นัยน์ตาคมกวาดมองทั่วโต๊ะ ก่อนจะแสร้งถามเธอกลับไปว่า “แล้วน้ำผึ้งที่เธอทำให้พี่วันก่อนล่ะ วันนี้ไม่มีเหรอ” “จะทานเหรอคะ” หล่อนย้อนถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย พยายามกลืนก้อนสะอึกที่รี่ขึ้นมาจนจุกแน่น “อืม พี่จะทาน” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะหายไปร่วมสิบนาที แล้วเดินกลับเข้ามาในห้องอาหาร ด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ หล่อนก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดโซดา และมะนาวที่ฝานไว้ ออกมารินใส่แก้วที่เธอใส่น้ำผึ้งไว้รอก่อนหน้า โรยเกลือนิดหน่อย แล้วค่อยบีบมะนาวลงไป ก่อนจะคนให้เข้ากันแล้วตามด้วยน้ำแข็งที่เธอทำเองจากตู้แช่เย็นใส่ลงไปสามสี่ก้อน แล้วยกมาให้เขาซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนแล้ว “เป็นอะไร ทำไมตาแดง” “เอ่อ...เมื่อกี้เผลอขยี้ตาน่ะค่ะ” หล่อนตอบโดยไม่สบตาเขา เสมองเลี่ยงไปอีกทาง พยายามปั้นสีหน้าให้ดูราบเรียบปกติมากที่สุด กลบรอยหม่นไหม้ในใจ ขณะที่เขานั้น ยกแก้วน้ำผึ้งมะนาวขึ้นจิบ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย สายตาคอยชำเลืองมองภรรยาสาวเป็นระยะ ก่อนจะ ตอบรับสั้น ๆ “อืม...อร่อยดี” บรรยากาศในการรับประทานอาหารช่วงเย็นเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ไร้เสียงพูดคุย ต่างจมอยู่กับความคิดของตนเอง กระทั่ง “ใกล้ถึงวันงานแล้ว ณิแอบตื่นเต้นเหมือนกันนะคะ กลัวจะใส่ชุดไม่ได้” พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือ เก็บซ่อนอารมณ์บางและคำถามที่มีในใจเอาไว้ ริมฝีปากบางยกยิ้มอ่อนแสร้งหาเรื่องอื่นมาชวนคุยเพื่อหวังกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างในใจไว้ หล่อนยังขลาดเขลานัก หากให้ถามออกไปตรง ๆ หล่อนก็กลัวคำตอบของเขาในยามนี้เสียเหลือเกิน คิ้วหนาเลิกสูงขึ้นเล็กน้อย “ทำไม เธอก็หุ่นเท่าเดิมนี่ กลัวอะไร” คิดถึงตรงนี้ริมฝีปากบางยกยิ้มอ่อน มือบางวางทาบทับบนหน้าท้องตัวเอง หัวใจหล่อนเต้นโครมคราม แม้ว่าจะมีความกังวลแฝงอยู่ พลันที่เขาโอบประคองหญิงคนนั้นในโรงพยาบาลแวบเข้ามาในความคิด หล่อนพยายามสลัดทิ้งทันที ก่อนที่ข้อความในโทรศัพท์ของเธอจะดังแทรกขึ้น ดึงสายตาให้หันไปหยิบมาดูด้วยความสนใจ ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้างแล้วกดพิมพ์ข้อความบางอย่างตอบกลับไปทันที จนเขาที่เหลือบสายตามาสังเกตเห็น จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความข้องใจ “ยิ้มอะไร?” นิษฐ์รัณดาเหลือบสายตามองเขาเล็กน้อย ก่อนบอกเล่าด้วย แววตาเป็นประกาย รอยยิ้มเต็มไปด้วยความสดใส และความสุข “พี่ขวัญค่ะ พี่ในแผนก เขาเพิ่งคลอดลูกวันนี้ หน้าตาน่ารักมากเลยนะคะ” บอกพลางยื่นช้อนไปตักอาหารให้เขาและตัวเธอเอง “อืม” “ถ้าลูกของเราคลอดออกมาจะต้องน่ารักมากแน่ ๆ เลยค่ะ พี่ชอบลูกผู้หญิง หรือผู้ชายคะพี่กลาง” หล่อนซักถาม ด้วยใจอยากรู้ พลางคิดว่าจะหาช่วงเวลาที่จะบอกเล่าให้เขาได้ฟัง แอบลุ้นอยู่ในใจ หากเขารู้จะมีความสุข หรือตื่นเต้นดีใจ เท่าเธอไหม ทว่า....ข้อความที่ตอบกลับมานั้น กลับทำหัวใจหญิงสาวร่วงหล่นแทบปลายเท้า “พี่ไม่ชอบเด็ก” สิ้นคำนั้น ราวกับร่างกายไร้เรี่ยวแรงหยิบจับชั่วขณะ ช้อนในมือถึงกับร่วงหล่นลงจานเสียงดัง เคร้ง! “อะไรนะคะพี่กลาง?!” “พี่ไม่ชอบเด็ก ไม่คิดจะมีลูก” เขากล่าวย้ำตามความคิดขณะนี้ ว่าเขายังไม่อยากมีลูกตอนนี้ กับหญิงที่เขาคิดมาเสมอว่าไม่รัก “อะไรนะคะพี่กลาง” ย้อนถามย้ำเสียงสั่น หัวใจดิ่งวูบทันที เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นออกจากปากของเขา “แล้วถ้าณิท้อง” อธิษฐ์ถอนหายใจดัง สีหน้าคล้ายหงุดหงิด ปนรำคาญ หยิบยกแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นจิบ นัยน์ตาคมภายใต้แว่นเลนส์หนาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ก่อนจะตอบกลับในคำพูดที่ทำให้หญิงสาวถึงกับอึ้ง “พี่ไม่เอา เลิกพูดเรื่องนี้ซะ เพราะพี่ไม่ชอบเด็ก ที่ผ่านมาเธอทานยาคุมอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ” ริมฝีปากบางอ้าค้าง คาดไม่ถึง ว่าเธอจะได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ “พี่ว่าอะไรนะคะ” หล่อนถามย้ำซ้ำอีกครั้ง ไม่อยากเชื่อว่าได้ยินคำนั้นออกจากปากคนที่เธอรัก เพราะอยากให้แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน ความปลื้มปีติที่กำลังมีอีกหนึ่งชีวิต กอปรกับครอบครัวของเรากำลังจะสมบูรณ์ มีลูกน้อยช่วยเติมเต็ม แต่ทำไมถ้อยคำเหล่านั้นของเขา กลับตรงข้ามกับสิ่งที่เธอคิดฝันเอาไว้โดยสิ้นเชิง นายแพทย์หนุ่มจมอยู่กับความคิดตนเองอยู่นานหลายนาที ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเครียดขรึม แฝงด้วยอารมณ์บางอย่าง “ณิดา...พี่มีเรื่องจะบอก” “คะ?” “เราหย่ากันเถอะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD