ตอนที่ 13 ควรมีมารยาท
“ไม่ได้ค่ะ!” หล่อนปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
“น้องณิดา...”
“ณิดา” ชายหนุ่มปรามภรรยาเสียงเข้มขึ้น
“ฉันไม่สะดวกใจค่ะ คุณคงเข้าใจนะคะเราไม่ได้สนิทกัน คุณไม่ใช่เพื่อนฉัน ที่สำคัญ คุณคือแฟนเก่าของสามีฉัน อย่าหาว่าฉันใจแคบเลยนะคะ แต่คงไม่มีภรรยาคนไหนชอบใจหรอกค่ะที่ให้แฟนเก่าสามีตัวเองมานอนอยู่ในบ้าน” คำพูดเถรตรงของหญิงสาวทำให้อีกฝ่ายถึงกับหน้าชา นิ่งงันพูดอะไรไม่ออกทันที ได้แต่มองหน้าชายหนุ่มแววตาเว้าวอน
ทว่าเขาเองนั้นก็อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะให้ทิ้งภรรยาที่กำลังท้องอ่อน ๆ ไปส่งอดีตคนรักของเขาเอง ก็จะดูเลวระยำอยู่ไม่น้อย
“งั้นเธอ ก็ช่วยดูให้พี่หน่อยแล้วกัน”
“เบ๊บ!” ปรีติกาได้ยินดังนั้น หล่อนถึงกับเผลอเรียกชื่อเล่นสมัยที่เคยคบหากันอย่างลืมตัวด้วยความขัดใจ
นิษฐ์รัณดาหลับตาแน่นพยายามระงบสติอารมณ์ตนเอง กดเก็บความเสียใจเมื่อได้ยินคำที่เขาแทนกัน แม้จะเสียดแปลบราวกับมีใครเอามีดเล่มยาวมาทิ่มแทง
พลันคิดว่าที่ผ่านมานั้นเธอพยายามอยากจะมีชื่อเล่นไว้เรียกด้วยกันระหว่างเธอกับเขามาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมา กลับได้ยินคำบ่นว่า ไร้สาระ ดูปัญญาอ่อน จนหล่อนต้องล้มเลิก แล้วแอบไปตั้งเป็นชื่อไว้เรียกคนในโทรศัพท์ คิดถึงตรงนี้น้ำตาเธอก็รื้อขึ้นมาจนต้องกระพริบถี่ ขับไล่ความอ่อนแอเหล่านั้นไป
ก่อนจะหันไปหาอีกฝ่ายที่กำลังกัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัด ที่อีกคนไม่คิดคล้อยตามไปกับเธอ แต่กลับเห็นดีเห็นงาม คล้อยตามหญิงสาวอีกคน
“พี่เป้ยคะ!” หล่อนเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเข้ม เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ณิคิดว่าพี่ควรมีมารยาทมากกว่านี้นะคะ...” ทว่ายังไม่ได้ได้เอ่ยจบประโยค เสียงเข้มดุเอ่ยปราม พร้อมกับตัดบทด้วยสีหน้าคล้ายรำคาญ ทำให้เธอนั้นถึงกับหันไปมองเขาแล้วนิ่งไปทันที
“พอเถอะณิดา เธอรีบไปเรียกรถมาดีกว่า”
หญิงสาวพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตนเองขึ้นกดเข้าแอพพลิเคชั่นเพื่อหารถโดยสารให้ แต่เรียกอยู่นานก็ยังไม่รถคันไหนกดรับ
กระทั่ง
“พี่อธิษฐ์คะ เป้ยเริ่มรู้สึกง่วงแล้ว ให้เป้ยนอนค้างที่นี่สักคืนได้ไหมคะ” หล่อนทำทีง่วงงุน นัยน์ตาปิดปรือ ขณะที่สายฝนด้านนอกยังคงโปรยปรายลงมาอย่างหนัก
นายแพทย์หนุ่มถึงกับนิ่งงันไปทันที พลางเหลือบสายตามองไปยังภรรยาของเขาที่ยังก้มหน้านิ่งมองแอพพลิเคชั่นในมือโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“เรียกรถได้แล้วค่ะพี่กลาง อีกประมาณสิบนาที เตรียมตัวด้วยนะคะ”
“เดี๋ยวสิคะ...พี่อธิษฐ์ เป้ยไม่อยากนั่งรถไปกับคนแปลกหน้านะคะ ไม่รู้ว่าเขาจะพาเป้ยไปไหนบ้าง เป้ยเป็นผู้หญิงนะคะพี่อธิษฐ์” หล่อนพยายามออดอ้อน ทว่าเขาในเวลานี้กลับยิ่งรู้สึกอึดอัด ลำบากใจ จนแทบหายใจไม่ออก ตัดสินใจเอ่ยประโยคที่ทำให้ภรรยาของเขาถึงกับมองด้วยสายตาตัดพ้อ เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“งั้นเป้ยก็นอนห้องพักแขกก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยเรียกรถกลับอีกที” เพราะเขาเพียงต้องการตัดปัญหา กอปรกับเวลาค่อนข้างดึกมากแล้ว ฟ้าฝนด้านนอกก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกในเวลาอันใกล้นี้
“ห้องพักแขกนั่น”
“ถ้าพี่จะให้เขานอน พี่ก็ไปเขา หรือตัวพี่ ไปจัดการเองก็แล้วกันค่ะ ณิเมื่อยแล้วขอไปนั่งพักนะคะ” ในเมื่อเขาอยากจะให้คนรักเก่าเขานอนพักที่นี่ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญทำความสะอาดเองก็แล้วกัน หล่อนขบกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความน้อยใจ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปอีกห้อง ทิ้งให้คนสองคนต่างยืนมองหน้ากัน ด้วยอาการเลิ่กลั่ก ตกใจเล็กน้อย โดยเฉพาะชายหนุ่มที่ถึงกับมุ่นคิ้วหากันด้วยความไม่พอใจ เดินหุนหันตามหญิงสาวเข้ามาในห้องนั่งเล่น ขณะที่เธอกำลังนอนนั่งเหยียดกายอยู่บนโซฟา เตรียมทานไอศกรีมเพื่อหวังดับความเสียใจ และความขุ่นเคืองที่มี
“ณิดา พี่ไม่คิดว่าเธอจะคนเป็นคนใจแคบ เห็นแก่ตัวแบบนี้นะ!”
“ณิเหรอคะ ที่ใจแคบเห็นแก่ตัว!” นิษฐ์รัณดาย้อนถามเขาด้วยเสียงสั่นเครือ สายตาเต็มไปด้วยความตัดพ้อต่อคนรัก
ที่ผ่านมานั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่รัก...แต่หล่อนก็ไม่เคยรู้สึกแย่เท่ากับวันนี้ วันที่ทุกอย่างรอบตัวดูอ้างว้าง โดดเดี่ยวทั้ง ๆ ที่ยังมีเขาอยู่ตรงหน้า
“เธอจะมาหลบมุมนอนเล่นสบายใจ ทั้ง ๆ ที่มีแขกอยู่บ้านเนี่ยนะ”
“ฮึ แขกงั้นเหรอคะ แล้วเขาได้ทำตัวเป็นแขกหรือเปล่า”
“ณิดา!”
“แล้วจะให้ณิทำยังไงละคะ” หล่อนแสร้งย้อนถามด้วยเสียงสั่นเครือ
“เธอก็ขึ้นไปเก็บกวาดห้อง เตรียมให้แขกนอนสิ”
“ณิไม่ทำ! เรื่องอะไรที่ณิจะต้องทำ! ในเมื่อณิไม่ได้อยากให้เขานอนที่นี่ แล้วอีกอย่างเขาก็ไม่ใช่แขกณิด้วย”
“แต่เธอเป็นภรรยาพี่”
“แล้วไงคะ?” หล่อนแสร้งย้อนถาม ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาน้ำตาร่วงเผาะ
“ฮึ...ภรรยา พี่ก็จำได้ด้วยเหรอคะว่าณิเป็นภรรยาพี่”
“ณิดา เธอเลิกพาลสักทีได้ไหม”
“แล้วพี่จะให้ณิ ที่ท้องลูกของพี่ไปทำห้องกับแฟนเก่าพี่นอนในบ้านตัวเองเนี่ยนะคะ”
“บ้านเธองั้นเหรอณิดา!” ได้ยินคำนั้น หยดน้ำตาที่เอ่อขังบัดบังภาพชายตรงหน้าจนพร่าเลือนถึงกับร่วงเผาะ เจ็บไปถูกกระดูกกับคำนั้นของเขา หล่อนตระหนักได้ทันทีว่า นอกจากผู้ชายตรงหน้าจะไม่ใช่ของเธอแล้ว บ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่ของเธอเช่นกัน ไม่มีอะไรที่เป็นของเธอเลยสักอย่าง
หล่อนหัวเราะขันให้กับชีวิตของตนเอง ก่อนจะปากน้ำตาทิ้ง พร้อมกับเชิดหน้าขึ้น
“ถ้างั้นพี่ก็ทำเอง ณิไม่ทำ!”
“ณิดา! นี่เธอ!!”
สุดท้ายอธิษฐ์จึงตัดสินใจเดินเข้ามาในห้องพักขนาดย่อมกว่าห้องนอนใหญ่ที่ใช้เป็นของนอนของเธอและสามี อยู่เยื้องกันเล็กน้อย จัดการเก็บกวาด เช็ดถูให้แล้วเสร็จในเวลาเพียงไม่นานนัก เพราะห้องนี้นิษฐ์รัณดาเพิ่งเข้ามาเก็บกวาด ทำความสะอาดไปเมื่อวันก่อน
“ขอบคุณนะคะพี่อธิษฐ์”
“ห้องนี้แอร์ใหม่นะคะ ไม่มีปัญหาแอร์เสีย หรือว่าไม่เย็นแน่ ๆ น่าจะนอนหลับสบายได้ถึงเช้า” นิษฐ์รัณดารีบดักคอเอาไว้ก่อน เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะมีลูกเล่นอะไรกวนใจระหว่างคืนขึ้นมาอีก
ปรีติกาได้ยินดังนั้น ถึงกับตวัดสายตามองค้อนใส่ทันที รีบหันไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ตัว
“พี่อธิษฐ์คะ...ให้พี่เป้ยเสื้อผ้าพี่อธิษฐ์ใส่นอนได้ไหมคะ”
“อืมได้สิ เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้” ขยับตัวจะเดิน แต่ถูกภรรยารั้งไว้ พร้อมกับส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวณิเอาชุดนอนให้พี่เป้ยใส่ก็ได้ค่ะ” นิษฐ์รัณดารีบชิงบอก ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้อง ใช้เวลาไม่นานก็เดินกลับออกมาพร้อมกับชุดนอนสีเดียวกันทั้งเสื้อและกางเกง รวมถึงชุดชั้นในใช้แล้วทิ้งติดมือมาให้อีกด้วย
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พักผ่อนให้สบายนะคะ” หล่อนยิ้มอ่อน ก่อนจะเหลือบสายตามองสามีเล็กน้อย พร้อมขยับตัวเข้าหา
“กลับห้องเถอะค่ะ ณิง่วงแล้ว”
“อืม” ร่างสูงลอบถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินตามเดินหญิงสาวกลับเข้าห้องนอนของตนเองไป ทิ้งให้ปรีติกายืนเข่นเขี้ยว กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้
หล่อนได้แต่นึกเสียดาย และอิจฉาริษยาอีกฝ่าย บ้านหลังนี้ ห้องนอนห้องนั้น ตามจริงแล้วจะต้องเป็นของเธอ เป็นที่ของเธอมาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเข้ามาครอบครอง แย่งที่ของเธอไป
“มีความสุขไปเถอะ เดี๋ยวจะทำร้องไห้เหมือนหมาเลยคอยดู”
เข่นเขี้ยวด้วยความเกลียดชัง พลางนึกหมายมาดถึงวันที่เธออยากเห็นอีกฝ่ายพ่ายแพ้ ร้องไห้ เพราะถูกเธอแย่งคนรักของเธอคืนกลับมาได้สำเร็จ