ตอนที่ 19 อย่างี่เง่า
“ผัวะ!” หมัดนั้นกระแทกเข้าที่แก้มซ้ายของเขาอย่างแม่นยำ แรงพอจะทำให้ร่างสูงเซถอยไปสองสามก้าวแว่นเลนส์หนาร่วงกระเด็นไปคนละทาง รสเลือดจาง ๆ แล่นขึ้นมาติดปลายลิ้น
เขาเอียงหน้าหลบพลางปาดมุมปากช้า ๆ ก่อนจะยกยิ้มเหยียด ทั้งที่เลือดยังเปื้อนปลายคาง
“เอาสิ... ถ้ามันช่วยให้หายโกรธ ก็ซัดมาอีกสิ” ท้าทายอีกฝ่าย ทว่าแววตาของเขาที่ใช้มองเพื่อนสนิทไม่ได้คิดโกรธตอบแต่อย่างใด มีแต่แววตาแน่วแน่ที่จ้องไปยังพี่ชายของเธอ ราวกับจะบอกกับอีกฝ่ายว่า
ต่อให้โดนอีกกี่หมัด... เขาก็ยังจะยืนอยู่ตรงนี้
ผลั่ก! ไม่พูดพร่ำฮัมเพลง เมื่อคณินทร์ยกเท้าถีบเข้าที่กลางลำตัวของอีกฝ่าย จนล้มหงายกองพื้นโดยทั้งตั้งตัวดี พร้อมกับตรงเข้ามารัวหมัดใส่ไม่ยั้ง เสียงดัง ผัวะ! ผัวะ!ผัวะ! ติดกันหลายครั้งอย่างไม่ปรานีปราศรัย
กระทั่ง
“พี่คณินทร์! หยุดนะ พี่จะทำอะไรน่ะ” เสียงตวาดลั่นของหญิงสาวที่วิ่งลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าร้อนรนตกใจ ทำให้เขาที่กำลังเงื้อมือจะซัดเข้าที่ปลายคาง ถึงกับเงื้อแขนค้างไว้ หันมามองหน้าน้องสาวคนเดียวด้วยความไม่สบอารมณ์ หายใจฮึดฮัด ก่อนจะยืดตัวตรง พร้อมพ่นลมออกมาอย่างหัวเสีย
“ลงมาทำไม ณิดา!” เค้นเสียงถามด้วยความโกรธจัด
“ณิไม่อยากให้พี่ต้องฆ่าคน” หล่อนตอบกลับเสียงสั่นน้ำตาคลอ ก่อนจะปลายสายตามองไปยังใครอีกคน ที่นั่งหมดสภาพกองอยู่กับพื้น ใบหน้าบวมช้ำ มีเลือดซึมจากมุมปาก
สายตามองคนที่ทอดทิ้งเธอไว้ในคืนเข้าหอโดยไม่คิดเหลียวแล เพื่อไปหาหญิงคนนั้นด้วยความชิงชัง เจ็บปวด
นัยน์ตาคู่สวยแดงก่ำ สองมือบางกำแน่นหล่อนพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้สะอื้นไห้ออกมา
ในขณะที่อธิษฐ์ เมื่อได้เห็นใบหน้าของภรรยาสาวที่เขาคิดมาตลอดว่าไม่เคยรัก กลับรู้สึกโล่งใจ หัวใจเต้นถี่เร็ว เมื่อได้เห็นหน้าหญิงสาว ความเจ็บปวดที่มีก่อนหน้าแทบมลายหายสิ้น
“ณิดา...” เรียกชื่อ นัยน์ตาเป็นประกายขึ้นมา
ริมฝีปากบางเม้มแน่น หล่อนมองใบหน้าหล่อเหลาที่เธอเคยหลงใหล ทว่าเวลานี้กลับมีร่องรอยฟกช้ำบนใบหน้าและรอยเลือดแห้งตรงหางคิ้ว กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนเขาต้องหันไปบ้วนน้ำลายที่มีเลือดปนทิ้ง
เจ็บแปลบที่มุมปากจนต้องใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม พยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน
“ณิดา” หล่อนเม้มริมฝีปากแน่นน้ำตาเอ่อคลอ ล้นหน่วยตาจนต้องรีบปาดทิ้ง ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ย้อนถามด้วยเสียงที่แข็งกระด้าง อย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
“คุณมาทำไม!”
“พี่มารับกลับบ้าน” ตอบไม่เต็มเสียงนัก ขณะที่เธอกลับผงะไปเล็กน้อย มองหน้าเขาราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ก่อนจะสูดลมหายใจเข้า แค่นหัวเราะแผ่วเบาอย่างเจ็บปวด ตอบกลับด้วยสุ้มเสียงเย็นชา
“บ้านฉันอยู่ที่นี่ค่ะ”
“ณิดา”
“คุณกลับไปเถอะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีกแล้ว” น้ำเสียงราวกับไร้เยื่อใย แววตาเย็นชายามเมื่อมองสบตา ขณะที่เขานั้น กลับยิ่งรู้สึกบางอย่างแล่นเข้ามาในความรู้สึกให้ยิ่งจุกแน่น
“ณิดา เธออย่าเพิ่งใช้อารมณ์ได้ไหม” ร่างสูงขยับเข้าหา ทว่ากลับถูกคนที่มีสถานะพี่เขยที่คิดจะยืนฟังเงียบ ๆ กลับต้อง ก้าวมาขวางไว้
“มึงพูดไม่รู้เรื่องเหรอวะ น้องกูบอกไม่อยากเห็นหน้ามึงอีก” อดใจไม่ไหวตะคอกอีกฝ่ายกลับ ทว่าเขานั้นกลับไม่คิดโต้กลับ เพียงถอนหายใจด้วยสีหน้าอ่อนแรง บอบช้ำ
“กูขอ แค่ได้คุยกับน้องมึงก่อนได้ไหม...”
“กูไม่ให้คุย มึงมาทางไหน กลับไปทางนั้นเลย”
“ไอ้นิน!”
“กูอุตสาห์ยกน้องกูให้มึง แต่มึงทำกับน้องกูแบบนี้ ก็ไม่
ต้องยุ่งกันแล้ว มึงออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้เลย ไอ้กลาง!” เค้นเสียงตวาดลั่น ด้วยความโกรธจัดจนแทบระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยากอยู่ อยากจะซัดอีกสักหมัดสองหมัด แต่ก็เพียรระงับยับยั้งไว้
“ไม่! ให้กูได้พูดกับน้องมึงก่อน...ณิดา” ตอบอีกฝ่ายเสียงดัง ก่อนจะหันมาส่งสายมองภรรยาสาว เอ่ยอย่างเว้าวอน
คณินทร์ธารหันมาจ้องมองหน้าน้องสาวนิ่งอย่างลังเลช่างใจอยู่ชั่วขณะ
ก่อนจะยอมถอยหลัง เบี่ยงเท้ากลับเข้าไปในบ้านให้เธอได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนสนิทของเขา เพราะอย่างไรทั้งสองก็ถือว่าเป็นสามีภรรยากัน เขาเป็นแค่พี่ชาย ก็ไม่ควรที่จะไปก้าวล่วง
ความเงียบปกคลุมบรรยากาศโดยรอบอยู่นานหลายนาที ก่อนที่หญิงสาวจะผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ นัยน์ตาคู่สวยแดงก่ำ บวมช้ำพยายามข่มอารมณ์บางอย่างนั้นไว้
หล่อนเจ็บลึก เกินกว่าที่จะถอยหลังกลับไปยอมให้เขาทำลายน้ำใจเธออย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว
เค้นเสียงตอบกลับอย่างเด็ดเดี่ยว
“ฉันว่าคุณ ควรกลับไปหาคนที่คุณอยากอยู่ด้วยดีกว่าค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว... ส่วนเรื่องหย่าที่คุณเคยขอฉันไว้ ฉันจะให้ทนาย ติดต่อคุณกลับไป” ร่างสูงได้ยินคำตอบนั้นถึงกับชะงัก อึ้งไปเล็กน้อย
“เดี๋ยวสิ ณิดา” เอ่ยรั้งด้วยความตระหนกเล็กน้อย เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังจะหมุนตัวหนีกลับเข้าไปในบ้าน
สองขาหยุดชะงัก พลางพรูลมหายใจที่อัดแน่น หันกลับมามองหน้าเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง แม้ในอกกำลังสั่นไหว เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
หญิงสาวเชิดใบหน้าขึ้น ไม่อยากสบสายตาคล้ายวิงวอน คู่นั้นที่เธอไม่หลงเหลือความเชื่อถืออยู่เลยแม้แต่น้อย
“เมื่อวานคุณลืมของไว้” พูดเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินหายกลับเข้าไปในตัวบ้าน พร้อมกับหยิบบางอย่างถือติดมือกลับมายื่นให้เขา
“โทรศัพท์ของคุณ ที่ลืมไว้เมื่อคืน” คิ้วหนากระตุกขึ้นเล็กน้อย สายตามองไปยังโทรศัพท์เครื่องนั้น ก่อนจะถอนหายใจหนักออกมา พอจะเดาอะไรได้อย่างบางอย่าง เอ่ยด้วยเสียงคล้ายอ่อนใจ ระคนเว้าวอนอยู่นัยที
“ณิดา... เรื่องเมื่อคืน...”
“คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะ ฉันเข้าใจหมดทุกอย่าง” หล่อนตัดบททันที เพราะไม่อยากฟังถ้อยคำที่เขากำลังจะพร่ำบอก เพื่ออธิบายหรือแก้ตัวอะไรทั้งนั้น
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอฟังเขามามากพอแล้ว ทำทุกอย่างที่เขาบอก เชื่อราวกับคนโง่เขลา ไร้สติปัญญาเป็นของตนเอง
วันนี้เธอรู้ดีแล้วว่า...เขาไม่เคยรัก และคงไม่มีวันรักเธอ ผู้หญิงคนนั้นต่างหาก ที่เขาจะรัก และ มั่นคง
หล่อนหลับตาแน่น นึกถึงวันนั้น วันที่เขาพาเธอไปจดทะเบียนได้ดี
สายตาคมที่มองไปยังแผ่นกระดาษใบนั้นเต็มไปด้วยความอึดอัด หนักใจ ใบหน้านิ่งขรึมปราศจากรอยยิ้มแห่งความดีใจ หรือยินดี จนทำให้เธอรอยยิ้มที่กำลังฉีกกว้างด้วยความดีใจ ถึงกับชะงัก
“นับจากวันนี้ณิดาคืนอิสระให้พี่”
“ณิดา...”
“สะดวกวันไหนแจ้งมาได้เลยนะคะ”
“เธออย่าเพิ่งใช้อารมณ์ได้ไหม หัดฟังเหตุผลของพี่ก่อน” ได้ยินคำนั้นหล่อนแทบอยากหัวเราะออกมาให้ดังจนสุดเสียง ไม่ใช่เพราะที่ผ่านมาเธอเชื่อฟังเขาราวกับคนโง่เขลาอย่างนั้นเหรอ
ถึงได้ถูกเขาทิ้งขว้าง ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด แล้ววันนี้เขายังต้องการอะไรกับเธออีก
“ฉันเนี่ยนะใช้อารมณ์...คุณหมออธิษฐ์คะ เพื่อแฟนเก่าคุณแล้ว คุณทำได้ทุกอย่าง โดยไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของฉันเลยสักนิด”
“เป้ยเขาป่วย เขาทำร้ายตัวเอง” พยายามอธิบายในขณะที่เธอนั้นไม่พร้อมที่จะรับฟังเขาอีกแล้ว
“แล้วคุณเป็นใครคะ มีหน้าที่เกี่ยวอะไรกับเขา เขาไม่มีญาติ หรือมีเพื่อนที่ไหนต้องช่วยเหลือหรือไง ถึงให้คุณ ที่เป็นคนอื่นไปช่วย”
“ณิดา เธออย่างี่เง่า ใจแคบแบบนี้ได้ไหม”
“ใช่ค่ะ ฉันใจแคบ และ งี่เง่า งั้นคุณก็ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ เพราะฉันไม่อยากให้คุณทำเหมือนฉันไร้ค่าอย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว ในเมื่อคุณไม่รักฉัน งั้นเราก็จบกันตรงนี้เถอะค่ะ”
“ไม่!ณิดา เธอท้องลูกของพี่อยู่นะ” ในเมื่อหาเหตุผลมากล่าวอ้างแล้วเธอไม่คิดฟังคำเขา ก็ต้องอ้างเรื่องลูกมาพูดกันสักหน่อย ทว่า...มันกลับไม่ได้ผลอย่างที่เขาคิดไว้เลยสักนิด
“ฮึ ลูกที่คุณไม่ได้ต้องการแบบนั้นน่ะเหรอ คุณจำได้ไหม ว่าคุณเคยพูดยังไงกับฉัน” หล่อนย้อนถามนัยน์ตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ชอกช้ำ เมื่อได้นึกถึงถ้อยคำร้ายกาจที่เขาเคยใช้บอกเธอในอดีต เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ในวันที่เธอไม่สบาย ปวดเวียนศีรษะคลื่น ยังไม่รู้ตัวว่าท้อง
“พี่กลางคะ”
“หื้อ?”
“พี่กลางชอบเด็กไหมคะ” หล่อนหันมาถามเขา ในขณะนั้นที่ใจยังนึกกังวลเพราะประจำเดือนขาด มาไม่ตรงกำหนด ทั้งที่ปกติแล้ว รอบเดือนของเธอไม่เคยล่าช้า หรือขาดไปเลยสักวัน
“ไม่!” หล่อนผงะอึ้งไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำที่เขาไม่แม้แต่พักคิดเลยสักนิด ก่อนจะเอ่ยถามประโยคต่อมากับเขาว่า
“แล้วถ้าณิท้อง...” หญิงสาวตั้งสันนิษฐาน เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เพียงแค่คิดหัวใจเธอก็เต้นแรง ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยจบประโยค กลับต้องชะงักค้างกับประโยคต่อมาของเขาที่เอ่ยแทรกขึ้น
“อย่าพูดเล่นเรื่องไร้สาระแบบนี้ พี่ไม่ชอบ”
“พี่กลางพูดว่าอะไรนะคะ” ย้อนถามเสียงแผ่วเบา
ราวกับโลกทุกอย่างรอบตัวหยุดเคลื่อนไหว เมื่อได้ยินคำตอบนั้นออกจากปากของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเธอ
หล่อนมองหน้าเขานิ่งงันไป ก่อนจะเอ่ยถามซ้ำ ย้ำอีกครั้ง ให้แน่ใจในคำนั้นว่าเธอไม่ได้ยินผิดพลาดไป
“พี่กลางไม่ชอบเด็ก...งั้นเหรอคะ”
“ใช่ พี่ไม่ชอบเด็ก ไม่ชอบความวุ่นวายน่ารำคาญ ยังไงเธอก็ทานยาคุมอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ” รับคำด้วยเสียงแผ่วเบา เพราะหล่อนรู้ดีว่าในระยะหลังนั้น ก็มีบ้างที่เธอพลาดพลั้ง หลงลืมไป แต่เพราะคิดว่าอย่างไรเธอก็จดทะเบียนสมรสกับเขาแล้วเรื่องป้องกัน คงไม่ต้องคิดมากเท่าก่อนหน้านี้
“แล้วถ้าณิท้องละคะ” เธอแค่อยากถามย้ำให้แน่ใจ ทว่าคำถามนั้นกลับสะกิดใจอะไรบางอย่าง ให้คิ้วหนาต้องขมวดมุ่น ชักสีหน้าใส่ด้วยความหงุดหงิด ปนรำคาญใจ
“เธอต้องการอะไรณิดา!...ถ้าเธออยากมีจริง ๆ พี่ถามคำเดียวว่าเธอน่ะ พร้อมที่จะเป็นแม่คนแล้วงั้นเหรอ มีลูกไม่ใช่เรื่องเล็กนะ ต้องวางแผน ต้องคิดให้รอบคอบทุกอย่าง เธอจะมาเอาอารมณ์ตัดสินแบบเด็ก ๆ ไม่ได้ ในเมื่อยังไม่พร้อมก็ไม่ควรมี มันจะเป็นภาระที่เธอต้องรับผิดชอบ”
“ทำไมพี่ถึงพูดแบบนี้ละคะ มันเป็นเรื่องที่ณิ ต้องรับผิดชอบคนเดียวงั้นเหรอคะ อีกอย่างพี่มีอะไรที่ไม่พร้อมอีก ฐานะเราก็ไม่ได้ขัดสน เลี้ยงลูกอีกคนได้สบาย ทำไมพี่จะต้องรังเกียจ ที่เราจะมีลูกด้วยกันละคะ”
“เธอนี่เลอะเทอะไปใหญ่ละ” อธิษฐ์ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะวางจานอาหารที่ตัวเองเพิ่งเทใส่จานเรียบร้อย ยื่นให้หญิงสาวตรงหน้า ที่กลับทำท่าพะอืดพะอมใส่ แต่หล่อนก็พยายามอดกลั้นมันไว้
“ทานซะ จะได้กินยา แล้วเลิกฟุ้งซ่านมาหาเรื่องพี่อีก พี่เคยบอกเธอไปแล้วนะว่าพี่แค่จะแต่งงาน แต่ยังไม่พร้อมมีลูก เลิกคิดเรื่องนี้ซะ เพราะพี่จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด”
“ทำไมคะ พี่จะให้ณิเอาลูกออกหรือไง....ถ้ามี” เธอย้อนถามเสียงสั่นด้วยความโกรธ และน้อยใจ จึงได้ประชดถามออกไปเช่นนั้น
“หึ ! ถ้ามันจำเป็นก็ต้องแบบนั้นนะณิดา” แค่นหัวเราะใส่ ด้วยความโกรธ ก่อนจะตอกกลับให้เธอนั้นทั้งเจ็บ จุกเสียดจนแทบขาดใจ
แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสียใจจ้องมองยังเขา ก่อนจะกะพริบตาถี่ขับไล่หยาดน้ำที่เอ่อล้นหน่วยตา จนบดบังภาพตรงหน้า ขณะที่เขาถอนหายใจดังเฮือกใหญ่ ตัดบทด้วยการเลื่อนชามข้าวต้มที่อยู่ตรงหน้าให้เข้ามาใกล้เธอทันที
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้ละ กินยาแล้วนอนพักซะ จะได้หาย”
กลิ่นกระเทียมเจียวที่เธอเคยชอบ กลับตีขึ้นมาให้เธอยิ่งรู้สึกเหม็นจนแทบกลั้นอาการพะอืดพะอมไว้ไม่อยู่ พร้อมกับลมที่ตีรวนย้อนขึ้นมาให้เธอต้องรีบยกมือขึ้นปิดปาก อยากคลื่นไส้
“พี่กลาง...ณิเหม็น!” หล่อนรีบเลื่อนชามทิ้ง ก่อนจะวิ่งลนลานเข้าห้องน้ำไปทันทีพร้อมกับส่งเสียงอาเจียน โอ้กอ้าก จนเขานั้นที่ยังแปลกใจกับท่าทีอาการเหล่านั้น รีบเดินเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง