ตอนที่ 22 เธอยังเป็นเมียพี่อยู่
นิษฐ์รัณดายืนเผชิญหน้ากับหญิงสาวร่างระหงหล่อนสวมใส่ชุดเดรสสีพื้นพิมพ์ลาย สวมทับด้วยคาร์ดิแกนสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าขาวซีด ข้อมือซ้ายมีผ้าพันแผลไว้ หล่อนกำลังแสดงสีหน้าท่าทีอ่อนแอ อิดโรยราวกับป่วยหนักให้เธอดู
“คุณมีอะไรจะพูดกับฉันคะ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซ่อนอารมณ์บางอย่างไว้ในใจ แม้นัยน์ตาจะสั่นไหว แต่หล่อนก็เพียรเก็บความรู้สึกทุกอย่างนั้นไว้อย่างดี
“พี่อยากมาขอโทษน้องณิดาเรื่องเมื่อวันก่อน” นิษฐ์รัณดาหรี่สายตามองอีกฝ่าย เมื่อได้ยินคำขอโทษ กอปรกับน้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้คุยกับเธอ นั้นทำให้เธอรู้สึกระแวงและไม่ไว้ใจ ก่อนจะปลายตามองไปยังข้อแขนของอีกฝ่ายที่พยายามจงใจยกขึ้นมาให้เห็นเด่นชัดขึ้น จนหล่อนถึงกับถอนใจดัง
“ค่ะ เท่านี้ใช่ไหมคะ”ตอบกลับเสียงหนัก แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายนั้นต้องการที่จะเล่นบทของผู้ถูกกระทำให้ดูน่าสงสาร เห็นใจ น่าขันที่กลับรู้สึกสมเพชคนตรงหน้ามากกว่า
“เดี๋ยวสิ...” ปรีติการ้องเรียก เมื่ออีกฝ่ายตัดบท ทำท่าจะเดินเลี่ยงไป ในขณะที่หญิงสาวกลับถอนหายใจใส่พร้อมกับกรอกตามองบน
“คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับฉันหรอกค่ะ ที่คุณควรจะคุยด้วย เขาเดินมามานั่นแล้ว” หล่อนบุ้ยใบ้ไปยังประตูทางเข้า ที่นายแพทย์กำลังเดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าและท่าทางร้อนใจ
“ฉันขอตัวนะคะ” หญิงสาวปรายตามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินเร่งฝีเท้าเบี่ยงไปอีกทาง เห็นร่างสูงใหญ่ของเจ้านายตนเองกำลังเดินพ้นลิฟต์ออกมา รีบก้าวเท้าหา
“บอสคะ” เจ้าของบริษัทหนุ่มใหญ่ชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดิน พลางหรี่สายตามองดูลูกน้องสาวด้วยความสนใจและรถคนแปลกใจในเวลาเดียวกัน ขณะที่เธอนั้นรีบขยายความทันที ไม่ให้เขาต้องสงสัยนาน
“ขออนุญาต เดินร่วมทางไปด้วยนะคะบอส” ปลายน้ำเสียงของหล่อนดูเว้าวอนเขาอยู่นัยที
วายุกรเหลือบสายตามองผ่านแผ่นหลังของหญิงสาว ก็พอจะเดาเรื่องราวได้ ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ฮึ งั้นก็เชิญ” เขาตอบรับด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะก้าวเดินเบี่ยงเท้าไปยังประตูด้านข้างที่เชื่อมไปยังอาคารจอดรถ โดยมีลูกน้องสาวเร่งฝีเท้าตามไม่ห่าง
เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อธิษฐ์เหลือบมาเห็นว่าภรรยาสาวของเขากำลังเดินตีคู่กับชายอื่น ก็ยิ่งเร่งฝีเท้า หมายจะเข้าหาให้ถึงตัว แต่ก็ถูกอดีตคนรักขวางกั้นไว้ พร้อมคว้าแขนเหนี่ยวรั้งไว้
“พี่อธิษฐ์”
“เธอมาที่นี่ทำไมเป้ย” ถามเสียงเข้ม ด้วยความไม่พอใจ ขณะที่เธอนั้น กลับมีท่าทีอึกอัก หลุบสายตามองต่ำไม่กล้าสบตาเขาตรง ๆ
“เป้ย...จะมาขอโทษน้องณิดา” อ้อมแอ้มตอบกลับเขาเสียงแผ่วเบา แต่กลับยิ่งทำให้คนฟังถึงกับหัวเสีย ไม่พอใจ ตอบกลับด้วยเสียงเข้มดุ
“พี่บอกเธอแล้วว่าไม่จำเป็น ทำไมเธอถึงไม่ฟังพี่”
“เป้ยแค่ไม่สบายใจ เห็นเมื่อกลางวันสีหน้าพี่ดูเครียด ๆ เป้ยเลยแค่อยากมาอธิบายให้เธอฟังแค่นั้นเอง” หล่อนอธิบายเสียงสั่นเครือ เพราะเมื่อกลางวัน ก่อนที่เธอและเขาจะกลับขึ้นรถมาด้วยกันนั้น
ทว่าวินาทีนั้นกลับเห็นนิษฐ์รัณดากำลังยืนอยู่หน้าอาคารหลักของโรงพยาบาล เพื่อรอเรียกรถโดยสาร ทำให้เขาที่หันมาเห็นภรรยาด้วยความบังเอิญ ถึงกับตกใจรีบร้อนจะวิ่งเข้าไปหาจนเกือบจะถูกรถที่วิ่งผ่านมาพอดีพุ่งชน แต่โชคดีที่รถคนนั้นเบรกไว้ได้ทัน จึงไม่เกิดเหตุร้ายแรงอะไร
แต่ก็เรียกสายตาให้เธอได้หันมาและเห็นเขาเข้าพอดี
หล่อนมองเขาด้วยท่าทางสงบนิ่ง ไม่มีสีหน้าตื่นตกใจแสดงออกมาให้เห็นแต่อย่างใด ก่อนที่เธอจะก้าวขึ้นรถแท็กซี่ที่แล่นผ่านมาพอดี
“ไม่จำเป็น เรื่องณิดาพี่จัดการเองได้ เธอกลับไปได้ละ”
“แล้วพี่อธิษฐ์ละคะ”
“พี่จะไปตามณิดา”
“ตามทำไม พี่ก็เห็นว่าเธอออกไปกับผู้ชายคนนั้นแล้ว”
“อย่าพูดแบบนี้นะเป้ย ณิดาไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น” ตอบกลับด้วยเสียงเข้มดุ กรามขบแน่นด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะสะบัดแขนที่เธอเกาะกุมไว้แน่นก่อนออก จนหล่อนเซไปเสียหลายก้าว
ขณะที่เขานั้นกลับเดินเลี่ยงไปอีกทาง ไม่คิดแยแสเธออีกต่อไป
หลังจากที่นิษฐ์รัณดาเดินเลี่ยงหลบมาสามีและผู้หญิงคนนั้น ออกมาพร้อมกับเจ้านายของเธอ และคิดที่จะเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน แต่เจ้านายของเธอกลับเสนอที่จะไปส่ง พร้อมกล่าวอ้างเหตุผลที่ทำให้เธอนั้น จำต้องยอมขึ้นรถของเขาทั้งที่รู้สึกเกรงใจแต่ก็ยากที่จะปฏิเสธน้ำใจเหล่านั้นของเจ้านายเธอได้
ทว่าระหว่างทางที่นั่งมาในรถ เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าของเธอกลับแผดร้องดังหลายครั้ง จนเธอตัดสินใจกดปิดเครื่องในท้ายที่สุดเพราะเกรงว่าจะไปรบกวนเจ้านายของเธอที่กำลังก้มหน้าอ่านงานในแท็ปเล็ตอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทว่าเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาเธอกลับต้องงันด้วยถ้อยคำต่อมาของเขา
“ผมว่าเขาไม่ยอมเลิกรากับคุณง่าย ๆ หรอกนะ”
“ค่ะ”
“เขาคงรักคุณมาก”
“ไม่เลยค่ะ เขาไม่เคยรักฉันเลยต่างหาก” ได้ยินประโยคนั้น คิ้วหนากลับขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจ พลางหรี่สายตามองลูกน้องสาวนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเสียงต่ำออกมาเบา ๆ
“ฮึฮึ ผมว่าไม่ใช่อย่างนั้นหรอก”
“บอสคะ...เรื่องงานที่บอสบอก ฉันสนใจทำจริง ๆ นะคะ ไม่ทราบว่าสะดวกให้ฉันไปเริ่มงานเมื่อไหร่”
“ฮึ จะหลบไปพักใจล่ะสิ อาทิตย์หน้าเป็นไง เดี๋ยวผมบอกน้องชายผมให้” หัวเราะเสียงต่ำ ว่าอย่างรู้ทัน
“อาทิตย์หน้าเหรอคะ”
“เร็วไปงั้นเหรอ?” คิ้วหนาเลิกสูงขึ้นเล็กน้อย ถามด้วยความแปลกใจ ขณะที่เธอกำลังสายตาหลุบต่ำลง อ้อมแอ้มตอบเสียงเบา
“เปล่าค่ะ ช้าไปด้วยซ้ำ”
รถอัลพาร์ดสีดำมันเงาขับมาจอดเทียบบริเวณหน้ารั้วบ้านของหญิงสาวในเวลาที่ฟ้าเปลี่ยนสีเป็นมืดสนิท มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟข้างทางเท่านั้น
“ขอบคุณนะคะบอสที่มาส่ง แล้วก็เรื่องงานใหม่ด้วยนะคะ” หล่อนกล่าวคำขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ ขณะที่เขาเองเพียงขานรับเสียงดังในลำคอ พยักหน้ารับรู้แค่นั้น โดยไม่พูดอะไรอีก หล่อนจนก้าวลงจากรถไปเพื่อจะเข้าบ้าน
ทว่าจังหวะที่เธอไม่ทันระวังนั้น กลับถูกใครบางกระชากแขนจนตัวแทบปลิวตามแรงอารมณ์ของเขา
“อ๊ะ!!”
“เธอนั่งรถมากับใคร ณิดา!” ถามเสียงเข้ม ด้วยความโกรธจัด เพราะตั้งแต่เห็นหญิงสาวเดินไปกับใคร เขาก็ยิ่งขุ่นเคือง หงุดหงิด กระทั่งเห็นเธอก้าวลงมาจากรถคันนั้น ยิ่งทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่ จนเผลอใช้แรงที่มีบีบข้อแขนจนหล่อนถึงกับนิ่วหน้า ร้องอุทธรณ์ออกมา
“พี่กลาง ปล่อยณินะ ณิเจ็บ!”น้ำเสียงกอปรกับสีหน้าที่แสดงความเจ็บปวด เรียกสติของเขาให้กลับคืน ฉุกคิดขึ้นได้ รีบปล่อยมือเธอทันทีด้วยความรู้สึกผิด แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“พี่ขอโทษ!”
นิษฐ์รัณดามองหน้าเขานิ่งไป สายตาที่มองสบเต็มไปด้วยความเจ็บปวดชิงชัง ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อกลางวันที่เธอเห็นเขาประคองหญิงอื่น และปล่อยให้เธอที่ยังได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาต้องไปหาหมอเพียงลำพัง หลายครั้งที่ผ่านมา ที่เธอไม่เคยมีเขาเคียงข้างในวันเหล่านี้เลยสักนิด ไม่ว่าเธอจะร้องขอ หรือไม่ ก็คือมีค่าเท่ากัน เขาไม่เคยสนใจไยดีเธออย่างแท้จริง
หล่อนมองเขาน้ำตาเคลือบคลอ ก่อนจะสะบัดตัวออก จะเดินกลับเข้าบ้าน
ทว่าเขานั้นกลับไม่ยินยอมให้เธอเดินกลับเข้าได้ง่าย ๆ พยายามขวาง และรั้งเธอไว้
“เอ๊ะพี่กลาง หลบไปนะ จะขวาง ณิ ไว้ทำไม!”
“ณิดา...ทำไมเธอทำแบบนี้”
“ทำยังไงคะ” หล่อนย้อนถามเสียงสั่นเครือ
“ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร” เค้นเสียงด้วยความโกรธจัด เพียงแค่คิดว่าเธอกำลังจะมีชายอื่น เขาก็โกรธจนแทบระงับสติตัวเองไม่อยู่
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ!”
“เธอยังเป็นเมียพี่อยู่นะ”
“งั้นเหรอคะ แล้วที่ฉันเจอคุณอยู่กับผู้หญิงอื่นวันนี้ คุณลืมไปหรือไง ว่าคุณเองก็ยังเป็นสามีฉันอยู่ คุณทำได้ แต่ฉันทำไม่ได้เหรอคะ”
“ณิดา!”