ตอนที่ 23 โกหก
นานหลายวินาทีกว่าที่เธอและเขาปล่อยให้ความเงียบเข้ามาครอบงำบรรยากาศโดยรอบ กระทั่งเสียงฟ้าร้องกระหน่ำ เมฆฝนเคลื่อนผ่านเข้ามาใกล้ บอกให้รู้ว่าในไม่ช้านี้คงจะเกิดพายุลูกใหญ่ขึ้น
หญิงสาวมองหน้าชายที่เธอรักนิ่งนาน ก่อนจะตัดใจเอ่ยตัดบท เพื่อจบเรื่องราววิวาทะในวันนี้ เพียงเท่านี้
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะค่ะ ฉันบอกคุณไปแล้วว่า ฉันจะคืนอิสระให้คุณ... เรื่องของเราจะได้ไม่ต้องคาราคาซังกันแบบนี้”
“แต่เธอท้องลูกของพี่” หล่อนมองเขานิ่งงัน น้ำตาคลอ เมื่อคิดว่าเขาเองก็ยังเป็นพ่อของเด็กในท้องอีกคน
“ไม่จำเป็นค่ะ ลูกคนนี้ฉันดูแลเองได้ เก็บความสงสารของคุณเอาไว้ให้แม่ของลูกคุณดีกว่า”
“เธอพูดเรื่องอะไรของเธอณิดา! แม่ของลูกพี่ก็เธอไง” เขาย้อนกลับเสียงสั่น ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอจะสื่อ ขณะที่เธอกลับมองเขาด้วยสายตาเปลี่ยนไป หล่อนชิงชังเพราะคำโกหกของเขาที่มีกับเธอ
“ฮึ กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง อย่าคิดว่าณิโง่สิคะ!” ตะเบ็งเสียงดังด้วยความเจ็บปวด หยดน้ำตาร่วงเผาะไหลอาบสองแก้ม สะอื้นจนตัวโยน ก่อนที่เธอจะปาดน้ำตาทิ้ง แค่นหัวเราะออกมาทั้งที่เจ็บเจียนแทบขาดใจ
“เธอหัวเราะอะไรณิดา”
“ที่พี่ไม่ยอมหย่ากับณิแบบนี้ เพราะพี่ห่วงลูกใช่ไหมคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ”คำตอบรับสั้น ๆ ของเขา กลับยิ่งเสมือนมีดเล่มใหญ่ทิ่มแทง ตอกย้ำ ให้เธอเจ็บปวด
เพราะเขารู้ว่าท้องเธอสินะ ที่ผ่านมาเขาเลยไม่คิดปล่อยมือ ขอหย่าเธออีก ทั้ง ๆ ที่วันนั้นท่าทีของเขาขึงขัง จริงจังแค่ไหน เมื่อรู้ว่าต้องกลับมารับผิดชอบเธอกับลูก ทั้ง ๆ ที่ผู้หญิงที่เขารักก็ตั้งท้องลูกของเขาเช่นกัน คิดถึงตรงนี้ก็น่าขันที่เขายอมเลือกเธอกับลูก ผู้หญิงที่เขาไม่เคยรัก ไม่เคยไยดีมาตลอด แต่พอรู้ว่าเธอท้อง เขาถึงได้มีท่าทีเปลี่ยนไป
คิดถึงตรงนี้หล่อนก็ยิ่งเจ็บเจียนตาย ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
“งั้นณิยอมบอกพี่ก็ได้” หล่อนเว้นจังหวะหายใจ พยายามเหลือบสายตามองบนเพื่อให้น้ำตาไหลย้อนกลับ กลืนก้อนสะอื้นที่รี่ขึ้นจนจุกแน่น เมื่อต้องเอ่ยประโยคต่อมากับเขา
“ที่จริงแล้ว...ณิโกหกพี่มาตลอด” หล่อนบอกเขา พร้อมกับเสียงฟ้าร้องสนั่นทั่วคุ้งฟ้า สายฟ้าแลบแปรบปราบ บาดหัวใจเธอเหลือเกิน
“หมายความว่ายังไงณิดา!” นายแพทย์หนุ่มหรี่ตามองหญิงสาว คาดเดาไม่ถูก ว่าเธอกำลังจะสื่ออะไรกับเขา ย้อนถามเสียงสั่นพร่า
หญิงสาวนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะหลับตาแน่น น้ำตาไหลรินอาบแก้ม ในขณะที่เขายังคงถามเร่งเร้า ให้เธอตอบ
“ณิโกหกพี่ ณิไม่ได้ท้อง!”
“ว่าไงนะณิดา!” เค้นเสียงถามแทบจะกลายเป็นคำราม! ในขณะที่หญิงสาวกลับไม่รู้สึกหวาดหวั่นเลยสักนิด
“พี่เคยบอกณิมาตลอดไม่ใช่เหรอคะ ว่าพี่ไม่อยากมีลูก พี่เกลียดเด็ก มิหนำซ้ำพี่ยังเคยบอกว่าถ้าไม่พร้อมก็ให้เราทำแท้ง แล้วที่ผ่านมาพี่ยังสั่งให้ณิทานยาคุมตลอดทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน” หล่อนพูดไป แค่นยิ้มไป พลางปาดหยดน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น
“นี่เธอ โกหกพี่งั้นเหรอณิดา!” ชายหนุ่มตรงเข้าเขย่าร่างของภรรยาสาวด้วยความโกรธจัด นัยน์ตาคู่คมแดงก่ำ ก่อนจะตวาดถามย้ำ ซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ
“ใช่ ณิโกหกพี่ ตอนนั้นณิแค่ไม่อยากเลิกกับพี่ ได้ยินไหมคะว่าณิโกหกพี่! ณิไม่ได้ท้อง!”
หล่อนตวาดเสียงสั่น มองหน้าเขาอย่างเด็ดเดี่ยว เอ่ยประโยคที่ทำให้เขาหัวใจกระตุกวูบ นิ่งตะลึง จนแทบลืมหายใจ
“เราหย่ากันได้แล้วใช่ไหมคะ”
รถคันหรูแล่นด้วยความเร็วสูง ปาดซ้ายปาดขวา ตามอารมณ์ของคนที่ใจพลุกพล่าน ไร้สติ กระทั่ง เลี้ยวเข้าจอดในลานจอดรถของร้านอาหารในรูปแบบผับแอนด์เรสเตอรองท์ ที่มีพื้นที่สำหรับนั่งผ่อนคลาย นั่งชิลฟังเพลงดนตรีสด
ร่างสูงก้าวขายาว ๆ เข้ามายังโซนด้านใน ที่มีเฉพาะแขก
วีไอพี โดยเลือกจับจองโต๊ะที่ค่อนข้างหลบมุม และลับสายตาคน ก่อนจะหันไปส่งเครื่องดื่ม และอาหารให้มาวางเต็มโต๊ะ
เพียงเวลาไม่นาน รชตะ ระพีทัศน์ และ รวิชญ์ก็เดินตามมาสมทบนั่งที่โต๊ะ
“นี่หน้ามึงไปฟัดหมาที่ไหนวะ ถึงได้ยับมาขนาดนี้” รวิชญ์ที่สังเกตเห็นเธอร่องรอย ฟกช้ำ บวมปูดของใบหน้าของอีกฝ่าย จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“เออว่ะ มึงไปโดนอะไรมาวะ” รชตะถามย้ำด้วยความแปลกใจ พลางยื่นมือไปหมายจะแตะบนใบหน้าแต่อีกฝ่ายกลับปัดทิ้ง ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม เมื่อนึกเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ได้เกิดการปะทะคารมกับเพื่อนสนิทขึ้นอีกครั้ง ฝ่ายนั้นออกหมัดใส่เขาไม่ยั้ง แผลเก่าเพิ่งจะจางไปไม่นาน แต่กลับต้องถูกซ้ำย้ำในแผลเดิม แต่เขาก็ไม่คิดโกรธเคืองเพื่อนสนิทคนนี้ของเขาเลยสักนิด รู้ดีว่ายังไงมันก็ต้องรักและปกป้อง โกรธเคืองแทนน้องสาวคนเดียวของมันอยู่แล้ว
อธิษฐ์ ถอนหายใจยาว ก่อนจะขยายความเพียงสั้น ๆ
“กูต่อยกับไอ้นินมา” ทั้งสามได้ฟังถึงกับทำหน้าตกใจแทบจะพร้อมกัน
“ห๊ะ! นี่มึงไปมีเรื่องกับไอ้นินมาเหรอวะ มึงอย่าบอกกูนะ ว่าเป็นเรื่องของเมียมึงน่ะ” รวิชญ์หรี่ตามองเพื่อนสนิท ทำหน้าราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เพราะทุกคนต่างรู้ว่าทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนรักที่คบหากันมานาน ต่างสนิทสนม และรู้ใจ มีอะไรก็เอื้อเฟื้อต่อกันมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ก็คงไม่ลงไม้ลงมือกันขนาดนี้
การเงียบคือคำตอบชั้นดี โดยที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ
“มึงอย่าบอกกูนะว่าเรื่องเป้ย” รชตะ ถามหยั่งเชิง พลางหรี่สายตามองเพื่อนสนิทอย่างจับสังเกต ทว่าเขากลับยิ่งนิ่งเฉยไม่คิดตอบกลับ หรืออธิบายอะไร เอาแต่ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกดื่มด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กรามขบแน่น จนระพีทัศน์ที่เห็นท่าทีดังกล่าว อดที่จะออกปากเตือนไม่ได้
“เพลา ๆ หน่อย เดี๋ยวมึงก็ได้ไปหยอดน้ำข้าวต้มแบบกูหรอก”
“ณิดาโกหกกูว่าท้อง”
“แล้วมึงก็เชื่อ?” รชตะถามหยั่งเชิง
“กูพูดจริง ๆ นะ ถ้าเป็นเป้ยมาบอกมึงว่าท้อง กูยังเชื่อว่าเป้ยโกหก มากกว่าที่น้องณิดาจะโกหกมึงเสียอีก”
“ทำไมมึงถึงมองเป้ยแบบนั้นว่ะ”
“ฮึ ที่ผ่านมามึงไม่เห็นก็ไม่แปลก แต่พวกกูน่ะเห็นนิสัยแฟนเก่ามึงดีกว่าตัวมึงเสียอีก”
“ไอ้ตะ!”
“มันก็ถูกของไอ้ตะ ผู้หญิงที่เลือกทิ้งมึงไปวันนั้น อยู่ ๆ ก็กลับมา”
“กูไม่ได้มีอะไรกับเป้ยนะเว้ย แค่เป้ยมาทำงานที่เดียวกับกูแค่นั้น”
“แต่มึงก็เคยไปขอหย่ากับเมียมึง เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เหรอวะ” ได้ยินประโยคนั้นจากคนเป็นเพื่อนที่ย้ำการกระทำของเขาที่ผ่านมาก็จุกแน่น จนพูดอะไรไม่ออก เมื่อนึกถึงเรื่องผ่านมาของเขา กับนิษฐ์รัณดา ก่อนจะยอมเล่าเรื่องบางอย่าง คล้ายกับต้องระบายความผิดที่ตนเองเก็บกดไว้ ให้เพื่อนทั้งสามได้ฟังคราวเดียวกัน พลอยทำให้บรรยากาศในโต๊ะ ตกอยู่ในความเงียบงันไปชั่วขณะ เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ต่างมองหน้ากันไม่พูดอะไร
ขณะที่รวิชญ์ยกแก้วเหล้าของตนเองกระดกดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ฮึ มึงนี่แม่ง ใช้คำว่าเหี้ยได้เปลืองจริง ๆ พอ ๆ กับไอ้ภีมเลยว่ะ”
“อ้าวไอ้ตะ ปากมึงเหรอวะ” ระพีทัศน์หันมาแหวใส่ พร้อมกับมองด้วยสายตาคาดโทษ ในขณะที่รชตะนั้นเอาแต่หัวเราะแห้ง แสร้งเฉไฉหยิบแก้วของตนเองขึ้นมายกชนแก้วของอีกฝ่ายกลบเกลื่อน
“กูก็เตือนมึงแล้วนะ ไอ้อธิษฐ์” รวิชญ์ มองอีกฝ่ายที่เอาแต่ยกแก้วเหล้ากระดกขึ้นดื่ม ไม่พูดไม่จา ด้วยความอ่อนใจ กระทั่ง รพีทัศน์สังเกตเห็นท่าทางของเพื่อนสนิทที่คืนนี้คงจะดื่มจนเมามายไม่ได้สติ ขับรถกลับบ้านไม่ไหวเป็นแน่ หันไปสั่งลูกน้องที่ยืนคุมเชิง คอยคุ้มกันอยู่ไม่ไกล
“ณภพ เดี๋ยวคืนนี้มึงขับรถไปส่ง ไอ้หมอนี่ด้วยแล้วกัน”
“ครับนาย” ณภพเดินมารับคำสั่งคนเป็นนาย ก่อนจะล่าถอยเดินกลับไปคุมเชิง รักษาความปลอดภัยอยู่ที่เดิม
ขณะที่นายแพทย์หนุ่มกลับถอนหายใจดังออกมา สีหน้าครุ่นคิดหนัก นัยน์ตาคู่คมนั้นกลับแดงก่ำฉายชัดถึงความเจ็บปวดในใจ
เอ่ยเสียงหนักที่ทำให้เพื่อนทั้งสาม ต่างตกอยู่ในอารมณ์เดียวกัน
“พรุ่งนี้ณิดา นัดกูไปเจอที่เขตว่ะ”