เสียงรถยนต์แสนคุ้นเคยดังขึ้นท่ามกลางความสนใจของเหล่าคนงานที่กำลังตัดแต่งกิ่งไม้หน้าคฤหาสน์หรูอย่างขมักเขม้น ทุกสายตาจับจ้องไปยังบุคคลสำคัญที่ก้าวเท้าลงจากรถด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาตามสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกา กวาดสายตามองบ้านที่จากไปนานถึงหนึ่งปีเต็ม แต่สภาพความเป็นอยู่ไม่ได้ดูแปลกตา ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
โดยเฉพาะหญิงสาวตัวน้อยที่เดินออกมาต้อนรับเขาพร้อมกับกลุ่มสาวใช้ประมาณสี่ห้าคน หล่อนยืนหลบหลังสาวใช้รุ่นพี่ที่สนิท ไม่กล้าเงยหน้ามองเจ้านายสุดหล่อที่เอาแต่จับจ้องมองอย่างคุกคาม และแน่นอนว่าไม่ใช่เธอคนเดียวที่รู้สึกว่ากำลังตกเป็นอาหารตาให้กับชายหนุ่ม ทุกคนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างก็รับรู้ถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างลูกชายของนายใหญ่และสาวใช้วัยละอ่อน เรื่องที่เกิดขึ้นไม่อาจปกปิดได้อีกต่อไป ในเมื่อสมภารหนุ่มอย่าง เซลิโน่ ทำตัวหึงหวงไก่วัดขนงามอย่างออกนอกหน้า
“คุณก้องมาพอดี ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหน่อย ขึ้นไปพบผมที่ห้องทำงานนะ”
เซลิโน่เอ่ยทักทายเลขาคู่กายของบิดา เขาเดินนำหน้าบุคคลดังกล่าวเข้าบ้าน สาวน้อยที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาถอนหายใจโล่งอก เมื่อครู่เธอแทบจะล้มทั้งยืนตอนที่ร่างสูงกำยำเดินผ่าน คิดว่าต้องแย่แน่ ๆ หากเขาจับมือเธอเดินตามเข้าไปข้างในเหมือนทุกครั้งที่ชอบทำ แต่โชคดีที่เจนภพลงจากรถเดินมาตรงนี้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นได้ตกเป็นประเด็นร้อนให้บรรดาสาวใช้นินทากันสนุกปากอีกตามเคย
หนึ่งปีที่เขาไปทำงานที่ต่างประเทศ หนึ่งปีที่เธอใช้ชีวิตอย่างสงบสุขโดยไม่ต้องหวาดระแวง หนึ่งปีที่เธอได้ยิ้มและหัวเราะอย่างเต็มที่ และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ช่วงเวลาดี ๆ กำลังจะหมดไป
เขากลับมาแล้ว…
ผู้ชายที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานะนางบำเรออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตั้งแต่กลับมาถึง เซลิโน่ยังไม่ได้ละสายตาจากการทำงานแม้แต่วินาทีเดียว เขาไล่อ่านเอกสารสำคัญที่เลขาฯ รวบรวมนำมาไว้ให้ที่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ แต่ละแฟ้มอัดแน่นไปด้วยผลประโยชน์ทางธุรกิจที่เขาต้องตั้งใจอ่านทุกตัวอักษร คิ้วหนาขมวดปม เคร่งเครียดไปกับเนื้อหาที่ค่อนข้างส่อไปทางด้านลบมากกว่าด้านบวก เซลิโน่ถอดแว่นสายตาวางลงบนโต๊ะ ยกหูโทรศัพท์ต่อสายไปยังด้านล่าง
“ให้แก้วตาขึ้นมาพบฉันบนห้อง” คำสั่งสั้น ๆ แต่ทรงพลัง คนที่รับสายเจ้านายหนุ่มเลือดร้อนถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ เบนสายตามองไปยังเพื่อนร่วมงานที่ยืนตัวสั่นหงก
“ค่ะท่าน”
ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน น้อยหน่าวางสายลงช้า ๆ ก่อนหันไปมองหน้าแก้วตาอีกครั้ง
“แก้ว…” คนที่ได้รับคำสั่งเผด็จการมาหมาด ๆ ถึงกับพูดไม่ออก ทั้งสงสารและเห็นใจสาวน้อยที่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างเจ้านายจอมดุอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ค่ะ” แก้วตา วางมือจากงานในครัว ถอดผ้ากันเปื้อนออกจากเอวพับส่งให้น้อยหน่าหัวหน้าแม่บ้าน เดินก้มหน้าก้มตาขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง
“แก้วเอ๋ยแก้ว ทำไมเอ็งถึงโชคร้ายแบบนี้นะ”
พอร่างบางพ้นสายตา น้อยหน่าก็พูดออกมาด้วยความสงสาร ทว่าเหล่าสาวใช้คนอื่นกลับไม่คิดเช่นนั้น ทุกคนมองตามร่างงามที่เดินทอดน่องไปยังห้องนอนของเจ้านายหนุ่มด้วยความอิจฉาริษยา อยากให้เป็นพวกเธอบ้างที่ได้มีโอกาสเดินเข้าไปในนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ในเมื่อพวกเธอไม่สวยพอที่จะดึงดูดความสนใจของเจ้านายสุดหล่อ
ต่างกับแก้วตาที่มีใบหน้าสวยหวานพริ้มเพรา อีกทั้งน้ำเสียงยังไพเราะน่าฟัง ผิวพรรณสะอาดสะอ้านราวกับลูกผู้ดีมีชาติตระกูล ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเพียงลูกชาวบ้านหลานชาวนาที่ผันตัวเข้ามาทำงานในเมืองหลวง
“อย่ากลัวแก้วตา อย่ากลัว”
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูปลอบใจตัวเอง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้า เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ว่าเพิ่งเกิด ก่อนหน้าที่เขาจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เธอก็เคยพาตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้นับครั้งไม่ถ้วน และความรู้สึกครั้งนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากครั้งก่อน คือเธอมาในฐานะ…
นางบำเรอ ของเขา
เมื่อตระหนักได้ถึงสถานะที่ถูกหล่อเลี้ยงมาเป็นเวลาแรมปี แก้วตาก็สลัดความกลัวทิ้ง เดินหน้าเข้าหาความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง หญิงสาวเคาะประตูห้องสามครั้งเป็นมารยาทก่อนเปิดเข้าไปเผชิญหน้ากับคนใจร้าย เธอมองตรงไปที่โต๊ะทำงานก่อนเป็นอันดับแรก ทว่าไม่พบเจ้าของห้องที่ควรจะนั่งอยู่ที่เก้าอี้
แก้วตาขมวดคิ้ว หมุนปลายเท้าเตรียมจะเดินออกจากห้อง
“อุ้ย” จังหวะที่หญิงสาวหันหน้ากลับมา ใบหน้าหวานชนเข้ากับแผงอกแข็งแกร่งเข้าอย่างจัง
“ซุ่มซ่าม!”
เซลิโน่แกล้งว่าทั้ง ๆ ที่เขาตั้งใจแอบไม่ให้เธอเห็นแต่แรก
หนุ่มใหญ่รูปร่างสูงกำยำสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกงพิงสะโพกแนบโต๊ะตั้งโคมไฟ ริมฝีปากหยักเข้มกระตุกยิ้ม นัยน์ตาล้ำลึกมองเรือนร่างบอบบางภายใต้ชุดเมดสีฟ้าอ่อนด้วยท่าทีพินิจพิจารณา แก้วตาร้อนๆ หนาวๆ กับสายตาอ่านยากของเขา ไม่รู้ว่าที่มองจ้องกันแบบนี้กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ว่าเขาจะคิดสิ่งใด เธอก็รู้สึกว่าพื้นที่ตรงนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับเธออยู่ดี
“ไม่เจอกันครึ่งปี ผอมลงหรือเปล่า”
เขาประเมินด้วยสายตาคร่าว ๆ แบบไม่ค่อยละเอียดนัก
เซลิโน่ยืดตัวตรง ขยับเท้าเดินเข้าหาคนหน้าหวาน แก้วตาถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณ ท่าทางหวาดกลัวระคนไม่อยากเข้าใกล้กระตุ้มต่อมเดือดคนตัวโตได้ดีนักเชียว
“ห่างผัวแค่ครึ่งปี เจอกันอีกทีทำท่าทางรังเกียจเชียวนะ”
มือหนาคว้าท่อนแขนเรียวรั้งร่างงามเข้าใกล้จนใบหน้าดุดันชิดแก้มนวล กลิ่นกายสาวที่เขาโหยหาทุกค่ำคืนปลุกกระตุ้นความต้องการส่วนลึก
“หรือว่ามีใครมาแอบซ้ำรอยฉัน” ความโกรธทำให้พลั้งปากพูดในสิ่งที่รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
“ทำไมพูดแบบนี้ค่ะ แก้วไม่เคยมีใคร”
นอกจากเขา…
“ให้มันจริงเถอะ อย่าให้ฉันจับได้ก็แล้วกัน”
คนหาเรื่องกระซิบเสียงเหี้ยม ใช้หลังมือไล้กรอบหน้าหวานข่มขวัญหญิงสาวที่กำลังหวาดกลัวตัวสั่นระริก
ท่าทีของหล่อนไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แววตาตื่นตระหนกคู่นี้ก็ยังมองเขาเป็นปีศาจร้ายที่พร้อมพร่าผลาญจิตวิญญาณอยู่ทุกเมื่อ
“ฉันกลับมาเหนื่อย ๆ เธอไม่คิดจะเอาอกเอาใจกันหน่อยเหรอ” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบถาม ริมฝีปากร้ายกาจขบเม้มติ่งหูเล็กของแม่สาวขี้กลัว แก้วตาแทบหยุดหายใจยามสัมผัสซ่านหวิวแตะผ่านผิวเนื้ออ่อนนุ่มในท่าทีอ้อยอิ่ง เปลือกตาคู่งามปิดแน่น ไม่กล้าปรือมองบุคคลน่าเกรงขาม รับรู้เพียงกลิ่นลมหายใจสะอาดของเขาเป่ารดข้างแก้ม ความรู้สึกตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับยืนอยู่บนปากเหวลึกอันตราย หัวใจดวงน้อยลุ้นระทึกว่าเขาจะทำอย่างไรกับเธอ
“รู้ไหมว่าตอนฉันอยู่ที่โน่น ฉันคิดถึงเธอมากเลยนะ”
“…”
“ฉันนับวันรอที่จะกลับมาเจอเธอ”
แน่นอนว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงทุกประการ
ช่วงเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ณ ต่างเดน เซลิโน่เฝ้าคิดถึงคนตัวเล็กทั้งยามหลับยามตื่น บางวันเขาแทบไม่มีสมาธิทำงานเพราะมัวแต่พะว้าพะวงว่าเธอจะทำอะไรในแต่ละวัน ต้องคอยสอดส่องความเป็นไปผ่านกล้องวงจรปิดที่สะท้อนเรือนร่างเจ้าของใบหน้าหวานผ่านทางหน้าจอไอแพด เขาอยากรู้ทุกอิริยาบถของเธอ มันอาจฟังดูบ้าคลั่งแต่เขาก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นแบบนั้นจริง ๆ
เซลิโน่หลงใหลเมียเก็บแสนหวานจนไม่เผื่อแผ่สายตาไว้มองใครอีกแล้ว