08 เธอไม่ใช่คนสำคัญ

1412 Words
08 เธอไม่ใช่คนสำคัญ “คะ....คุณฆ่าคน!” ร่างของเธอสั่นระริก ดวงตากลมโตเบิกกว้างค้างอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ลูกน้องของเหนือเมฆจะนำร่างอันไร้วิญญาณของชายคนนั้นออกไป “เห็นแบบนี้แล้ว เธอยังจะชอบฉันอีกหรือเปล่า” “คะ...คุณรู้ได้ยังไง” “หึ” เขากระตุกยิ้มมุมปากแล้วหันหน้ามาหาเธอ ทานตะวันแทบหยุดหายใจเมื่อสบตากัน “ฉันรู้มาตลอดว่าเธอชอบฉัน” “ใช่ เมื่อก่อนฉันเคยชอบคุณ แต่ว่าตอนนี้...” พอปรายตามองไปยังกองเลือดที่นองอยู่เต็มพื้น หน้าอกข้างซ้ายก็กระตุกหน่วงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำไมเหนือเมฆถึงกลายเป็นคนโหดร้ายได้ขนาดนี้ “ฉันคงชอบคุณไม่ได้แล้วแหละ” “ก็ดี เพราะฉันเองก็ไม่ได้อยากให้เธอชอบเหมือนกัน” ถ้อยคำเย็นชาดุจน้ำแข็ง เขาตรึงสายตาเย็นชาไว้ที่เธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินผ่านหน้าไป ทานตะวันเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น บีบมือให้กำลังใจตัวเองแล้วเดินตามชายหนุ่มออกมา แต่ภาพเมื่อสักครู่ยังคงติดตาเธออยู่ ก่อนที่ลูกน้องที่นำศพไปทิ้งจะวิ่งมารายงาน “มันตายแล้วครับ” “ดีมาก ทีนี้ก็เหลือไอ้ราฟาเอล กูคิดว่ามันอยู่ที่เมืองไทย” “ผมก็คิดแบบนั้น ลูกน้องมือขวาของมันตาย มันคงไม่ปล่อยนายไว้แน่ๆ” “ก็ดี เพราะกูจะได้ทวงทุกอย่างกลับคืนให้พ่อเลี้ยง” เขาปรายตามองไปยังร่างบางที่เดินตามมาอย่างเงียบๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองแล้วรีบหลบสายตา “พาผู้หญิงคนนี้กลับไปส่ง” “นายหมายความว่า จะไม่ให้เธอคนนี้ไปกับเราใช่ไหมครับ” “อ่อนแอแบบนี้ กูไม่อยากรับผิดชอบชีวิตใคร เผื่อตายขึ้นมาขี้เกียจฝังศพ” ทาตะวันเงยหน้าขึ้นมองด้วยความน้อยอกน้อยใจ พูดดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องใช้คำพูดแบบนี้กับเธอเลย ยังไงก็คนเคยรู้จักกัน แต่ทันใดนั้น... ปัง!ปัง!ปัง! “เฮ้ยย!!” “กรี๊ดดด!!!” พูดยังไม่ทันขาดคำ จู่ๆเสียงปืนก็ดังขึ้นหลายครั้งติดก่อนที่กระสุนจะฝังเข้าไหล่ซ้ายของทานตะวันอย่างจัง จนเธอกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “ทานตะวัน!!” “นายครับ! ไอ้ราฟาเอลมันส่งลูกน้องมาดักเล่นงานเราแน่ๆ” “รีบขึ้นรถ เร็ว!!” ทุกคนรีบวิ่งเข้าไปหลบในรถ แต่คนที่โชคร้ายอย่างทานตะวันซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนั่งกุมหัวไหล่ด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าซีดเซียวเห่ยเก เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกจากหัวไหล่ซ้าย “เจ็บ....” เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เพราะกำลังเจ็บปวดเกินจะบรรยาย “เอาไงดีครับนาย ดูท่ากระสุนน่าจะฝัง” “ให้ตายเถอะ! ไม่น่าเอามาเป็นภาระตั้งแต่แรกเลย” “ผมว่าพวกมันจงใจยิงเธอ” สายตาดุจัดตวัดมองไปที่ร่างของทานตะวัน เธอนอนตัวงอ กุมหัวไหล่ตัวเอง ขืนปล่อยไว้มีหวังต้องเสียเลือดตายแน่ๆ และดูเหมือนว่าเสียงปืนจะหายไปแล้ว “พวกมันไปแล้วครับนาย” “มันเป็นใคร” “ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ น่าจะพวกไอ้ราฟาเอล” “บัดซบเอ้ย!” เหนือเมฆยกมือเสยผมด้วยความหงุดหงิด แสดงว่ามันจงใจยิงทานตะวันเพื่อขู่เขา “โทรเรียกหมอมาพบกูที่บ้านด่วน ก่อนจะมีคนตายบนรถ” ทานตะวันในตอนนี้ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น เธอนอนซมด้วยความเจ็บปวดเพราะพิษของบาดแผลกำลังเล่นงานอย่างหนัก เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆปิดลง เสียงรอบตัวแผ่วเบาลงเรื่อยๆ หรือว่าเธอกำลังจะตาย? ไม่นะ! เธอยังตายไม่ได้ เพราะยังมีพ่อที่ต้องดูแล เธอจะตายไม่ได้เด็ดขาด “พะ...พี่เหนือ....ช่วยตะวันด้วย~” สติของเธอค่อยๆหลุดลอยออกไป แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับลง เหมือนมีฝ่ามืออบอุ่นของใครบางคนวางลงบนศีรษะของเธออย่างแผ่วเบา แล้วภาพทุกอย่างก็ดับวูบลง “ไปตามสืบมา ว่าใครเป็นคนยิงทานตะวัน!” “ครับนาย” “ได้ตัวแล้วลากคอมันมา กูจะเป็นคนส่งพวกมันกลับบ้านเกิดเอง” เจ็บ... ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นบริเวณไหล่ซ้ายพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดเตะจมูก แสงสว่างจ้าจากหลอดไฟทำให้เธอต้องปิดตาลงอีกครั้งเพราะแสบตา ก่อนที่หูจะแว่วได้ยินเสียงเหนือเมฆคุยกับลูกน้อง “ความจริงนายไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้นะครับ ยังไงผู้หญิงคนนี้ก็ไม่มีความสำคัญสำหรับนายอยู่แล้ว” ทานตะวันนอนนิ่งไม่ขยับตัว พยายามฟังสิ่งที่เหนือเมฆกำลังจะพูด เพราะอยากรู้ว่าแท้จริงแล้วเขารู้สึกยังไงกับเธอกันแน่ “…” แต่เหนือเมฆเลือกที่จะไม่ตอบ ดวงตาสีน้ำตาลว่างเปล่าของทานตะวันค่อยๆเปิดขึ้น ก่อนที่เสียงฝีเท้าของเหนือเมฆจะเดินเข้ามา “ตื่นแล้วหรอ” “ค่ะ” เธอตอบสั้นๆแล้วพยายามจะลุก แต่ก็ลุกไม่ขึ้นเพราะเจ็บแผล ก่อนจะสั่งเกตเห็นว่าเธอนอนอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใช่โรงพยาบาล “ถือว่าครั้งนี้โชคยังดี ที่กระสุนแค่ถากหัวไหล่” เขาเดินมาดูอาการของหญิงสาวแล้วกำลังจะเดินกลับไป แต่มือเรียวของทานตะวันก็คว้าท่อนแขนเอาไว้เสียก่อน “ตอนที่ฉันถูกยิง ฉันได้ยินเสียงคุณเรียกชื่อฉัน” “...” เหนือเมฆนิ่ง สีหน้าเมยเฉยไร้ความรู้สึก ทานตะวันดันกายลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จ แต่ยังไม่ปล่อยมือจากท่อนแขนของเขา “ทำไมคะ ทำไมคุณถึงเมินเฉยกับฉัน ทั้งๆที่เราสองคน....เคยสนิทกัน” “...” “ไหนบอกว่าไม่รู้จักฉัน แล้วทำไมถึงเรียกชื่อฉัน” “…” “คุณหลอกตัวเองไม่ได้หรอก เพราะใจของคุณรู้ดี ว่าเราสองคนเคยสนิทกัน” “ทำไมหรอ แค่การที่ฉันเคยรู้จักเธอ แล้วคิดว่าฉันจะชอบเธอกลับงั้นหรอ” “ปะ...เปล่า ฉันก็ไม่ได้กะจะให้คุณชอบ” “....” เขาสะบัดมือทิ้งอย่างไร้เยื่อใยแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ ทันทีที่สบตากันบรรยากาศภายในห้องก็เปลี่ยนไป “เลิกหวังลมๆแล้งๆได้แล้วว่าฉันจะชอบเธอ เพราะเธอไม่ได้สำคัญอะไรกับฉัน” “ถ้าไม่สำคัญ คุณจะตามล่าพวกที่ดักยิงฉันทำไม ทั้งๆที่เรื่องแค่นี้คุณน่าจะปล่อยผ่านไปได้” คู่หนึ่งดวงตาคมกระตุก ฉายแววความไม่พอใจออกมาเพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะได้ยิน “สำคัญตัวผิดไปแล้ว ฉันก็แค่อยากรู้ว่าพวกมันเป็นใคร" "โกหก" "คิดว่าฉันแคร์ผู้หญิงอย่างเธอขนาดนั้นเลยหรอ ฉันผ่านผู้หญิงมามากมาย น้ำหน้าอย่างเธอฉันไม่สนใจหรอก" "พี่เหนือ..." กึก! พออยู่ด้วยกันสองต่อสองทำให้ทานตะวันมีความกล้ามากขึ้น หรือบางทีที่เขาแกล้งทำเป็นเย็นชาอาจเป็นเพราะกำลังอยู่ต่อหน้าลูกน้อง "ไหนๆ ตอนนี้เราก็อยู่กันสองคนแล้ว พี่บอกฉันได้ไหมว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ ทำไมพี่ถึงเข้าไปพัวพันกับพวกมาเฟียข้ามชาติ" "ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหม อย่าเรียกฉันว่าพี่" "พี่เลิกใส่หน้ากากได้แล้ว ตอนนี้ไม่มีใคร มีแค่เราสองคน ฉันอยากให้พี่....โอ้ยยย!!" ทานตะวันร้องเสียงหลงเพราะมือหนาคว้าหมับเข้าที่ปลายคาง แล้วกระชากใบหน้าของเธอให้หันมาเผชิญหน้า "บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเรียกฉันว่าพี่!" "อึก! ปล่อยนะ ฉันเจ็บ โอ้ยย!" "ฉันไม่ได้ใส่หน้ากาก นี่คือตัวตนจริงๆของฉัน และฉันก็ไม่ใช่พี่เหนือของเธอ....จำไว้!" "คุณหลอกตัวเองไม่ได้หรอก ต่อให้คุณจะบอกว่าตัวเองเป็นใครก็ช่าง แต่คุณก็ยังเป็นพี่เหนือของฉันเหมือนเดิม" "ก็ได้ เธออยากให้ฉันเป็นพี่เหนือของเธอจริงๆใช่ไหม" เขาเปลี่ยนจากบีบคางมน เลื่อนมือไปข้างหลังแล้วรั้งศีรษะของเธอเข้ามาใกล้ๆ "เดี๋ยวฉันจะเป็นให้ดู" "คะ...คุณจะทำอะไร" "อยากให้ฉันเป็นพี่เหนือไม่ใช่หรอ ฉันก็กำลังจะสนองให้เธออยู่นี่ไง" แคว่กกก!!! "ว้ายยย!!" ________
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD