บทที่ 1.1 - ช่วยเหลือ (ปัญหาที่ไม่จบสิ้น)

1405 Words
“โธ่เว้ย!!!” พิญชญะต่อยกำแพงห้องนอนด้วยความหงุดหงิดหลังจากมีปากเสียงกับบิดาอย่างหนักหน่วง ความน้อยใจแล่นจุกอกลูกผู้ชายชาตรี ตลอดทั้งชีวิตเขาไม่เคยได้รับความรักจากบิดาเลยสักครั้ง และยิ่งมีมาร์ตินเข้ามาเป็นตัวแปรในครอบครัว มารดาที่ครองตำแหน่งเมียแต่งถึงกับตรอมใจตายเมื่อผู้เป็นพ่อพาอีกบ้านเข้ามาอยู่ร่วมชายคา เพราะเหตุผลนี้พิชญะถึงตั้งแหง่รังเกียจน้องชายต่างมารดายิ่งนัก อีกทั้งยังแอบอิจฉาที่บิดาให้ความอบอุ่นแก่เขามากกว่าตน “คุณสุทินจองห้องพักให้ผมด้วย ผมจะไปหัวหินเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มโทรสั่งกับเลขาฯ “ขอห้องที่ดีที่สุด!” เสียงเข้มย้ำชัด ซึ่งอีกฝ่ายก็รับคำและทำตามอย่างไม่รีรอ พิชญะไม่เตรียมข้าวของอันใดไปแม้แต่น้อย ชายหนุ่มพกเพียงเงินสดและบัตรเครดิตเท่านั้น ร่างสูงเดินลงมาจากชั้นสองโดยไม่พูดไม่จากับใคร คนตัวโตเดินดุ่มๆ ออกจากบ้านแล้วรีบขึ้นรถคันหรูขับออกไปทันที “แล้วเจ้าพีชมันไม่กินข้าวหรือไง?” บิดาเอ่ยถามเมื่อเห็นเงาของบุตรชายคนโตไวๆ “ไม่ทราบค่ะ อิ่มถามแล้วแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย” อิ่มใจ แม่บ้านเก่าแก่ที่มีตำแหน่งเป็นแม่นมของชายหนุ่มทั้งสองรายงาน แววตานั้นเป็นห่วงบุตรชายคนโตของเจ้านายเหลือเกิน ด้วยว่าสำหรับพิชญะแล้วเธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ยิ่งตอนที่มารดาของเขาเสียชีวิตก็มีเพียงอิ่มใจเท่านั้นที่ดูแลเขาให้เติบโตเป็นผู้เป็นคน เพราะบิดาเอาเวลาทั้งหมดไปทุ่มให้กับบ้านเล็กจนละเลยความรู้สึกของเด็กหนุ่มที่เพิ่งสูญเสียแม่อันเป็นที่รัก “เหอะ! มันคงงอนที่ถูกฉันด่าไป ช่างมัน อยากไปไหนก็ช่างมันไอ้ลูกไม่รักดี” บิดาตวาดกร้าว ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ประจำหัวโต๊ะ “แล้วมาร์ตินไปไหน กลับมาหรือยัง?” เอ่ยถามหาบุตรชายคนเล็ก อิ่มใจส่ายหน้าแทนคำตอบ สำหรับมาร์ตินนั้นเธอไม่ได้สนิทชิดเชื้อเท่าใดนัก นิสัยใจคอลึกๆ เป็นเช่นไรก็ไม่อาจทราบได้เพราะไม่ได้เลี้ยงเต็มที่เหมือนกับที่เลี้ยงพิชญะ นอกจากว่าวันไหนที่มารดาของชายหนุ่มไปออกงานกับคุณท่านเธอก็ต้องรับหน้าที่ดูแลลูกชายคนเล็กแทน แม้กระทั่งวันที่มารดาของชายหนุ่มเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกระหว่างเดินทางกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่อเมริกา มาร์ตินในวัยเริ่มโตเป็นหนุ่มก็ถูกส่งตัวไปเรียนต่อต่างประเทศทันที ไม่ทันได้ดูแลหรือปลอบใจอะไร และดูท่าเขาเองก็เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงไม่น้อย มาร์ตินไม่ค่อยสุงสิงกับใคร วันๆ เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง “ความจริงมันน่าจะกลับตั้งนานแล้วนะ” ชายวัยกลางคนข้องใจจึงเดินไปโทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิท “รู้ไหมว่ามาร์ตินมันไปไหน เย็นปานนี้แล้วทำไมยังไม่กลับมาบ้านอีก” น้ำเสียงหงุดหงิดกรอกลงไปยังปลายสาย ( คุณมาร์ตินไปที่คอนโดฯ ของผู้หญิงคนนั้นครับท่าน ) ลูกน้องที่รับใช้ตนมานานรายงาน คนฟังฉุนเฉียวทันใด วางกระแทกโทรศัพท์เสียงดังจนคนปลายสายตกใจ “ไอ้ลูกบ้านี่ก็อีกคน ขนาดฉันไล่แม่นั่นออกไปจากชีวิตได้แล้วนะยังไม่วายไปอาลัยอาวรณ์กันอีก” “คุณท่านไม่น่าทำแบบนั้นเลยค่ะ สงสารคนที่เขารักกัน” อิ่มใจพูดขึ้น คิ้วหนาเข้มขมวดมุ่น “มันต่างหากที่ควรต้องสงสารฉันอิ่ม ฉันเลี้ยงมันมาตั้งแต่เกิด ให้ชีวิตความเป็นอยู่แสนเลิศหรู มันควรทำตามคำสั่งของฉันในฐานะที่เป็นลูก และฉันเป็นพ่อ ฉันมีสิทธิ์ในตัวมันทุกอย่าง!” ชายวัยกลางคนไม่พอใจที่มีคนขัดอุดมการณ์ที่ตนยึดมั่นมาโดยตลอด ร่างสูงสง่าหุนหันเดินขึ้นชั้นสองโดยไม่รับประทานอาหารเย็น “เฮ้อ” อิ่มใจได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจพลางเรียกให้เด็กรับใช้คนอื่นๆ มาเก็บสำหรับไปไว้ในครัวตามเดิม ดูท่าวันนี้เจ้านายคงไม่รับทั้งคาวทั้งหวานเสียแล้ว… “นี่แกบ้าหรือโง่กันแน่หะยัยแพท ทำไมถึงได้ยอมถอนหมั้นเพื่อหลีกทางให้นังผู้หญิงหน้าด้านคนนั้น!” มารดาโกรธจัดที่บุตรสาวทำอะไรตามอำเภอใจโดยไม่ปรึกษาหล่อนให้รอบคอบเสียก่อน แพทริเซียถอนหายใจพลางวางปากกาที่กำลังบรรจงจดรายละเอียดของงานที่ต้องทำลงบนโต๊ะ สาวเจ้าเงยใบหน้าสวยคมขึ้นมองร่างอ้วนท้วมของผู้มีพระคุณ “มาร์ตินไม่ได้รักลูกค่ะคุณแม่ เขาไม่ได้รักลูก” เสียงหวานตอกย้ำความจริงที่แม้จะทำใจได้บ้างแล้วแต่ยังคงเจ็บลึกอยู่ดี “ไม่รักก็ช่างปะไร แต่งงานกันไปอยู่ด้วยกันเดี๋ยวก็รักกันเอง พ่อกับแม่ยังรักกันได้เลย เราสองคนก็แต่งงานเพื่อธุรกิจเหมือนกันแต่แม่เคยทำให้แกรู้สึกแย่ไหม ก็ไม่เคย! แล้วทำไมแกทำแบบนี้” คนพูดยังคงความโกรธเคืองไม่จาง ความจริงหล่อนเสียหน้ามากกว่า เที่ยวโพนทะนาไปทั่วว่าลูกสาวเพียงคนเดียวกำลังได้จะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันกับบุตรชายของตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ สุดท้ายทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด “แต่ก็ไม่ใช่ทุกคู่นะคะคุณแม่ บางทีฝืนแต่งกันไปหนูอาจจะเจ็บปวดมากกว่านี้ด้วยซ้ำ” “โอ๊ย! ฉันอยากจะบ้าตาย แล้วแกทำแบบนี้คิดบ้างไหมว่าชื่อเสียงที่ฉันและพ่อแกสะสมมาจะเป็นยังไง ทำไมยัยแพท ทำไมต้องไปยอมนังบ้านนอกนั่นด้วย มันสู้อะไรแกไม่ได้เลยแล้วจะไปยอมมันทำไม!?” “แต่น้ำเพชรเขาเป็นคนที่มาร์ตินรักไงคะ หนูบอกคุณแม่ไปหลายรอบแล้วว่าเขาสองคนรักกัน แบบนี้ยังจะให้หนูเข้าไปแทรกกลางอีกหรือคะ ประทานโทษค่ะ หนูใจไม่ด้านพอ” ดวงตาเฉี่ยวแข็งกร้าว จ้องมารดาเขม็ง “นี่แกกำลังจะด่าฉันว่าหน้าด้านคิดจับลูกสาวถวายพานให้เขาหรือไง” คนที่กำลังฉุนเฉียวคิดไปไกลแม้ว่าบุตรสาวจะไม่ได้คิดอย่างที่ตนกล่าวหา “ไม่ใช่นะคะคุณแม่ หนูไม่ได้หมายความแบบนั้น” แพทริเซียพยายามอธิบาย หล่อนอยากตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ลำพังสู้รบปรบมือกับสายตาชาวบ้านก็พอทนแล้ว แทนที่มารดาจะให้กำลังใจ ไฉนกลับมาลงที่เธอราวกับสิ่งที่ตัดสินใจทำมันผิดมหันต์ “พอกันที! ฉันไม่ต้องการฟังเรื่องราวไร้สาระอีกแล้ว มันน่านักทั้งแกและฝั่งนั้น หึ… ได้ข่าวว่าแม่นั่นกำลังตั้งท้องด้วยนี่ คุณลุงแกหลงตายเลย” มารดาเย้ยหยันด้วยใจริษยา “เห็นไหมคะคุณแม่ ถ้าหนูดื้อด้านที่จะแต่งงานกับมาร์ติน สุดท้ายแล้วหนูจะกลายเป็นคนพรากพ่อพรากลูกของครอบครัวเขา เห็นโทษของมันหรือยังคะ” แพทริเซียชี้จุดปัญหาให้มารดา ทว่าคนใจมืดบอดกลับมองไม่เห็นความดีที่บุตรสาวมี “ไม่สน!” มารดาตัดบทเสียงดัง ก่อนจะคว้ากระเป๋าแบรนด์ดังราคาเหยียบล้านมาคล้องแขนแล้วตวัดหางตามองหญิงสาว “เรื่องนี้แกต้องไปเคลียร์กับพ่อของแกเอง ฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรทั้งนั้น!” พูดจบร่างอ้วนท้วมก็เดินจากไปทิ้งให้ร่างบางเหนื่อยล้าพิงกายกับโซฟาตัวยาวเพียงลำพัง เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอตั้งตัวไม่อยู่ กว่าจะรู้สึกว่าทำอะไรลงไปมันก็ช้าเกินกว่าจะแก้ไข อีกทั้งหัวใจดวงน้อยเองก็ปวดร้าวเหลือเกิน ภาพของบ่าวสาวในงานแต่งแสนอบอุ่นสะท้อนอยู่ในความทรงจำ ใบหน้าเปี่ยมสุขของชายหนุ่มยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่เธอทำมันถูกต้องแล้ว เขารักผู้หญิงคนนั้น เขาไม่ได้รักเธอ… ในเมื่อรู้เช่นนี้ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องยื้อเวลาเพื่อทำให้ตัวเองเจ็บ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD