ฉุยฉายเอย ช่างงามขำ ช่างรำโยกย้าย
สะเอวแสนอ่อน อรชรช่วงกาย วิจิตรยิ่งลาย ที่คนประดิษฐ์
สองเนตรคมขำ แสงดำมันขลับ ชม้อยเนตรจับ ช่างสวยสุดพิศฯ
“รำฉุยฉายพราหมณ์ [1] สวยมาก ดูท่าทางนวยนาดอ่อนช้อย งดงามจริงๆ ไม่รู้แน็ตพูดถูกไหม แต่เห็นแล้วรู้สึกอย่างนั้นเลยค่ะ”
คนข้างตัวเขาขยับมากระซิบกระซาบเบาๆ ปัฐวิกรจึงเอียงหน้าไปใกล้ พยักรับเล็กน้อยพร้อมตอบรับ
“ครับ”
“เป็นการรำของตัวพระ แต่น้องที่รำเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยเชียว ขยับทีก็ดูแข็งแรง แต่เอวอ่อน สะโพกแอ่น มืออ่อนกรีดกรายสวยมาก”
เจ้าตัวยังชมไม่หยุดปากแม้การแสดงฉุยฉายพราหมณ์บนเวทีจะจบลงไปแล้ว และก็ได้รับเสียงปรบมือชื่นชมก้องพื้นที่ทำการแสดง
“เคยดูมาก่อนเหรอครับ”
ชายหนุ่มถามกลับเสียงเบาไม่แพ้กันเพราะกำลังจะมีการแสดงอื่นต่อ ทำให้บทสนทนายืดยาวดูไม่ค่อยเหมาะสมนัก
“เปล่าค่ะ แน็ตไม่เคยดู ฟังจากที่เขาบรรยายสั้นๆ ก่อนแสดงก็เลยรู้สึกว่า น้องเขาถ่ายทอดความเป็นพราหมณ์หนุ่มน้อยรำได้เหมาะมากค่ะ”
คนฟังเพียงพยักหน้าก่อนจะหันไปสนใจการแสดงชุดต่อมาเพราะฉุยฉายพราหมณ์เป็นการแสดงแรก ซึ่งการแสดงนี้เป็นการแสดงนาฏศิลป์ประจำปีของนักศึกษาชั้นปีที่สี่ และกัญญานันน้องสาวของเขาก็ทำการแสดงด้วยเช่นกัน โดยเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชมด้วยเพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของไทย
ปัฐวิกรเป็นตัวแทนของที่บ้านมาให้กำลังใจน้องสาว จึงชวนแฟนสาวของตัวเองมาด้วย ซึ่งอีกฝ่ายเพิ่งเรียนจบกลับมาจากต่างประเทศก็เลยสนใจ
แม้ตลอดทั้งการแสดงจะเป็นรำทั้งหมด ทว่าก็นับว่าเพลิดเพลินและอิ่มเอมไม่น้อยทีเดียว ชายหนุ่มรอรับน้องสาวกลับบ้านพร้อมกัน เขาเดินเข้าไปหากัญญานัน ในมือถือดอกไม้ช่อโตพร้อมกับแฟนสาวเกาะแขนและมีดอกไม้มาด้วยอีกช่อ
น้องสาวเขายืนอยู่กับพิมพ์ปรางและผู้หญิงอีกคนที่หันหลัง ทั้งสามคนรูปร่างเท่ากัน ตัวเล็กอรชรอ้อนแอ้น ผมถูกเก็บรวบตึงเหมือนกันทำให้ดูไม่แตกต่างนัก เมื่อเขาเข้าไปถึงกัญญานันก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะไหว้ทักทายผู้หญิงข้างๆ เขา
“พี่ปัฐ”
หญิงสาวที่หันหลังอยู่หันมามองเขาทว่าชายหนุ่มไม่ได้สังเกตนัก เพราะพิมพ์ปรางก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมเหมือนทุกครั้ง เขารับไหว้คนที่เหมือนน้องสาวอีกคนด้วยความเอ็นดูก่อนจะยื่นดอกไม้ให้กัญญานัน
“สำหรับน้องก้อย นางรำคนเก่งของพี่”
ปัฐวิกรเอ่ยแล้วรับดอกไม้อีกช่อจากแฟนสาวมาส่งให้พิมพ์ปราง ความจริงเขาถือคนเดียวได้แต่อีกฝ่ายอยากถือด้วย เพราะควงแขนเขาแต่ปล่อยให้เขาถือช่อดอกไม้เต็มสองมือออกจะดูแปลกๆ
“ส่วนนี่ ของปราง เก่งมากครับ”
ชายหนุ่มชมอย่างจริงใจเพราะพิมพ์ปรางเองก็รำได้สวยมากในสายตาของเขา
พิมพ์ปรางไหว้ขอบคุณแล้วรับดอกไม้ไป ทว่าสองสาวกลับมองตากันแล้วมองไปอีกด้าน ปัฐวิกรจึงมองตาม และนึกขึ้นมาได้ว่าบรรยากาศชอบกลเพราะสองคนได้รับดอกไม้และคำชม ส่วนสาวอีกคนกลับไม่ได้รับความสนใจ
“เอ่อ สองไปรอปรางตรงม้านั่งตรงโน้นนะ”
เจ้าของดวงหน้าสวยน่ารักพูดกับเพื่อนแล้วโบกมือเบาๆ พร้อมยิ้มบาง
“บ๊ายบายจ๊ะก้อย ไว้เจอกัน”
“เอ๊ย เดี๋ยวสิสอง”
กัญญานันรั้งเพื่อนเอาไว้
“พี่ปัฐ จำสองได้ไหมคะ”
น้องสาวเอ่ยถามซึ่งชายหนุ่มก็มองหญิงสาวอีกคนอยู่ เมื่อเธอหันมามองแล้วยกมือไหว้ เขาจึงรับไหว้
“ครับ จำได้”
ปัฐวิกรพอจำได้ว่าน้องสาวเขากับพิมพ์ปรางมีเพื่อนสนิทอีกคนที่อยู่กับพิมพ์ปรางตลอดในช่วงงานศพของยายจันทร์ ถึงตอนนั้นจะไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจเค้าโครงหน้าหากก็พอนึกออกเลาๆ
“แล้วก็พี่แน็ตแฟนพี่ปัฐ”
อีกฝ่ายไหว้แฟนเขาตามคำแนะนำของกัญญานัน
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีพี่ไม่รู้ว่ามีเพื่อนอยู่กับน้องก้อยอีกคน”
ชายหนุ่มออกตัวเพราะเขาไม่มีดอกไม้ติดมือมาสำหรับเธอ
สาวหน้าใสไร้เครื่องสำอางยิ้มรับราวไม่ใส่ใจนัก
“ก็คุณไม่รู้จริงๆ นี่คะ แล้วเราก็ไม่ได้รู้จักกันถึงกับต้องมายินดีอะไรกับสอง”
ตากลมโตดำขลับมองเขาโดยไม่หลบหลีก บ่งบอกว่าเป็นคนกล้าแสดงออกและจริงใจ จากนั้นก็ขอตัวแยกไปรอพิมพ์ปรางที่ม้านั่ง
ปัฐวิกรมองตามร่างบางอรชรไล่เลี่ยกับน้องสาวของเขา ดวงหน้าสวยน่ารักยังติดตาเพราะรู้สึกคุ้น ทว่าไม่ใช่เพราะเคยเจอกันเมื่อหลายปีก่อน แล้วก็ได้ยินเสียงแฟนของตนพึมพำ
“อ๋อ คนที่รำฉุยฉายพราหมณ์”
[1] ฉุยฉายพราหมณ์ เป็นการร่ายรำที่งดงามของตัวละครพระเป็นการแสดงชุดหนึ่งในบทละครเบิกโรง เรื่องพระคเณศเสียงาบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นจากตำนานของเทพเจ้าโดยพระนารายณ์แปลงเป็นพราหมณ์น้อยไปเฝ้าพระอิศวรและพระอุมามีลีลาท่ารำของตัวพระที่มีลักษณะของความเป็นหนุ่มน้อยที่มีความงดงามและท่าที่นวยนาดกรีดกรายแต่สง่างาม แต่โบราณการรำฉุยฉายพราหมณ์จัดแสดงเฉพาะในการแสดงเบิกโรงเท่านั้นไม่นิยมนำออกมาแสดงรำเดี่ยว แต่ในปัจจุบันการรำฉุยฉายพราหมณ์เป็นที่นิยมจึงทำให้พบเห็นได้ในโอกาสงานต่างๆ โดยทั่วไป ที่มา: cuycay.blogspot.com
======