ดาหวันเดินเซออกมาจากตัวอาคาร มือหนึ่งถอดส้นสูงออกมาถืออีกข้าง ก้าวเท้าเปล่าบนพื้นปูนหยาบโดยไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
ใจของเธอยังชา พังจนไม่อยากจะเชื่อเลยว่า...เสียงครางในห้องนั้นจะเป็นเรื่องจริงและมือหนาที่เคยจับเธอเบาๆกลับเปลี่ยนไปสัมผัสผู้หญิงอีกคนอย่างง่ายดาย
คนตัวเล็กเดินเซไปที่ร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงตรงมุมตึก เสียงขวดแก้วกระทบริมฝีปากอิ่ม แล้วเธอก็กระดกเข้าไปแบบไม่สนว่าขมขนาดไหน เหล้าขวดเล็กถูกถือแน่นในมือขาวซีด มืออีกข้างกอดอกแน่นเหมือนจะบีบหัวใจตัวเองให้หยุดเต้น
“จะอะไรนักหนา...ฮึก…ก็แค่จะจับมือ...แค่จะจับมือเองแท้ๆ”
“แม่งเอ๊ย...ดาหวัน เธอมันโง่ชิบหาย...”เธอบ่นพึมพำกับตัวเองเสียงแหบ ผมยาวสยายยุ่งเหยิง หน้าแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ปนกับน้ำตา รอยเปื้อนจากมาสคาร่าทำให้ใบหน้าสวยดูเปราะบางน่าสงสาร
เดรสแดงที่เคยคิดว่าแซ่บ ตอนนี้กลับดู เปลือยเปล่าจนน่าเวทนา
สายตาแดงก่ำไปด้วยความเสียใจสะดุดกับรถเบนซ์ป้ายแดงคันหนึ่งที่จอดหราอยู่มุมลานจอด หรูหราจัดจ้านเงาวับเหมือนเพิ่งขับออกจากโชว์รูม
ดาหวันขมวดคิ้ว หรี่ตามองอย่างครุ่นคิด
"คันนี้...ใช่เลย" เธอจำได้ 'เจ้าสัวพ่อของเขาซื้อรถให้เมื่อเดือนก่อน บอกเป็นของขวัญวันครบรอบ สีเดียวกันเป๊ะ ป้ายแดงเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน'
หัวใจที่กำลังพังพินาศอยู่แล้วบิดเบี้ยวด้วยความโกรธร้อนรุ่ม
“รถคันนี้สินะ ที่พ่อเขาซื้อให้...เพื่อให้เขาขับไปหาผู้หญิงอีกคน”
ภาพในหัวเธอคือแฟนชั่วกับอีตัวบนเตียงความบันดาลโทสะเดือดปุดเหมือนน้ำในหม้อแรงดันที่พร้อมระเบิด
“ใช่สิ! รถเจ้าสัวซื้อให้ใช่มั้ย?! หะ?! อยากได้รถใหม่มากกว่าฉันใช่มั้ย?!” เธอตะโกนลั่นลาน โดยไม่คิดอะไรอีกเลย
ฟึ่บ!
ตุบ!
ปลายขาในส้นสูงเตะเข้าไปเต็มแรงตรงประตูด้านคนขับ เสียงเหล็กบุบ ดังสะใจ!...ประตูบุบยุบเข้าไปอย่างสวยงาม รอยเท้าเล็กๆ ประทับอยู่กลางแผงเหล็กมันวับ เธอแค่นหัวเราะอย่างสะใจ แต่ยังไม่ทันได้ถ่ายรูปลงสตอรี่เพื่อประชด อาการเจ็บแปลบจากปลายเท้าก็แล่นพุ่งขึ้นมาจนต้องย่อตัวลง
“อ๊ากกก! แม่ง เจ็บบบบ...!!!”
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นคอนกรีตดังใกล้เข้ามาจากด้านหลังเงามืดข้างตึก ใบหน้าหวานฉ่ำหันขวับตามสัญชาตญาณ
“...”
เธอชะงักเงยหน้ามอง ทว่าสายตาที่พร่าเพราะแอลกอฮอล์และน้ำตา เงาดำค่อยๆเดินเข้ามา เงาร่างสูงใหญ่ในชุดสูทดำสนิท เสื้อเชิ้ตไม่มีรอยยับ ทรงผมเนี้ยบจนผิดกับเวลาเที่ยงคืนและแววตาดุเย็นราวกับถูกกลั่นออกมาจากขั้วน้ำแข็ง
ชายหนุ่มหยุดยืนตรงหน้าเธอ สายตาเย็นยะเยือกมองจากเท้าข้างที่เธอกุมอยู่...ไล่ขึ้นไปจนถึงรอยบุบบนรถ
“นี่เธอกำลังทำลายทรัพย์สินของฉันอยู่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบชวนขนลุก
นัยน์ตาหวานเบิกโพลงเมื่อได้ฟังคำพูดของเขา
'ซวยแล้ว!!!" สมองคิดได้ในวินาทีนั้น 'นี่ฉัน..เพิ่งเตะรถผิดคันและดูจากชุด แววตา ออร่าที่แม้แต่ลมหายใจยังดุ เขาจะฆ่าฉันหมกป่ามั้ย!? อ๊ากกก...ฉันเพิ่งมีสถานะโสดข้ามวันมาไม่ถึงชั่วโมงเลยนะ'
ชายหนุ่มเจ้าของรถก้าวเข้ามาใกล้อีกนิดจนเธอเห็นหน้าชัดขึ้น ใบหน้าเขาหล่อจัด ดุจัด แพงจัด ดวงตาเรียบไร้อารมณ์ แต่มองลึกจนเหมือนจะรู้ว่าเธอเมา แดกเหล้า ร้องไห้และเพิ่งเตะรถผิดคัน
“คิดว่าจะรับผิดชอบยังไงดี...แม่สาวชุดแดง” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ราบเรียบแต่หนักแน่นจนคำถามนั้นไม่ใช่แค่ถามแต่มันคือคำสั่ง
ดาหวันนิ่งไปอึดใจ ใบหน้าเหวอชั่ววินาทีก่อนจะหันไปมองรถที่เธอเพิ่งเตะบุบอีกครั้ง
เธอกลืนน้ำลายอย่างฝืดๆหัวสมองอื้ออึง "ไม่นะ...บอกทีว่าไม่ใช่อย่างที่คิด...รถมันเหมือนกันเป๊ะ แล้วก็จอดประจำที่นี่... จะไม่ใช่ได้ไง!?'
“มัน...มันเป็นรถของฟิวส์ไม่ใช่เหรอ?” เสียงเธอเปร่งออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก
ชายคนนั้นไม่ตอบทันที เขากลับยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา จากนั้นเงยหน้ามาสบตาเธออีกครั้ง
“ไม่ใช่” เขาตอบสั้นแต่ชัดเจน “และไม่เคยเป็น”
คำตอบนั้นตัดขั้วหัวใจเธอเหมือนใบมีด คนตัวเล็กเริ่มรู้สึกว่าขาไม่มั่นคงอย่างที่คิด มือที่ถือรองเท้าสั่นเล็กน้อยแต่เพื่อรักษาหน้า เธอแสร้งเชิดหน้า กลั้นใจพ่นคำออกไปแบบปากดี
“ก็เขาบอกว่าพ่อเขาซื้อให้ จะไปรู้เหรอว่าของใคร!”
“ป้ายแดงคันละไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้าน และมีไม่กี่คันในประเทศ แล้วเธอคิดว่าใครจะขับได้ง่ายๆ?” เขาพูดเสียงเรียบ ไม่มีวี่แววเหน็บแนมหรืออารมณ์ใดแทรก
แต่สิ่งที่ทำให้เธอหน้าร้อนวูบไม่ใช่คำพูดนั้น...คือน้ำเสียงที่สงบนิ่งจนเหมือนเธอเป็นเด็กประถมที่กำลังโดนผู้ใหญ่เตือน กลิ่นน้ำหอมแนววูดดี้ของเขาลอยตลบในอากาศ เป็นกลิ่นหรูที่เธอไม่รู้จักแต่รู้แน่ๆ ว่าแพงกว่าทั้งชุดเธอในคืนนี้รวมกัน
“จะชดใช้ยังไง?” คำถามเดิม แต่ท่วงทำนองต่างจากครั้งแรก นิ่งกว่าและเยือกเย็นกว่าเดิมอย่างน่าประหลาด
เธออ้าปากจะพูด แต่กลับพูดไม่ออก
คนแก่กว่าก้มมองเธอด้วยสายตาที่ไม่มีวี่แววโกรธ แต่อ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ ใบหน้าคมคายยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นเยียบ
“ฉันจำหน้าเธอไว้แล้ว...แม่สาวชุดแดง” น้ำเสียงเขาไม่ได้ขู่แต่มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังโดนหมายหัว
ร่างสูงหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งไว้แค่รอยยิ้มเย็น ๆ กับคำพูดที่ทำให้สติของเธอแตกกระเจิง
หอพักแพทย์หญิง ตึกศิริบวร ม.เวชธารา
แสงแดดยามเช้ารอดผ่านม่านโปร่งเข้ามาอาบผิวสาวที่นอนคุดคู้บนเตียงเดี่ยว ผ้าห่มพันรอบขาจนยุ่งเหยิงไม่ต่างจากสภาพในหัวของเธอ ร่างบางใต้ผ้าห่มขยับเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้น คิ้วขมวดแน่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าแดงจัดจากอาการแฮงค์
“อื้อ...ปวดหัวจัง...”
มือเรียวเล็กกุมขมับเบาๆ มองไปรอบห้องด้วยสายตาเลื่อนลอย เท้าขวาที่บวมเล็กน้อยยังรู้สึกระบมอยู่ ความทรงจำเมื่อคืนไหลย้อนกลับมาอย่างช้าๆเหมือนภาพช้าในหนัง
ก่อนจะทันนึกภาพให้ชัด
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนจากมือถือดังขึ้น เธอคว้ามาดูแบบยังมึนๆ นัยน์ตาหวานเบิกโพลงด้วยความตกใจ
หัวเรื่องอีเมล : ใบแจ้งค่าซ่อมรถยนต์ Fenglan Group Holdings
“เรียน คุณดาหวัน ศิริวรากุล
บริษัทเฟิงหลานกรุ๊ปขอแจ้งค่าเสียหายจากเหตุการณ์เมื่อคืน ยอดรวมค่าซ่อมรถยนต์: 3,680,000 บาท กรุณาชำระภายใน 7 วัน แนบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อความโปร่งใส”
แนบไฟล์ : Video_04-58_AM.mp4 | ภาพนิ่ง [3 รูป]
ใบหน้างัวเงียเมื่อครู่นิ่งงันไปหลายนาที ก่อนจะอ้าปากค้างทันทีที่กดเปิดรูปภาพ
ในภาพ...เธอยืนอยู่ตรงลานจอดรถในชุดเดรสสีแดง ขาขวายกขึ้นสูง ภาพมุมตรงแบบ HD ขณะเท้าเธอกระแทกประตูเบนซ์หรูอย่างจัง
“ตายแล้ว!!!...นี่มัน...หลักฐานชัดเจนเลย...”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!” เสียงกรี๊ดลั่นห้องจนเพื่อนห้องข้างๆต้องทุบผนังเตือน เธอโยนมือถือลงเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงกับพื้นเหมือนวิญญาณออกจากร่าง
“นี่มันไม่ใช่ฝันใช่ไหม... ฮืออออออ”
ชีวิตของดาหวัน ศิริวรากุล นักศึกษาแพทย์ปีสอง กำลังพังพินาศด้วยการ “เตะรถผิดคัน”
-อีกด้าน-
ตึกสำนักงานใหญ่ เฟิงหลานกรุ๊ป ห้องประชุมชั้น 38
ผนังห้องกระจกใสสะท้อนแสงอาทิตย์ลงบนโต๊ะไม้โอ๊คหรูหราที่ยาวเกือบห้าเมตร ชายสองคนในชุดสูทนั่งอยู่ปลายโต๊ะฝั่งตรงข้ามกัน ท่ามกลางความเงียบ
ชายร่างสูงในวัยสามสิบต้นๆ ใบหน้าคมเฉียบไร้อารมณ์ สวมสูทสีดำตัดพอดีตัว เฟิงหลาน ไคหลง ประธานบริษัท เจ้าของฉายา มังกรดำแห่งเฟิงหลาน
อีกคนคือชายหนุ่มตาคมในชุดสูทสีเทาอมฟ้า ท่าทางสุขุม เสิ่น จวิ้นเหวิน ซีอีโอแห่งต้าเหรินกรุ๊ป หนึ่งใน Black Core 05
เสิ่นจวิ้นกำลังเปิดไฟล์บนแท็บเล็ตด้วยท่าทีสบายๆ เลิกคิ้วแล้วหันมาถามด้วยเสียงนิ่งแต่มีแววขำแฝงเล็กน้อย
“นายคิดจะปล่อยเด็กหมอคนนั้นไปง่ายๆ เหรอ?”
ไคหลงไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ แค่พริบตาช้าๆ พลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
“ไม่” เสียงตอบบางเบาทุ้มลึก แต่ชัดเจนพอให้ทั้งห้องหยุดนิ่ง
เขาวางแก้วลงอย่างนุ่มนวล ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง
“เธอยังติดหนี้...และกูมีวิธีเก็บ”