ตอนที่ 4 งานแรกในฐานะลูกหนี้

2177 Words
ล็อบบี้คอนโดหรู อินทิราสวีทส์ “แม่บ้านเข้าเวรค่ะ” เสียงดาหวันเอ่ยกับพนักงานต้อนรับตรงเคาน์เตอร์อย่างสุภาพ ขณะวางไม้ถูพื้นลงข้างตัว เธอสวมเสื้อยืดตัวหลวม กางเกงวอร์มซีดๆ ผมสีบอร์นอ่อนรวบสูง ใบหน้าหวานไร้เมคอัพโชว์ความโทรมที่ยังคงเหลือจากความพังของชีวิตเมื่อคืนก่อน พนักงานหญิงเงยหน้าขึ้นมองทันทีที่ได้ยินเสียง ก่อนจะผงะเล็กน้อย ขยับแว่นเบาๆราวกับยังไม่แน่ใจว่านี่คือแม่บ้านจริงหรือหลุดมาจากกองถ่ายซีรีส์ช่องดัง “เอ่อ...ขอโทษนะคะ คุณคือ...?” “ดาหวัน ศิริวรากุล” เธอตอบกลับเรียบๆ หยิบมือถือเปิดอีเมลแนบไฟล์ “มีคำสั่งงานจากคุณเฟิงหลาน ให้ฉันขึ้นไปชั้น 38 ตอนนี้” เสียงคำว่า “คุณเฟิงหลาน” ทำเอาอีกฝ่ายเงียบไปในทันที ก่อนจะพยักหน้าแล้วเรียก รปภ. “เดี๋ยวให้คุณหมอไปกับผมนะครับ” รปภ.ชายวัยกลางคนรับคำ ยิ้มบางๆอย่างเห็นใจแต่ไม่กล้าแสดงออกชัด ภายในลิฟต์เงียบสนิท ดาหวันยืนถือไม้ถูพื้นไว้แนบลำตัว หันหน้าเข้าหากระจกข้างฝา ภาพสะท้อนในนั้นดูไม่ต่างอะไรจากตัวตลกเวอร์ชั่นหมอฝึกงานที่ยังไม่ทันได้จบก็กลายเป็นลูกหนี้มาเฟีย 'หนี้ 3.6 ล้าน...' 'ไม้ถูพื้นกับยางมือคู่ละสิบห้า...' 'แล้วชั้นบนสุดคืออะไร...บัลลังก์ของมังกรรึไง?' ติ๊ง! เสียงลิฟต์ดงัขึ้นเมื่อถึงชั้น 38 ประตูห้องหรูหมายเลข 3801 เปิดออกช้าๆ แต่ไม่มีใครยืนรอแม้แต่เลขาหรือเสียงตอบรับใดๆ “หรือเขาไม่อยู่?” เสียงหวานบ่นกับตัวเอง พลางยื่นหน้าเข้าไปให้พอมั่นใจว่าไม่โดนซุ่มยิง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนั้น คอนโดแบบดูเพล็กซ์เปิดโล่งทุกตารางเมตร พื้นหินอ่อนสีเทาเย็นยะเยือก ห้องรับแขกที่มีโซฟาหนังสีดำจัดวางอย่างพิถีพิถัน ทุกมุมเหมือนถูกจัดโชว์มากกว่าใช้งานจริง คนตัวเล็กเดินช้าๆพร้อมลมหายใจเบา “เงียบเกิน...นี่มันหนังฆาตกรรมตอนตีห้ารึเปล่าวะ” ร่างบางเดินผ่านโต๊ะอาหาร ทิ้งถุงมือยางลงบนเก้าอี้ไม้เนื้อแข็งแล้วเริ่มปูผ้าเตรียมเช็ดพื้น ความรู้สึกไม่ปลอดภัยพุ่งสูงขึ้นทุกวินาทีที่ไร้การปรากฏตัวของเจ้าของห้อง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ…กลิ่นน้ำหอม กลิ่นหรูแนววูดดี้แบบผู้ชายที่ควบคุมทุกอย่างในชีวิต กลิ่นเดียวกับคืนที่เขาเดินออกมาจากเงามืด...คืนที่เธอเตะรถเขา ใบหน้าหวานหันกลับช้าๆ แต่ด้านหลังยังว่างเปล่า “ใจเย็นๆ ดาหวัน...อย่าหลอน” มือเรียวเล็กหยิบไม้ถูพื้นขึ้น เริ่มต้นลากไปบนพื้นหินอ่อนที่สะท้อนแสงยามเช้าจากกระจกบานใหญ่ เสียงไม้ครูดกับพื้นเป็นจังหวะเหมือนเสียงหัวใจของเธอเองที่กำลังเต้นแข่งกับความสงสัย ดาหวันเริ่มต้นขัดพื้นหินอ่อนจากริมหน้าต่าง ไล่เข้ามาทีละแผ่นอย่างระมัดระวัง ราวกับทุกตารางนิ้วของคอนโดหรูแห่งนี้มีมูลค่ามากกว่าค่ารักษาพยาบาลในห้อง ICU ตลอดชีวิตเธอรวมกัน พื้นสะอาดอยู่แล้ว แต่เธอก็ต้องเช็ดซ้ำ เพราะ ‘ตารางเวลาใช้หนี้’ ที่แนบมากับสัญญาคือ “ทำความสะอาดทุกวัน” ซึ่งไม่ได้ระบุไว้เลยว่า “ห้ามเช็ดพื้นสะอาดอยู่แล้ว” “อีดา...เรียนหมอมาเพื่อมาขัดพื้นหินอ่อนให้มาเฟีย? เกียรติของฟอร์มาลีนอยู่ตรงไหน!?” เสียงบ่นอุบอิบกับตัวเองขณะคุกเข่าเปลี่ยนผ้าแห้งในมือ แล้วหยิบผืนใหม่จากกระเป๋าผ้า กลิ่นหอมของน้ำยาทำความสะอาดที่ทางคอนโดจัดไว้ กลับถูกรบกวนด้วยกลิ่นอื่นที่คุ้นจมูกยิ่งกว่า...กลิ่นของเขา ร่างบางลุกขึ้น เดินผ่านโต๊ะอาหารไปยังโซนห้องครัว คอนโดของไคหลงออกแบบเหมือนห้องแสดงศิลป์มากกว่าที่อยู่อาศัยจริง เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้นเป็นแบรนด์นำเข้าจากอิตาลี ตู้เย็นเป็นแบบประตูเปิดสไลด์จากเซนเซอร์และไมโครเวฟ...มีระบบสแกนลายนิ้วมือ “เวร...นี่แค่จะอุ่นข้าวต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยเหมือนห้องลับ CIA เลยเหรอ” ใบหน้าขาวเนียนส่ายไปมา กอดไม้ถูพื้นแน่นขึ้นเหมือนกำลังถืออาวุธไม่ใช่เพราะกลัวโจร...แต่เพราะกลัวจะทำอะไรพลาดแล้วต้องผ่อนเพิ่มอีกสามล้าน เมื่อเช็ดครัวจนแน่ใจว่าไม่มีเศษฝุ่นแม้แต่มิลลิกรัม ดาหวันจึงเดินต่อไปยังห้องนอน มือบางผลักประตูเบาๆด้วยความระแวงไม่แน่ใจว่าในนั้นจะมี ‘มาเฟีย’ หรือ ‘ระเบิดเลเซอร์’ ซ่อนอยู่ ห้องนอนใหญ่สไตล์โมเดิร์นสุดหรู อ่างจากุซซี่ตั้งอยู่ติดกระจกบานสูง มองเห็นวิวเมืองทั้งแนว พื้นไม้แท้ขัดเงา โต๊ะหัวเตียงไม่มีฝุ่นแม้แต่เส้นผมและตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่แบบวอล์กอินที่เปิดเผยอยู่เล็กน้อย เธอเดินเข้าไปช้าๆมองแผงเสื้อเชิ้ตเรียงสีเทา ดำ กรม ขาว ราวกับจัดโดยเอไอ แต่ละตัวแขวนห่างกันเป๊ะเหมือนวัดด้วยไม้บรรทัดและทุกตัว...หอมกลิ่นเดียวกัน ...กลิ่นแบบเดียวกับวันนั้น เธอยืนสูดอากาศเบาแววตาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด พึมพำในลำคอขณะยิ้มมุมปาก “ใช่สิ...กลิ่นผู้ชายแพงที่ฉันเคยเหวี่ยงใส่ไง” เสียงแผ่วเบาสะท้อนในห้องเงียบ มือเเล้วปิดตู้เสื้อผ้า หมุนตัวหันหลังกลับ ทว่าเธอกลับไม่รู้เลยว่า ประตูอีกฝั่งที่ปิดไว้เงียบสนิทตลอดชั่วโมงนั้น กำลังมีใครคนหนึ่งยืนอยู่หลังบานประตู มือถือกาแฟ ฟังเธอพูดคนเดียว ไคหลงไม่แสดงสีหน้า แต่แววตาเปลี่ยนชั่วครู่ ก่อนจะหลุบสายตาลงแล้วเดินกลับเข้าห้องทำงาน กลิ่นน้ำยาถูพื้นยังวนเวียนในอากาศ เสียงถูพื้นแผ่วเบาลงคล้ายหมดแรงพอ ๆ กับเจ้าของผ้าถู หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปิดฝาถังน้ำอย่างเด็ดขาด หมุนฝาให้แน่นราวกับปิดบัญชีกับวันที่แสนเหนื่อย แล้วหันไปหยิบถุงมือยางที่วางไว้ข้างโซฟาอย่างอ่อนล้า เธอลากสังขารตัวเองไปยังประตูอย่างเงียบเชียบ เงียบเสียจนใครเห็นก็คงคิดว่าเธออยู่คนเดียวมาตลอดหนึ่งชั่วโมงเต็ม มือเรียวเอื้อมคว้าลูกบิด อีกข้างถือโทรศัพท์แน่น ในหัวว่างเปล่ายกเว้นความคิดเดียวที่ก้องไปมา 'กลับหอไปนอนโง่ ๆ เถอะ อย่างน้อยคืนนี้ขอไม่ต้องฝันถึงหน้าเจ้าหนี้คนนั้นก็ยังดี…' แกร๊ก! เสียงล็อกประตูอัตโนมัติดังขึ้นด้านหลัง ไม่ใช่เสียงจากฝั่งประตูหน้า ดาหวันสะดุ้งเล็กน้อย ไหล่ทั้งสองแข็งขึ้นราวกับโดนฉีดยาชา มือยังจับลูกบิดแน่น แต่หัวใจเต้นผิดจังหวะ เสียงรองเท้าหนังขยับผ่านพรมอย่างแผ่วเบามาจากมุมมืดด้านในของห้อง ชายหนุ่มในเงาสลัวนั่น...เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แล้วอยู่เงียบๆตรงนั้นมาตลอดเลยหรือ? ไคหลงเดินออกมาจากประตูบานทึบที่เชื่อมต่อกับห้องทำงาน สูทสีเข้มตัดกับแสงแดดเช้าที่ส่องลอดม่านลงมา กาแฟดำในมือยังมีไอน้ำจางๆลอยขึ้นจากขอบแก้ว ใบหน้าเขาเรียบสนิทเหมือนคนที่เพิ่งนั่งดูหุ้นขึ้นลง ไม่ใช่จับตามองเธอมาตลอดทั้งเช้า “เธอเช็ดพื้นผิดจุด รอยรองเท้ายังอยู่” เขาหยุดยืนห่างจากเธอราวห้าเมตร เสียงที่หลุดออกมาราบเรียบจนน่าขนลุกเหมือนใบมีดเฉือนผ่าน แววตาเขากดนิ่งคล้ายกับว่ารอยนั้นคือความผิดอาญาหรือไม่ก็เทียบเท่ากับการประกาศสงครามในคอนโดส่วนตัวของมาเฟีย ดาหวันหันขวับ แก้มแดงจนดูเหมือนเขิน แต่เปล่าเลย! เธอเหนื่อยจะตาย หงุดหงิดจนอยากปารองเท้าและท้องก็ร้องประหนึ่งจะกินใครได้แล้วเดี๋ยวนั้น “ขอโทษค่ะคุณเจ้าหนี้สูงวัย ฉันลืมเอากล้องจุลทรรศน์มาส่องหาความสะอาดค่ะ” ดาหวันแสยะยิ้มขณะพูด ไม่รู้เลยว่าคำพูดเชือดเฉือนของเธอได้เดินตรงเข้าหูของคนที่ขึ้นชื่อเรื่องไม่เคยพลาดแม้แต่เส้นฝุ่น ไคหลงนิ่งไปครู่หนึ่ง กาแฟในมือยังไม่สั่น แต่ปลายนิ้วกระชับแก้วแน่นกว่าเดิมเพียงเสี้ยววินาที “เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?” เขาเอ่ยช้าๆน้ำเสียงเย็นจัดพอจะทำให้อุณหภูมิในห้องลดลง ร่างบางนิ่งงัน คิ้วกระตุกวูบ ไหล่กระตุกเหมือนอยากยกมือตบปากตัวเอง แต่ก็นั่นแหละคนอย่างเธอ ถ้าจะถอยคงไม่ใช่ดาหวัน “ก็... ‘คุณเจ้าหนี้สูงวัย’ ไงคะ หรือคุณจะชอบ ‘มังกรหน้าเลือด’ มากกว่า?” ท่ามกลางความเงียบชนิดที่แม้แต่เสียงกาแฟหยดจากไอน้ำยังดังเกินเหตุ ไคหลงเลื่อนสายตามองเธอจากศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนพูดด้วยเสียงเรียบจัดจนเธอขนลุก “ฉันไม่สนใจว่าคนอื่นจะเรียกฉันว่าอะไร แต่เธอ...ต้องเรียกฉันว่า ‘คุณไคหลง’ เข้าใจมั้ย ดาหวัน” ชื่อของเธอหลุดออกจากปากเขาแบบเฉียบคมและฝังลึกจนหัวใจสะดุ้ง เขายืนนิ่งเพียงอึดใจเดียว ทว่าสายตากลับทำหน้าที่รวดเร็วกว่าคำพูด กวาดต่ำจากใบหน้าเธอ ไล่ลงมาตามลำคอ ผ่านเนินอกที่แนบชิดอยู่ในชุดวอร์มเปียกเหงื่อ จนเนื้อผ้าบางแนบลู่ไปกับส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายอย่างน่าประชด ดาหวันสะดุ้งเล็กน้อย รู้ทันในวินาทีแรกที่ปลายตาเขาเลื่อนต่ำ แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ไอเย็นร้อนปะปนกันในแววตานั้นชัดเจนจนแทบจะจับต้องได้ เธอรีบยกไม้ถูพื้นขึ้นมากอดแน่น ราวกับมันเป็นโล่เหล็กกันสายตาเจ้าหนี้จอมซึนคนนั้น “อย่ามองนะคะ! มารยาทคุณไปไหนแล้วเนี่ย!” เสียงของเธอแหลมขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจและเขินอาย ใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาจนแดงซ่าน “ถ้าคุณจะคิดค่าไม้ถูพื้นเพิ่ม ฉันขอลาออกเลยตรงนี้นะคะ!” ดาหวันเชิดหน้าใส่พลางกอดไม้ถูพื้นแน่นกว่าเดิม ก้าวเท้าขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างท้าทาย ทั้งที่หัวใจเต้นตุบๆด้วยความเขินและหงุดหงิดปนกัน แต่ไคหลงไม่ได้ขยับสักนิด เขายืนนิ่งขวางอยู่หน้าประตูอย่างใจเย็น ราวกับภูเขานิ่งสงบที่ไม่มีทางจะปีนผ่านไปได้ง่ายๆ พลางเหลือบตามองเธอ พูดเสียงเรียบเย็นจัด แต่ชัดเจนจนเธอเหมือนโดนกระชากให้ยืนตรง “ไม่มีใครอนุญาตให้เธอลาออก” ร่างบางแข็งค้าง เท้าหยุดกลางอากาศ เสียงในอกดังลั่นจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน “ข...ขอโทษนะคะ?” เธอถามกลับอย่างไม่อยากเชื่อหู คนแก่กว่าไม่ได้ตอบทันที เพียงยกแก้วกาแฟขึ้นจิบเบาๆ ดวงตาคมจับจ้องเธอเหนือขอบแก้ว “เธอเป็นคนก่อหนี้ เธอไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรเอง...จนกว่าจะหมดหนี้” เสียงนั้นราบเรียบ แต่ถ้อยคำกลับเหมือนตรวนหนักที่พันธนาการเธอไว้อย่างไร้ทางหนี “หรือจะให้คิดค่าไม้ถูพื้นด้วยจริงๆก็ตามใจ...” เขาเว้นจังหวะ คลี่ยิ้มบางๆเย็นยะเยือก “ไม้ละพัน...คิดดอกวันละสิบเปอร์เซ็นต์” “คุณมันปีศาจ!” ดาหวันร้องขึ้น หน้าแดงซ่านทั้งจากความโกรธและความอาย ก่อนจะเบือนหน้าหนีแต่ยังไม่กล้าเดินฝ่าเขาออกไป “ปีศาจก็ยังใจดี... ที่ยังปล่อยให้เธออยู่ในคอนโดฉันโดยไม่คิดค่าอากาศ” น้ำเสียงของเขากดต่ำ ข้างในฟังดูเหมือนล้อ แต่แววตาไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด เธอหลบสายตาเขาเล็กน้อย หัวใจกลับเต้นแรงผิดจังหวะขึ้นมาโดยไร้เหตุผล ร้อนผ่าวตรงหน้าอกทั้งที่แอร์ในห้องเย็นจนแขนขนลุก เพื่อกลบความรู้สึกประหลาดที่ตัวเองยังไม่อยากยอมรับ “ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ เดี๋ยวจะสายไปเรียน...คาบชำแหละศพ” ดาหวันจงใจเน้นคำสุดท้าย แล้วเดินผ่านเขาไปโดยไม่หันกลับมามอง เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังเป็นจังหวะเร่งรีบที่ฟังออกว่าเธออยากออกจากสถานการณ์นี้ให้เร็วที่สุด แต่ในขณะที่เธอผลักประตูออกไปและหายลับไปจากห้อง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยอำนาจเงยหน้าขึ้น มองตามแผ่นหลังเล็กๆนั่นผ่านบานประตูที่เพิ่งปิดลง ดวงตานิ่งขรึมแต่ในแววตากลับมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ มุมปากเขายกขึ้นนิดเดียว แบบที่ต่อให้เธอหันกลับมาก็อาจดูไม่ออก “ชำแหละศพ...แล้วใครจะชำแหละเธอก่อนล่ะหมอดื้อ...” เขาพึมพำในลำคอ ริมฝีปากแตะกับขอบแก้วกาแฟ กลิ่นหอมขมแทรกผ่านปลายจมูก แต่ไม่อาจกลบความรู้สึกบางอย่างในใจที่เริ่มจะไม่เป็นกลาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD