PK PUB
เสียงดนตรีดังกระหึ่มกึกก้องในโสตประสาทขณะผมก้าวเข้ามาภายในผับ ที่นี่เป็นธุรกิจครอบครัวของผมเอง แต่เดิมที่นี่ใช้ชื่อว่า T-CLUB เป็นไนซ์คลับที่ก่อตั้งโดยปู่นำทัพกับปู่พันไมล์และตกทอดมาที่ป๊านับพันของผม
จนกระทั่งเวลานี้มันกลายเป็นของผมแล้ว ผมจึงจัดการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงให้มันเข้ากับยุคสมัยเสียหน่อย เพราะถ้าจะนับกันจริง ๆ ที่นี่ก็อยู่มาเกือบห้าสิบปีแล้วมั้ง มันโบราณและนานมาก และนอกจากจะปรับปรุงตัวไนซ์คลับใหม่แล้ว ผมยังเปลี่ยนชื่อให้มันกลายเป็นผับอีกด้วย ซึ่ง PK ย่อมาจาก ปารกุล ชื่อตระกูลของผมเอง
ความจริงป๊าผมคิดจะปิดที่นี่นะ ป๊าบอกว่ามันเปิดมานานพอแล้ว อยากจะปิดกิจการลงแล้วปล่อยให้ผับใหม่ ๆ ในย่านนี้แจ้งเกิดบ้าง แต่ผมเห็นแล้วรู้สึกเสียดายน่ะ ปู่เคยบอกว่าที่นี่เป็นเหมือนชีวิตและจิตวิญญาณของท่าน เพราะท่านสร้างมันมากับมือ แถมยังมีความทรงจำมากมายเกี่ยวกับคุณย่าอยู่ที่นี่อีกด้วย ผมเลยไม่อยากให้มันต้องปิดตัวลง เปิดต่อไปมันก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรนิ ถ้าเราปรับปรุงมันใหม่ทั้งหมดที่นี่ก็กลับมาทันสมัยได้เหมือนเดิม
“อ้าวเฮีย วันนี้มาด้วยเหรอ?”
ผมเดินมานั่งที่ประจำหน้าบาร์ซึ่งมีบาร์เทนเดอร์หัวทองยืนบริการอยู่ ไอ้นี่ชื่อ ‘ไนซ์’ เป็นรุ่นน้องที่คณะผมเอง มันเทพด้านผสมเหล้ามากเลยขอมาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ ผมขี้เกียจขัดเลยให้แม่งมาทำ ทั้งที่จริง ๆ บ้านมันก็รวยนะ แต่ไม่รู้ทำไมอยากทำงานพวกนี้
“เออ มาหาเหล้าแดกนิดหน่อยเดี๋ยวก็กลับล่ะ”
“เหมือนเดิมสินะ รอแป๊บ” ไอ้ไนซ์หันไปผสมเหล้าให้ผมอย่างรู้งาน ท่าทางเขย่าเชคเกอร์ของมันนี่เท่บาดใจจริง ๆ สาว ๆ หน้าบาร์หันมองกันตาเยิ้มเลย “อ่ะเฮีย ได้แล้ว รับรองนิ่มคอ”
ผมรับแก้วมาดื่มแล้วเลิกสนใจไอ้ไนซ์ ปล่อยให้มันไปบริการสาว ๆ ต่อ แต่พอนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ผมก็ควักมือเรียกมันกลับมาอีกรอบ ไอ้บาร์เทนเดอร์หน้าหล่อมันส่งยิ้มให้สาว ๆ ก่อนจะเดินมาหาผมสองคิ้วขมวด
“มีไรอีกเฮีย จะเอาอีกแก้วเหรอ?”
“เปล่า ๆ กูมีเรื่องสงสัยอยากจะถามมึงนิดหน่อย”
“เรื่อง?”
“กูอยากรู้ ปีนี้บ้านมึงมีเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้าใช่มะ?” ผมเกริ่นด้วยน้ำเสียงปกติ ไอ้ไนซ์ขมวดคิ้วใส่ผมไม่เลิกแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ “เออ แล้วมีผู้หญิงที่ชื่อหยาดฟ้าด้วยหรือเปล่า”
“หยาดฟ้า? ฟ้าไหนวะเฮีย…” ไอ้ไนซ์ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองงุนงง พาให้ผมงงไปด้วย ก็จะไม่ให้งงได้ไงล่ะในเมื่อไอ้นี่มันอยู่บ้านแฟร์รี่นี่หว่า แล้วยัยตัวดีที่บังอาจหักหน้าผมเมื่อคืนก็บอกว่ามาจากบ้านหลังนั้น เพราะงั้นไอ้ไนซ์ก็ต้องรู้สิวะ “อ้อ! จำได้ล่ะ! ยัยอดีตดาวคณะจอมฉาวนั่นใช่ป่ะ”
โป๊ะเชะเลย! ถ้าฉายาแรง ๆ แบบนี้ก็มียัยนั่นอยู่คนเดียวแหละ
“อืม เธอย้ายเข้าบ้านมึงใช่มะ”
“ใช่ ๆ เพิ่งย้ายมานะ ตอนแรกผมก็แปลกใจอยู่ เพราะยัยนั่นอยู่ปีสามเท่าผมเลย ไม่รู้ทำไมอยู่ ๆ ก็ย้ายบ้านกลางคันแบบนี้”
เออ ผมก็สงสัย เพราะนักศึกษาที่นี่ส่วนมากจะอยู่บ้านไหนบ้านนั้นตั้งแต่ปีหนึ่งยันเรียนจบน่ะ ส่วนน้อยมากที่จะย้ายบ้านถ้าไม่เส้นใหญ่จริง ๆ เพราะการทำเรื่องย้ายระหว่างบ้านมันค่อนข้างยุ่งยาก ส่วนมากจึงเลือกที่จะทน ๆ อยู่ไป
“แต่ผมได้ยินพวกในบ้านคุยกันว่ายัยดาวจอมฉาวนั่นดันไปมีเรื่องกับลูกคุณหนูคุณนายที่บ้านหลังเก่านะ ไม่แน่ใจว่าโดนทางนั้นจับย้ายหรือเธอย้ายตัวเองมาเอง”
“ลูกคุณหนูคุณนาย? ใครวะ บ้านหลังไหน?”
“แหม ก็แม่สาวพราวดาวบ้านเซเลป เด็กเฮียไง”
ผมชะงักแก้วในมือพลางเหลือบตามองมันนิ่ง ๆ ไอ้ไนซ์บิดยิ้มมุมปากก่อนจะเดินกลับไปบริการสาว ๆ ต่อ ผมวางแก้วเหล้าในมือลงบนบาร์ สองคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
ยัยตัวร้ายนั่นไปมีเรื่องอะไรกับพวกเซเลปนะ เวรเอ๊ย ต่อมเผือกสั่นเลยกู!
.
.
.
[บทบรรยาย หยาดฟ้า]
ชาติที่แล้วฉันคงทำบุญกับพวกบ่าง ค่าง ชะนี ไว้เยอะมั้ง ชาตินี้ถึงโดนสัตว์พวกนี้ตามขอส่วนบุญไม่หยุดไม่หย่อนแบบนี้
“จ้องหน้าฉันทำไม? อยากโดนรุมตบมากสินะ!”
ฉันถอนหายใจแรง ๆ ใส่ยัยชะนีหน้าวอกตัวหนึ่งซึ่งกำลังยืนประจันหน้ากับฉันอยู่โดยมีเหล่าสมุนบ่างของนางล้อมรอบเป็นวงเหมือนต้องการกักกันไม่ให้ฉันหนีไปไหน
เสียงดนตรีบีทหนัก ๆ เร่งจังหวะขึ้นเรื่อย ๆ ตามบรรยากาศสุดมันส์ภายใน PK PUB สถานบันเทิงอันมีชื่อในย่านนี้ และถ้าฉันรู้ว่าการเข้ามาเหยียบที่นี่จะทำให้ต้องพบเจอกับเหล่าชะนีหน้าวอกพวกนี้ล่ะก็ ฉันคงจะไม่ก้าวย่างเข้ามาเด็ดขาด
ไม่ใช่ว่ากลัว… แต่รำคาญมาก! ย้ำว่าโคตรมาก!
“ถามจริง เธอทำอย่างอื่นเป็นบ้างไหมนอกจากไล่กัดฉันไม่เลิกกับชอบหมาหมู่ใส่แบบนี้” ฉันกอดอกถาม สายตามองเชิดไร้ความเกรงกลัว คนอย่างฉันไม่เคยกลัวใครอยู่แล้วโดยเฉพาะพวกเหลือบไรที่วัน ๆ จ้องแต่จะหาเรื่องชาวบ้านอย่างยัยพวกนี้เนี่ย ฉันสู้ยิบตานะบอกเลย!