หมอนี่มันโรคจิตเกินเยียวยา!
ฉันหมายถึงนับกาลน่ะ เขาบ้าเกินไปแล้ว บ้าจนไม่น่าเกิดมาพบมาเจอกันเลยด้วยซ้ำ โคตรเป็นตัวอันตรายสุด ๆ ใครจะคิดว่าหมอนี่จะกล้าบุกขึ้นมาบนห้องฉันกลางดึกแบบนี้ นี่เขาเป็นถึงลูกหลาน ผอ. เลยนะ ทำไมถึงกล้าทำเรื่องเลว ๆ ได้ขนาดนี้กัน
มันเริ่มจากตรงที่นับกาลบุกรุกเข้ามาในห้องฉันด้วยท่าทางคุกคาม แถมยังตั้งคำถามบ้าบอคอแตกเกี่ยวกับเพลิงศูรย์และนับฝัน และถ้าเดาไม่ผิดหมอนี่คงจะเห็นเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นสินะ เหตุการณ์ที่ฉันจงใจนัดเพลิงศูรย์ไปเจอที่หน้าคณะต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นน่ะ
ความจริงฉันก็พอรู้ข่าวมาบ้างว่านับกาลน่ะรักและหวงน้องสาวมาก นี่ขนาดนับฝันเพิ่งจะเข้ามาเป็นเฟรชชี่ได้ไม่ถึงเดือนเองนะ กิตติศัพท์จงอางหวงไข่ของหมอนี่ยังดังกระฉ่อนขนาดนี้เลย
แต่ก็นะ… ถ้าจะหวงมากขนาดนี้ เอาโซ่มาล่ามไว้เลยซิคะ!
ปึก!
จบความคิดในหัวฉันก็ใช้จังหวะที่คนเหนือร่างเผลอกระทุ้งเข่าใส่ปราการด้านล่างของเขาเต็มแรง นับกาลสะดุ้งโหยงพร้อมกับคดตัวทันที ฉันอาศัยจังหวะนั้นผลักร่างสูงออกแล้วลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็ว และไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากความ สองเท้าวิ่งหนีไปทางหน้าประตูห้องแล้วเปิดออก…
หากทว่า…
“คิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอยัยตัวร้าย!”
“อ๊ะ!” ฉันอุทานออกมาได้แค่นั้นเมื่อเอวคอดถูกวงแขนแกร่งตวัดรัดเอาไว้ เขาใช้มืออีกข้างดันประตูปิดขณะลากฉันกลับเข้ามาในห้องเช่นเดิม ฉันอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ เพื่อให้ใครสักคนในบ้านตื่นมาช่วยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่า…
“จะร้องก็ได้นะ เรียกคนมาช่วยเลยถ้าไม่กลัวพรุ่งนี้จะตกเป็นข่าวฉาวทั่วมหาลัย” นับกาลกระซิบเสียงหยันข้างใบหู เขาทำฉันขนลุกเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วเนี่ย! “อดีตดาวคณะจอมฉาวแหกกฎแอบหิ้วผู้ชายขึ้นห้อง เปิดมหกรรมเริงรักเสียงดังจนคนทั้งบ้านแตกตื่น”
“ไอ้…” ไม่รู้จะสรรหาคำด่าอะไรมาด่าไอ้บ้าโรคจิตนี่เลยจริง ๆ ช่างเต้าข่าวได้อุบาทว์ที่สุด แค่ฟังก็โมโหแล้ว!
“ไอ้หล่อใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องด่าหรอกฉันรู้ตัว”
“ไอ้โรคจิตต่างหากล่ะ! ปล่อยฉันสักที! นายต้องการอะไรกันแน่!” ฉันถามอย่างหมดความอดทน สายตาจ้องอาฆาตแค้น พูดเลยว่าชาตินี้ฉันไม่มีวันญาติดีกับหมอนี่แน่! เขาเปิดศึกกับฉันก่อนนะ! คนอย่างหยาดฟ้าไม่เคยยอมให้ใครมาทำร้ายฟรี ๆ แน่!
คอยดูเถอะ! ฉันจะเอาคืนให้สาสมเลย!
“ฉันต้องการให้เธอเลิกยุ่งกับน้องสาวฉัน”
“แล้วฉันไปยุ่งอะไรยัง?”
“หมายถึงเธอต้องเลิกยุ่งกับไอ้เพลิงศูรย์ด้วย เพราะมันต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เคยทำไว้กับนับฝัน คนอย่างมันไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีกนอกจากน้องสาวฉันคนเดียวเท่านั้น”
“…” ฉันนิ่งฟังเหตุผลควาย ๆ ของนับกาลอย่างไม่เข้าใจ ทำไมเขาต้องบังคับให้เพลิงศูรย์ทำอะไรแบบนั้นด้วย ทำไมต้องพยายามเอาน้องสาวตัวเองใส่พานถวายเพลิงศูรย์จัง… ชักอยากจะรู้ซะแล้วสิ
“ที่เงียบนี่คือเข้าใจ?”
“ไม่ แค่สงสัยว่าทำไมนายต้องพยายามยัดเหยียดผู้หญิงคนนั้นให้เพลิงด้วย?”
นับกาลไม่ตอบคำถามฉัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้พูดมากเหลือเกิน
“ทำไมเหรอ เพลิงศูรย์เคยทำน้องสาวนายท้องหรือไงถึงต้องรับผิดชอบอะไรขนาดนั้นน่ะ” ฉันบิดยิ้มเหยียดกับคำพูดลอย ๆ ที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก หากทว่ามันกลับทำให้ร่างสูงตรงหน้ามีปฏิกิริยาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ปึง!!
เสียงกำปั้นหนัก ๆ กระแทกกับบานประตูเฉียดใบหน้าฉันเพียงนิดเดียวดังขึ้น ฉันอึ้งไปหลายวินาทีกับการกระทำอันแสนป่าเถื่อนที่นับกาลทำเมื่อครู่ สีหน้าของเขาในตอนนี้นิ่งมาก… มากจนน่ากลัว
“เลิกยุ่งกับมัน… ฉันเตือนเธอแล้วนะ”
“…”
“ถ้าเธอกับมันทำให้น้องสาวฉันต้องเจ็บปวดอีก… ฉันไม่ปล่อยเธอแน่… หยาดฟ้า”
“…”
“ฉันจะตามล่า ตามขย้ำเธอให้แหลกคามือ ทำให้เธอเจ็บปวดเจียนตายมากกว่ายัยนั่นนับร้อยนับพันเท่า”
นั่นเป็นคำขู่แรกของผู้ชายคนนี้ที่ฉันสัมผัสได้ถึงความจริงจัง สีหน้าและแววตาของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าเขาทำจริงแน่ ๆ นับกาลปล่อยมือออกก่อนจะเอื้อมมือไปหมุนลูกบิดเพื่อเปิดออก โดยไม่วายหันกลับมามองฉันอีกครั้งแล้วพูดทิ้งท้าย
“ผู้หญิงอย่างเธอมีตัวเลือกเยอะอยู่แล้ว กะอีแค่ตัดไอ้เวรนั่นทิ้งไปสักคนคงไม่ลงแดงตายหรอกมั้งเลิกยุ่งกับไอ้เพลิงศูรย์ซะ ฉันเตือนครั้งสุดท้าย” พูดจบเขาก็เดินออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหอะ… นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน? นับกาลบุกรุกเข้ามาในห้องฉันกลางดึก เขาคุกคามฉันด้วยท่าทางโรคจิต แล้วยังทิ้งท้ายด้วยคำขู่บ้า ๆ นั่นไว้อีก มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?!
เลิกยุ่งอะไรกัน ตัดทิ้งอะไรกัน เพลิงศูรย์เป็นเพื่อนฉันนะ! เขาเป็นคนสำคัญของฉัน เป็นคนที่ฉันไว้ใจและเชื่อใจมากที่สุด ไม่มีทางที่ฉันจะยอมเสียเขาไปให้ใครหรอก ต่อให้คนคนนั้นเป็นน้องสาวของหมอนั่นฉันก็ไม่กลัว!
ก็เอาสิ อยากจะอาฆาตมาดร้ายกันยังไงก็เชิญ ถ้าคิดว่าคนอย่างหยาดฟ้าจะยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียวละก็… คิดผิดแล้ว!