“เอาไงต่อเฮีย รองานจบแล้วค่อยเข้าไปคุยมะ” ไอ้ไนซ์กระซิบถามขณะสายตาจับจ้องไปทางร่างบางบนเวที หยาดฟ้าไม่ได้เต้นยั่วยวนเหมือนพวก MC บูธอื่น ๆ เธอแค่ยืนโพสต์นิ่ง ๆ และส่งยิ้มหวานโปรยไปรอบ ๆ ก็ได้ใจลูกค้าหน้าหื่นทั้งหลายแล้ว
รอยยิ้มหวานนั่น… เธอประดิษฐ์มันได้แนบเนียนมากหยาดฟ้า
นี่ถ้าผมไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน ผมคงจะหลงละเมอไปกับรอยยิ้มพิฆาตชายของเธอไปแล้ว
เชื่อแล้วว่าผู้หญิงสวยมักเต็มไปด้วยพิษร้ายน่ากลัว โดยเฉพาะรอยยิ้มหวาน ๆ ที่ฆ่าผู้ชายมานักต่อนักแล้ว
“คนอย่างกูเคยรออะไรด้วยเหรอ” มุมปากกระตุกยิ้มร้ายขณะสองเท้าก้าวไปทางด้านข้างเวทีเพื่อเดินเข้าไปหาพนักงานของบูธที่กำลังทำการขายอยู่บริเวณนั้น “ถ้าผมซื้อรถคันนั้นเดี๋ยวนี้และเวลานี้ ผมจะได้อะไรเป็นของสมนาคุณจากบริษัทคุณบ้าง?”
“คะ? อะ… อะไรนะคะ” พนักงานทำหน้าเหลอหลาตกใจ คงคาดไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะมีลูกค้ากระเป๋าหนักเดินเข้ามาทักแบบนี้สินะ
“ผมจะซื้อรถคันนั้นเดี๋ยวนี้เลย” ผมชี้นิ้วขึ้นไปบนเวที รถบิ๊กไบค์คันเท่จอดอยู่ข้างกายหญิงสาวชุดดำที่ยังคงโพสต์ท่าเป็นระยะ ๆ ก่อนจะหันกลับมาหาพนักงานอีกครั้ง “ผมจะได้อะไรตอบแทนจากบริษัทคุณบ้างไหม?”
“เอ่อ… อ้อค่ะ ถ้าคุณลูกค้าสนใจรถรุ่นนั้น ทางบริษัทเรามีของสมนาคุณ…”
“ผมไม่ต้องการของแถมพวกนั้น ผมอยากได้อย่างอื่นมากกว่า” ผมพูดแทรกพนักงานสาวที่กำลังอธิบายรายละเอียดด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เธอชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าดูงุนงงอย่างแรง
“คะ? คุณลูกค้าอยากได้อะไรแทนเหรอคะ?”
“ผมอยากได้เวลาจาก MC คนนั้นสักสองชั่วโมง คุณพอจะจัดการให้ผมได้ไหมล่ะ” มุมปากยกยิ้มร้ายขณะสายตาคมกริบจ้องมองไปทาง MC สาวสวยคนดังกล่าว พนักงานสาวมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
“คือว่า… ทางบริษัทเราไม่มีนโยบายแบบนั้นนะคะ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ”
“ผมไม่ได้บังคับให้บริษัทคุณทำนี่ครับ แต่ผมอยากให้คุณลองไปคุยกับเธอดูก่อน เธออาจจะยอมก็ได้นะ อีกอย่างผมก็แค่จะชวนเธอไปทานข้าวด้วยเฉย ๆ ไม่ได้คิดจะทำอะไรไม่ดีนะครับ แล้วทางคุณก็ได้ประโยชน์จากการขายรถคันนั้นด้วย ผมคิดว่ามันคุ้มที่จะยอมเสี่ยงนะครับ” ผมพูดออกมายาวเหยียด ดูมีหลักการอย่างกับนักธุรกิจพันล้าน พนักงานสาวคนนั้นเริ่มลังเล เธอยืนนิ่งสักพักก่อนตัดสินใจพยักหน้ารับ
“งั้นดิฉันจะลองคุยกับเธอดูนะคะ รอสักครู่ค่ะ” แล้วพนักงานคนดังกล่าวก็เดินจากไป ไอ้ไนซ์รีบแทรกเข้ามายืนด้านข้างผมพร้อมกับกระซิบเสียงเบา
“เอาจริงดิเฮีย นี่อยากคุยกับเธอถึงขนาดยอมทุ่มเงินเหยียบล้านเพื่อซื้อรถเลยเหรอวะ”
“ทุ่มเงินบ้าบออะไรล่ะ กูตั้งใจจะซื้อรถคันนั้นอยู่แล้ว” ผมตอบแบบสบาย ๆ สไตล์คนรวยพลางยักไหล่ไปด้วย
“บิ๊กไบค์เนี่ยนะ? ปกติเห็นขับแต่แลมโบ”
“เออ กูก็อยากมีมอไซค์ไว้แว๊นเล่น ๆ ในมหาลัยบ้างไรบ้าง แบบไอ้นาวาไง” ผมยกตัวอย่างคนใกล้ตัวขึ้นมา ไอ้นาวามันก็มีรถนะ เผื่อยังไม่รู้
“Fino รุ่นคุณปู่กับ Ducati รุ่นท็อปเนี่ยนะเฮีย แม่งโคตรคนละสายพันธุ์เลย เหอ ๆ”
ผมทำหูทวนลมขณะจ้องมองร่างบางที่กำลังเดินเข้าไปหาพนักงานสาวคนนั้นตามคำเรียก สีหน้าหยาดฟ้าตอนนี้ดูงุนงงอย่างเห็นได้ชัด แต่อีกไม่นานหรอกเธอจะได้เปลี่ยนสีหน้าจากงุนงงเป็นเดือดดาลแน่ ๆ ที่ถูกผมใช้เงินซื้อเวลาจากเธอแบบนี้
ให้มันรู้ซะบ้างว่านอกจากฉันจะโคตรหล่อแล้วยังโคตรรวยด้วย!
.
.
.
“หยาด ๆ” เสียงเรียกจากพี่นิสา พนักงานพี่เลี้ยงที่คอยดูแลฉันมาตลอดงานดังขึ้นจากด้านหลังของเวที ฉันละสายตาจากบรรดาตากล้องหน้าเวทีกลับไปหาเธอ พี่นิสาควักมือเรียกนิด ๆ ฉันหันกลับมายิ้มหวานให้กล้องอีกครั้งก่อนจะขอตัวเดินกลับมาหลังเวที
“มีอะไรเหรอคะพี่นิสา”
“คือ… คือว่า…”
“คะ? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ทำไมสีหน้าลำบากใจจัง” ฉันขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย ปกติไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องของใครหรอก แต่ความรู้สึกมันบอกว่าสิ่งที่พี่นิสากำลังลำบากใจอยู่นั้นมันต้องเกี่ยวข้องกับตัวฉันแน่ ๆ
“คือเมื่อกี้มีลูกค้ากระเป๋าหนักคนหนึ่งเขาเข้ามาติดต่อขอซื้อรถรุ่นนั้นน่ะค่ะ เขายินดีซื้อเดี๋ยวนี้เลยด้วยนะคะ” พี่นิสาอธิบายเสียงเบา
“ก็ดีแล้วนี่คะ พี่จะได้เพิ่มยอดขายด้วย”
“แต่ว่า… เขาขออะไรบางอย่างมาน่ะค่ะ”
“ขอ? ขออะไรคะ?” ฉันงงหนักกว่าเดิมอีก
“เขา… เขาขอเวลาจากหยาดสักสองชั่วโมงน่ะสิคะ”
“ว่าไงนะคะ? !”
คราวนี้ฉันอึ้งไปเลย เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย พวกป๋า ๆ เสี่ย ๆ หัวงูทั้งหลายคิดจะยื่นข้อเสนอเพื่อเคลมฉันอีกแล้วสินะ คนพวกนี้นี่บ้าตัณหากลับจริง ๆ เลยให้ตาย! เห็นพวกพริตติ้ เอ็มซีเป็นหญิงขายบริการหรือไงกันนะ!