“พี่ขอโทษนะหยาด พี่ปฏิเสธเขาไปแล้วจริง ๆ นะ แต่เขาบอกให้พี่ลองมาคุยกับหยาดก่อน เผื่อหยาดอาจจะเปลี่ยนใจ” พี่นิสาพนมมือไหว้ขอโทษขอโพยฉันเป็นการใหญ่ ฉันรีบยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน
“ไม่เป็นไรค่ะพี่นิสา หยาดเข้าใจค่ะว่าคนประเภทนี้มันมีเยอะเกินไปในสังคม พวกที่ชอบดูถูกเพศแม่ด้วยเงินแบบนี้” ฉันรู้สึกโกรธจริง ๆ นะ พวกผู้ชายนี่น่ารังเกียจกันทุกคนเลยจริง ๆ เอะอะก็ใช้เงินฟาดหัว เห็นผู้หญิงเป็นสินค้า ตีค่าคนด้วยราคา ช่างน่าโมโหจริง ๆ
“เดี๋ยวพี่จะไปปฏิเสธเขาให้นะ หยาดไม่ต้องคิดมาก พี่แค่เดินมาถามไปอย่างนั้นแหละ เพราะเขาคงกำลังมองพวกเราอยู่”
“งั้นเหรอคะ” ฉันกวาดสายตามองรอบตัวด้วยความอยากทันที มีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมาที่ฉันตอนนี้ ซึ่งเดาไม่ถูกเลยว่าสายตาคู่ไหนเป็นของคนคนนั้น “ถ้าอย่างนั้นหยาดจะไปปฏิเสธเขาเองค่ะ”
“เอ่อ… เอาอย่างนั้นเหรอหยาด”
“ก็ในเมื่อเขาต้องการจะซื้อเวลาจากหยาด หยาดก็ควรจะไปบอกปฏิเสธด้วยตัวเองสิคะ พี่นิสาเดินนำไปเลยค่ะ” พี่นิสามีสีหน้าลำบากใจหนักกว่าเดิมแต่ก็ยอมเดินนำฉันไป
พี่นิสาพาฉันเดินมาทางด้านข้างของเวที ทุกสายตาจ้องมาทางฉันเป็นตาเดียว อาจจะเป็นเพราะชุดรัดรูปที่ฉันใส่หรือเพราะว่าฉันคือเอ็มซีบนเวทีนั่นจึงทำให้ทุกคนหันมาสนใจขนาดนี้
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะสิ่งที่ทำให้ฉันหน้าตึงทันทีที่เห็นก็คือใบหน้าหล่อ ๆ แสนกวนประสาทของใครคนหนึ่งตรงหน้าฉันตอนนี้ต่างหากล่ะ!
หมอนี่มาทำบ้าอะไรที่นี่เนี่ย!
“นาย…”
“เอ่อ… คุณลูกค้าท่านนี้แหละหยาด” พี่นิสากระซิบบอกฉัน นั่นทำให้ฉันถึงกับถลึงตาใส่เขาแทบจะทันที
“หมอนี่น่ะเหรอคะที่จะซื้อรถโดยแลกเปลี่ยนกับเวลาสองชั่วโมงของหยาด?” ฉันหันไปถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ในขณะที่นับกาลยืนยิ้มหน้าระรื่นได้น่าตบมาก
ใช่แล้ว! หมอนี่… ลูกค้าตัณหากลับที่คิดจะใช้เงินซื้อเวลาจากฉันก็คือไอ้บ้านับกาล!!
เขาบ้าหรือเปล่าน่ะ! เขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน?!
“ใช่ ฉันคือลูกค้าใจป้ำคนนั้นเอง ไงล่ะ.. อึ้งเลยดิ?” นับกาลทำหน้าทำตาเหมือนภูมิใจมากที่เขาคือลูกค้าคนนั้น ถามฉันสักคำยังว่ายินดีปรีดากับเขาไหม??
“เหอะ! ไม่เลย ไม่อึ้งสักนิด แค่คิดไม่ถึงว่านายจะโผล่มาที่นี่” ฉันกอดอกและใช้สายตามองแรงใส่เขา บรรยากาศรอบตัวมาคุขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เจ้าตัวตรงหน้าไม่ได้มีความสะทกสะท้านเลยสักนิด “งั้นก็เป็นนายสินะ ลูกค้าตัณหากลับที่ใช้เงินฟาดหัวผู้หญิงเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง”
สีหน้าระรื่นของนับกาลเมื่อครู่ชะงักไปเล็กน้อยราวกับถูกคำพูดของฉันตบหน้า เขาชักสีหน้าตึง ๆ ใส่ฉัน ดวงตาคมกริบจับจ้องกันนิ่ง
“อย่าหาว่าฉันสอนเลยนะนับกาล ผู้ชายที่ชอบใช้เงินซื้อทุกอย่างบนโลกโดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นเพศแม่น่ะมันน่ารังเกียจและน่าขยะแขยงมาก สิ่งที่นายทำอยู่มันก็แค่การอวดรวยของพวกไร้สมอง มันไม่ได้เท่เลยสักนิด และขอแนะนำให้นายเอาเงินของนายกลับไปบำบัดนิสัยตัวเองซะดีกว่า อย่ามาเสียเวลาซื้ออะไรกินแถวนี้เลย”
“นี่เธอ…” นับกาลดูอึ้งมากกับสิ่งที่ฉันพร่ำพรรณนาออกไป และไม่ใช่แค่เขาหรอกที่อึ้ง ทุกคนรอบตัวต่างก็พากันหันไปซุบซิบเช่นกัน ฉันยกยิ้มร้ายก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ร่างสูง ปลายนิ้วเรียวถูกยกขึ้นมาแตะลงบนกลางแผงอกของเขา ฉันช้อนสายตาขึ้นสบกับดวงตาคมเข้มพร้อมเสียงกระซิบที่จงใจให้ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น
“ถ้านายหิวมากจนควบคุมความอยากไม่ได้ แนะนำให้ไปหาซื้อกินที่อื่น… แต่ไม่ใช่ที่นี่!” พูดจบฉันก็ถอยตัวออกจากเขาพร้อมขยับขนเฟอร์ขึ้นคลุมไหล่ด้วยท่าทางดุจนางพญา ขณะที่นับกาลอ้าปากค้างไปแล้ว ฉันแสยะยิ้มมุมปากทิ้งทวนให้เขาก่อนจะหมุนตัวเดินหนีออกมา
ให้มันรู้ซะบ้างว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร! ถึงฉันจะดูแรงดูร้ายยังไงฉันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ!
ผู้หญิงทุกคนบนโลกล้วนมีศักดิ์ศรีในตัวเอง อย่าได้คิดมาดูถูกกันด้วยการตีค่าตีราคาเชียวนะ… หึ!
.
.
.
Rrr…
“ฮัลโหล”
[ฮัลโหล หยาดดดดด] ฉันดึงโทรศัพท์ออกห่างทันทีที่เสียงแสบแก้วหูดังมาจากปลายสาย [เรื่องทาบทามสี่หนุ่มฮอตนั่นคืบหน้าไปถึงไหนแล้วจ้ะ]
ฉันถอนหายใจเซ็ง ๆ ขณะอีกมือจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเองไปด้วย ตอนนี้ฉันเลิกงานแล้วน่ะ แล้วนี่มันก็เริ่มดึกแล้วด้วย ไม่อยากมาเสียเวลาไปเปล่า ๆ เลยต้องคุยโทรศัพท์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปแบบนี้แหละ
“ยังไม่ถึงไหนหรอก แล้วฉันไม่ได้คิดจะทำตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะ”
[โอ๊ย ๆ ๆ ไม่ทำไม่ได้นะ ถือว่าพวกพี่ขอร้องเถอะนะ ช่วยทำยังไงก็ได้เพื่อดึงสี่หนุ่มนั่นมาร่วมเดินแฟชั่นวีคปลายเทอมนี้หน่อยน้า ๆ มันสำคัญกับพวกพี่และสาขาเรามากจริง ๆ นะหยาดฟ้า]
คำพูดเดิม ๆ ที่พวกรุ่นพี่พยายามเกลี้ยกล่อมฉันดังมาจากปลายสายอีกแล้ว ฉันฟังจนเอียนแล้วนะเนี่ย ไม่รู้จะพูดกรอกหูทำไมทุกวี่ทุกวัน นี่ถึงขั้นโทรมากำชับอีกรอบเลยทีเดียว จะสำคัญอะไรขนาดนั้น…
“งั้นแค่นี้ก่อนนะ ฉันจะรีบกลับบ้านน่ะ” ฉันตัดบทอย่างไร้เยื่อใยพร้อมกับกดตัดสายด้วย เป็นจังหวะเดียวกับที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพอดี