“หิว ๆ หิวจนไส้จะขาดแล้วอ่ะเฮีย” เสียงบ่นของไอ้ชาลีดังขึ้นข้าง ๆ ขัดทัศนียภาพโดยรอบของผมอย่างแรง
“หุบปาก เดี๋ยวมึงก็ได้กินแล้ว” ตามมาด้วยเสียงไอ้คชาที่ดูจากสีหน้ามันคงกำลังกินลำไย
“อย่าว่าแต่ไส้ไอ้ชาลีจะขาดเลยชาช่าที่รัก ไส้กูก็แทบจะโดนย่อยแทนอาหารแล้ว เฮียนะเฮีย บอกจะเลี้ยงข้าวดันตื่นสาย!” แล้วจบท้ายด้วยไอ้นาวาที่ฟาดค้อนวงใหญ่มาให้ผม ไอ้ชาลีก็วิ่งวน ๆ เป็นหมาตามเจ้าของรอบตัวผมอีกที
ถามว่าผมสนใจพวกมันไหม? ก็ไม่อ่ะ ผมไม่ได้ชายตาแลพวกมันเล้ย ไม่ได้มีอะไรให้น่าแลอ่ะ สู้สายตาหวาน ๆ ของสาว ๆ รอบตัวไม่ได้
ตอนนี้พวกเราสี่คนกำลังเดินอวดหล่อไปร้านอาหารแถวคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา ผมไปที่นั่นไม่ค่อยบ่อยหรอก ส่วนมากจะไปเวลาพาไอ้สามเกรียนนี้ไปเลี้ยงนี่แหละ เหตุผลง่าย ๆ คือมันใกล้ อร่อย และถูก ของถูก ๆ เหมาะกับไอ้สามเกรียนนี้ดี
“โอะ ๆ สะดุด!”
ผมชะงักค้างแทบจะทันทีราวกับโดนคำสาปแม่มดชั่วร้าย เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกไอ้เด็กนาวานรกคว้าหมับเข้าที่กางเกงแล้วปลดลงจนเกือบจะหลุดตูด ผมนี่แม่งอึ้งแดกไปสามวิ สองมือรีบคว้ากางเกงทันใด ใจนี่ตกไปยันตาตุ่ม
“ว้าว! นี่มันลายโดเรม่อนมาใหม่หรือเปล่าเฮีย ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” ไอ้นาวานรกร้องถามเสียงใส มันใช่เวลามั้ยไอ้เวร แล้วผมก็เสือกตอบแม่งด้วยดิ
“กูเพิ่งซื้อมาเมื่อวาน เฮ้ย! แล้วมึงมายุ่งอะไรกับกางเกงในกู”
“เหวอ! เฮียไม่ได้ซักก่อนใส่เหรอ มันมีเชื้อโรคนะ เดี๋ยวก็เป็นสังคังหรอก ไม่แน่นะตอนนี้เฮียอาจเป็นแล้วก็ได้ คุณพระ! เฮียนับกาลเป็นสังคัง!”
“อะ...ไอ้นาวา!” ผมนี่มือไม้สั่นรีบใส่กางเกงเลย กูควรจะเลี้ยงข้าวมึงดีไหมไอ้เด็กนรก!
“แต่สังคังมันอาจจะกลัวโดเรม่อนของเฮียก็ได้นะ อัง ๆ ๆ”
ยัง… ยังไม่หยุด… คนหล่อจะไม่ทนแล้วโว้ยยย!
“ไอ้เชี้ยนาวา มึงตาย!!!”
แล้วผมก็วิ่งไล่เตะตูดไอ้นาวาโดยไม่แคร์สายตาสาว ๆ อีกต่อไป หมดกันภาพพจน์อันเพอร์เฟคของกูที่สั่งสมมา แม่งโดนทำลายไปจนย่อยยับนับตั้งแต่ไอ้สามเกรียนพวกนี้เข้ามาเรียนนี่แหละ!
ความน่าเคารพและน่าเชื่อถือของกูย่อยยับหมดแล้ววว!
“โว้!!!” ขณะที่ผมกำลังวิ่งไล่เตะไอ้นาวาอยู่นั้นจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงโห่มาจากทางสนามบาส เราสองคนเลยหยุดมองไปทางนั้น เห็นไอ้คชากำลังยืนอยู่กับไอ้ชาลีตรงนั้น
“โอ้โห! ไอ้ชาลี”
“มะ...เมื่อกี้กูชู้ตเหรอ กูโคตรเก่งเลยว่ะ” ไอ้ชาลีมันทำหน้าอึ้งแดกใส่ไอ้คชา ผมจึงเก็ตได้ว่าเมื่อครู่ไอ้ชาลีมันคงชู้ตบาสลงห่วงแหง ๆ ว่าแต่น้ำหน้าอย่างมันชู้ตแม่นขนาดนั้นเลยเหรอวะ?
สักพักก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเรา ผมว่าผมรู้จักนะ หน้าตาคุ้น ๆ ชื่อแม่งติดอยู่ที่ปากนี่แหละ
“สนใจเล่นด้วยกันสักตาไหม?” หมอนั่นชวนพวกผมเล่นบาสด้วย คงจะเห็นฝีมือการชู้ตของไอ้ชาลีสินะ
“เอา ๆ ๆ ๆ” ไอ้นาวาตอบรับแทบจะทันที
“กูหิว” นั่นคือคำตายของไอ้คชา สีหน้ามันบ่งชัดมากว่าเซย์โน
“เอ่อ...” ไอ้ชาลีหันมาหาผมเหมือนต้องการตัวช่วย ผมเหลือบตามองไปรอบ ๆ สนามที่เต็มไปด้วยสาว ๆ น่ารัก ๆ เอ๊กซ์ ๆ เห็นแล้วมันชื่นหัวใจจริง ๆ
“เอาไงเฮีย? อยากโชว์หล่อสาวเปล่า ๆ” แหม ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมว่าเป็นคำถามใครถ้าไม่ใช่ไอ้นาวาจอมหื่น ถามมาขนาดนี้… สาวเยอะขนาดนี้…
“เอาก็เอา”
“กูไม่เอา” แต่ไอ้คชาก็ยังขัดได้ซะทุกเรื่อง ไอ้นี่มันขวางโลกจริง ๆ แถมยังขวางความสุขพี่น้องด้วย
ไอ้ช้างขวางถนน!
.
.
.
[บทบรรยาย หยาดฟ้า]
“แล้วตกลงแกจะเอายังไงเรื่องที่พวกรุ่นพี่ขอร้องอ่ะหยาด” จีน่า เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของฉันหันมาถามขณะเราสองคนกำลังเดินไปร้านอาหารแถวคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา ฉันมีร้านประจำที่มักจะชอบไปฝากท้องบ่อย ๆ น่ะ
“ไม่รู้สิ มันไม่ใช่หน้าที่ฉันสักหน่อย”
“แต่มันสำคัญกับสาขาเรามากนะหยาด”
“ยังไง?” ฉันหยุดยืนข้างสนามบาสแล้วหันไปจ้องตาจีน่า ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงคิดว่าการชวนสี่คนนั้นมาร่วมเดินแฟชั่นวีคด้วยคือเรื่องสำคัญ พวกนั้นมีอิทธิมากขนาดนั้นเลยหรือไง
“ก็อย่างที่พวกรุ่นพี่บอกนั่นแหละ พวกลูกหลานอธิการฯ ป๊อปปูล่ามากที่สุดในมหาลัยเลยนะ แถมยังดังมากในวงการแฟชั่นเพราะได้ขึ้นปกนิตยสาร Close Up บ่อย ๆ ที่สำคัญหนึ่งในสี่คนนั้นมีลูกชายของคุณอัลญ่าอยู่ด้วยนะ”
“…”
“แกลองคิดดูสิ ถ้าสาขาเราได้สี่คนนั้นมาเดินในงาน ทุกคนจะให้ความสนใจมากแค่ไหน แล้วงานของเราก็จะได้รับความสนใจอย่างมาก ช่วยกู้ชื่อเสียงให้สาขาแล้วยังหารายได้เข้าสาขาอีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย” จีน่าอธิบายอย่างละเอียดซึ่งมันก็จริงอย่างที่เธอว่า แต่อะไร ๆ มันไม่ได้ง่ายอะไรขนาดนั้นหรอกนะ