หลังจากเดินออกมาจากผับนรกนั่นสำเร็จ ฉันก็โซซัดโซเซไปตามถนนท่ามกลางแสงไฟสลัว ตอนนี้มันดึกมากแล้วจึงหารถแท็กซี่ได้ยากมาก ฉันเลยตัดสินใจเดินมันไปเรื่อย ๆ ด้วยสภาพน่าสมเพชนี่ต่อไป
ปรี้น ๆ !
หากทว่าขณะที่ฉันกำลังเดินอยู่นั้น เสียงบีบแตรจากรถบิ๊กไบค์คันหนึ่งดังขึ้นจากฝั่งถนน ฉันหันไปหรี่ตามองก็พบกับร่างสูงในชุดหนัง เขาสวมหมวกกันน็อคใบใหญ่ กระจกหมวกถูกเปิดขึ้นพร้อมกับดวงตาคมเข้มแสนเย็นชาจ้องมองมา
ให้ตาย… เขามาทำอะไรแถวนี้เนี่ย!
หมวกกันน็อคใบสีดำถูกยื่นมาให้ ฉันยืนมองมันชั่วครู่ก่อนจะเดินเข้าหาเขาแล้วรับมันมาสวม เขาไม่ได้พูดหรือถามอะไร มีเพียงแค่แววตานิ่ง ๆ จ้องมา พอสวมหมวกเสร็จฉันก็ก้าวขึ้นซ้อนท้ายรถเขา ร่างสูงโค้งตัวลงเล็กน้อยแล้วสตาร์ทเครื่อง
ความเร็วของรถที่กำลังทะยานฝ่านรกกำลังทำให้ฉันกลัว สองมือโอบกอดรอบเอวหนาแน่น ใบหน้าเอนลงซบไหล่เขาเพื่อหลบกระแสลมหนาวเย็นยามราตรี รถบิ๊กไบค์คันใหญ่แล่นได้ไม่นานก็ค่อย ๆ ชะลอความเร็วและหยุดลงในที่สุด ฉันดึงตัวขึ้นและกวาดสายตามองรอบตัว
ถึงแล้วสินะ…
“…” ฉันลงมายืนบนพื้นพร้อมกับถอดหมวกกันน็อคส่งคืนเขา ร่างสูงวาดขาลงมายืนข้างกันแล้วถอดหมวกกันน็อคออก เผยให้เห็นเส้นผมสีเทาควันบุหรี่ลอยเด่นท่ามกลางแสงสลัว ใบหน้าหล่อร้ายหันกลับมา ดวงตาคมเข้มแสนเย็นชาจ้องกันนิ่ง
“สภาพโคตรแย่” นั่นเป็นวลีแรกที่เขาเอ่ยกับฉัน มันสั้น ๆ แต่โคตรเจ็บจี๊ดเลยล่ะ!
“ก็พอรู้” ฉันตอบกลับสั้น ๆ เช่นกัน รอยยิ้มเยาะผุดขึ้นมุมปากเขา ฉันเขม่นตาใส่อย่างไม่ชอบใจก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้านโดยมีร่างสูงเดินตามมาติด ๆ
“ไปฟัดกับใครมาอีกล่ะ”
“ไม่ตอบได้มะ เหนื่อย” ฉันกลอกตาขึ้นเซ็ง ๆ ขณะกดลิฟต์
อ้อ ฉันบอกไปหรือยังว่าฉันพักอยู่บ้าน FAIRY HOUSE น่ะ บ้านพักโซนวีไอพีของเหล่านักศึกษาจากมหาวิทยาลัย H เป็นบ้านหลังใหม่ที่ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่กี่วัน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่อีกบ้านหนึ่งน่ะ แต่มีปัญหานิดหน่อยจึงย้ายออกมาอยู่ที่นี่แทน
“เอาที่สบายใจ”
ฉันเหลือบตามองผู้ชายร่างสูงข้างกายนิด ๆ หมอนี่ชื่อ ‘เพลิงศูรย์’ เป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันมีอยู่ตอนนี้ ความจริงเราเคยเป็นเพื่อนกันสมัยมัธยมน่ะ มาห่าง ๆ กันไปตอนเข้ามหาวิทยาลัย และก็กลับมาสนิทกันอีกครั้งหลังจากฉันบังเอิญย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกับเขานี่แหละ
เพลิงศูรย์เป็นประธานบ้านที่นี่ ซึ่งถือว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งของฉันที่รู้จักกับเขา เพราะมันทำให้อะไร ๆ หลายอย่างในบ้านราบรื่นไปหมด ไม่เหมือนกับตอนอยู่บ้านเก่าเลยสักนิด อยู่ที่นี่ฉันได้พบความสงบสุขอย่างแท้จริง
“ว่าแต่นายเถอะ ออกไปล่อนที่ไหนมาดึก ๆ ดื่น ๆ”
“ก็ไปเรื่อย ๆ” เพลิงศูรย์ตอบเนือย ๆ เหมือนไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ ในสายตาคนอื่นมักจะมองว่าเขาเป็นคนอันตราย เย็นชา รังสีทำลายล้างสูง เพราะหมอนี่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร ไม่พูดมาก ไม่เรื่องเยอะ จึงไม่แปลกที่มีแต่คนหวาดเกรง หากทว่าสำหรับฉันเขาก็เป็นแค่ผู้ชายเนือย ๆ คนหนึ่งที่แอบมีความตลกร้ายแฝงอยู่เท่านั้นเอง
ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นห้าซึ่งเป็นชั้นห้องพักของฉันกับเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ฉันเดินมาหยุดยืนหน้าห้องและเตรียมจะไขประตู ทว่ากลับถูกมือหนาดึงแขนให้เดินตามไปหน้าประตูห้องของเขาแทน
“อะไรเนี่ย”
“มานี่ก่อน” เขาพูดแค่นั้นแล้วไขประตูเปิดเข้าไปโดยไม่วายลากฉันเข้าไปในห้องด้วย ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เคยเข้ามาในห้องเขาหรอกนะ แต่อยู่ ๆ มาลากกันแบบนี้มันก็ต้องตกใจป่ะ
“มีอะไรอีกล่ะ ฉันอยากอาบน้ำจะแย่” ฉันนั่งลงบนโซฟาพลางกอดอกมองหน้าเพลิงศูรย์ เขาเดินไปแถว ๆ ตู้เย็นแล้วหยิบกล่องพยาบาลเดินกลับมาวางบนโต๊ะตรงหน้าฉัน
“เอานี่ไปทำแผลด้วย”
“แค่นี้?” ฉันเลิกคิ้วถาม คือที่ลากมาเนี่ยแค่จะเอากล่องพยาบาลให้เนี่ยนะ? ไอ้เราก็นึกว่ามีอะไรสลักสำคัญซะอีก
“อือ ห้องเธอไม่มีไม่ใช่?”
เออจริง เพราะเพิ่งย้ายมาที่ห้องฉันเลยยังไม่มีกล่องพยาบาล
เห็นหรือยังว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด สำหรับฉันเขาเป็นคนที่โคตรเอาใจใส่สุด ๆ อ่ะ ไม่เสียแรงที่เป็นเพื่อนกันมานานแฮะ
“ขอบใจ เดี๋ยวเอามาคืนแล้วกัน” ฉันหยิบกล่องมาถือแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อจะกลับห้อง เพลิงศูรย์เดินตามหลังมาส่งก่อนจะผลักหัวฉันแรง ๆ จนหน้าฉันแทบจะทิ่ม “ผลักทำไมเนี่ย!”
“ทำตัวดี ๆ หน่อย อย่าขยันมีเรื่องบ่อย โตแล้วอย่าทำให้ห่วงนัก”
“อะไร ฉันไม่เคยหาเรื่องใครก่อนนะ มีแต่ยัยพวกนั้นแหละที่ชอบมาหาเรื่องฉันน่ะ” ฉันหันกลับมาเถียงเสียงดัง
“ย้ายออกมาแล้วก็ให้มันจบ ๆ ไปสิ” และเขาก็เริ่มบ่นเป็นคนแก่อีกแล้ว เพลิงศูรย์ชอบเป็นแบบนี้เสมอ ตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ ให้ตายสิ! นี่เพื่อนหรือพ่อคะเนี่ย!
“ก็มันไม่จบกับฉันนี่ จะให้ฉันทำไง” ฉันถอนหายใจแรง ๆ พลางเสยผมไปด้านหลัง “ไม่คุยกับนายล่ะ ขี้บ่นชะมัด”
ฉันย่นหน้าใส่เพลิงศูรย์ก่อนจะหันหลังเดินกลับห้อง เมื่อกี้ฉันเห็นเขาทำหน้าเอือม ๆ ใส่ฉันด้วยอ่ะ!
เหอะ! ฉันไม่ใช่ตัวปัญหาสักหน่อย คนอย่างหยาดฟ้าถึงจะแรงจะร้ายยังไงก็ไม่เคยหาเรื่องใครก่อนนะคะ!