“ราฟาเอลลูก พาเด็กที่ไหนมา ทำไมไม่บอกแม่ซักคำนี่มันอะไรกัน ไหนอธิบายแม่ซิ”
แม่ผมหรือคุณหญิงมะลิ ภรรยาผู้สยบมาเฟียรุ่นใหญ่อย่างคุณพ่อผมชาวรัสเซีย ได้อยู่หมัดโดยไม่มีใครสามารถสยบความดุของคุณพ่อได้ นอกจากคุณหญิงมะลิ ผู้ที่มองด้วยหางตามาเฟียโหดก็แพ้ภรรยา ฮ่า ๆ
“คุณแม่ครับ เด็กคนนี้ผมรับเลี้ยงมาครับเหลือแต่เรื่องเอกสารยังไม่เรียบร้อยคับ”
“แล้วเป็นมายังไง”
ผมก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับคุณแม่ฟัง ท่านถึงกับเอามือทาบอกด้วยความตกใจและปนสงสารเด็กหญิงมู่ลี่ ที่ตอนนี้นอนหลับปุ๋ยอยู่บนห้องรอทานเช้า
“เรื่องทั้งหมดก็เป็นมาอย่างนี้ นี่ละคับคุณแม่ ยัยหนูมู่ลี่ไม่เหลือใครแล้วครับ”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวแม่จะจัดการรับอุปการะให้เองไม่ต้องห่วง”
“แล้วเรื่องเรียนของมู่ลี่ ลูกจะเอายังไงละให้เรียนที่ไหน”
“ผมว่าจะให้มู่ลี่เรียนที่บ้านไปก่อนซัก 1 ปี แล้วค่อยให้ปรับตัวไปโรงเรียนครับคุณแม่”
“ก็เอาที่ลูกเห็นสมควร เดี๋ยวเรื่องเอกสารแม่จะสั่งเลขาคุณพ่อจัดการให้”
“ขอบคุณครับคุณแม่ ผมขอตัวขึ้นไปดูยายหนูมู่ลี่ก่อนนะครับ”
ผมเดินไปชั้นสอง เพื่อไปห้องยายหนูมู่ลี่ ที่กำลังเบะปากเตรียมร้องไห้ เพราะตื่นมาไม่เห็นผม ผมก็รีบปรี่เข้าไปหาโดยที่ไม่รอให้แกร้องไห้ เพราะยัยหนูมูลี่ของผม ถ้าร้องค่อนข้างโอ๋ยากซะด้วย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ มู่ลี่ของป๋า”
“ฮึก..ก ฮื่อ..คุณป๋าไปไหนมาคะ ทำไมปล่อยให้มู่ลี่นอนคนเดียว”
“ไม่ร้องนะค่ะเด็กดี คุณป๋าไปหาคุณย่ามาค่ะ มูลี่ อยากไปหาคุณย่าไหมค่ะ”
“คุณย่าหรือค่ะ คือใครค่ะคุณป๋า”
“คุณย่าคือคุณแม่ของป๋า เป็นคนที่คลอดป๋ามาเหมือนคุณแม่ของมู่ลี่นะค่ะ”
“แล้วคุณย่าใจดีเหมือนคุณป๋าไหมค่ะ มู่ลี่กลัวค่ะ”
“คุณย่าใจดีเหมือนคุณป๋าเลยค่ะ เพราะคุณย่าคือคนที่เลี้ยงดูคุณป๋ามาให้ใจดีอย่างทีมู่ลี่เห็นไงค่ะ”
“ไปค่ะ ไปค่ะ ไปหาคุณย่ากันนะค่ะ คุณย่าใจดีของมู่ลี่
“ยังค่ะ ยังไปไม่ได้นะค่ะ”
ยายหนูมู่ลี่ของผมเตรียมจะร้องไห้อีกแล้ว ผมก็ได้แต่อมยิ้ม......
“ไม่ร้องนะค่ะ เพราะมู่ลี่ของป๋าจะต้องไปอาบน้ำแปรงฟันแต่งตัวสวยๆ เพื่อไปหาคุณย่ามะลินะค่ะ ไปแบบนี้ไม่ได้นะคะไปเร็วค่ะคนดีรีบไปอาบน้ำ”
“คุณป๋าอาบน้ำให้มะละได้ไหมค่ะ”
ผมก็ไม่เคยปฏิเสธการร้องขอ จากยายหนูมู่ลี่ของผมเลยซักครั้ง
“เดี๋ยวป๋าไปเปิดน้ำใส่อ่างให้นะค่ะ มู่ลี่เตรียมผ้าขนหนูกับน้องเป็ดตามป๋ามานะค่ะ”
“ได้ค่ะคุณป๋าเดี๋ยวมู่ลี่ตามไปนะค่ะ”
ยายหนูของผมฟันเริ่มงอกมาแล้ว เห็นโผล่เป็นซีกเล็ก ๆ เวลาหนึ่งสัปดาห์ที่เปลี่ยนชีวิตทั้งผม และยายหนูมู่ลี่ของผม
หลังจากเตรียมอ่างอาบน้ำให้ยายหนูมู่ลี่ ผมก็จัดการอาบน้ำตามประสา มู่ลี่ไม่เคยยอมให้ใครเข้าห้องนอนของเธอเลยนอกจากผม และไม่ยอมอาบน้ำเองเลย มู่ลี่กลัวการที่คนอื่นจะเข้าใกล้เธอมาก แม้แต่นมทิม มู่ลี่ก็ไม่ให้เข้าห้องของเธอ เธอบอกนมทิมห้องนี้ให้คุณป๋าของมู่ลี่คนเดียวเท่านั้น นมทิมห้ามเข้ามานะค่ะ เดี๋ยวมู่ลี่จะลงไปหอมแก้มนมทิมที่ห้องข้างล่างเองค่ะ ผมตั้งแต่ได้ฟัง ได้ยินทุกการกระทำของยายหนูมูลี่ ยิ่งทำให้ผมไม่มีทางจะให้เธอกับไปร้องไห้อีกแน่นอน
“มูลี่ค่ะ มูลี่ คุณป๋าเตรียมอ่างอาบน้ำเสร็จแล้วนะค่ะ”
“ขา..คุณป๋ามู่ลี่หยิบน้องเป็ดแป๊ปเดียวค่ะ”
“ครับผม ...เดี๋ยวคุณป๋าตีฟองรอนะครับ”
“คุณป๋าขา..มู่ลี่มาแล้ว อุ้มมู่ลี่ลงอ่างหน่อยได้ไหมค่ะ”
“ได้คับ งั้นเดี๋ยวมูลี่ลงอ่างสระผมนะคับ เดี๋ยวคุณป๋าออกไปรอข้างนอก”
“ไม่เอาค่ะ มู่ลี่จะให้ป๋าสระผมถูสบู่ให้”
“ได้ครับ ได้ งั้นมู่ลี่ถอดผ้าขนหนูเลยคับป๋าจะได้ถูสบู่ให้”
“เย้ เย้ มู่ลี่รักคุณป๋าที่สุดเลย”
หลังจากที่จัดการยายหนูมูลี่อาบน้ำ แต่งตัวเป่าผมเสร็จ ผมเลือกชุดสีชมพูให้ยายหนูมู่ลี่สวมใส่ เธอใส่น่ารักมากราวกับตุ๊กตาที่หลุดมาจากหนังสือ ตากลมโต จมูกโด่ง ตาสีฟ้า ผมบอนด์ ผิวขาวราวหิมะ พอใส่กับสีชมพูยิ่งขับผิวอมชมพูไปอีก
“มูลี่ค่ะ เราลงไปหาคุณย่ามะลิกันนะค่ะ”
“ได้ค่ะป๋า”
“ห้ามลืมที่ป๋าสอนนะค่ะ ไม่ลืมค่ะให้ทำตัวน่ารักกับคุณย่ามะลิ”
“เก่งมากค่ะ ฟอด ผมหอมแก้วยายหนูมูลี่ของผม”
ผมอุ้มยายหนูมูลี่เดินออกจากห้องนอน ตรงไปห้องนั่งเล่นที่ คุณแม่นั่งอยู่ คุณย่ามือใหม่ก็ตื่นเต้น ตอนแรกก็บ่นเป็นฟืนเป็นไฟ
“คุณย่าขา สวัสดีค่ะ หนูชื่อมูลี่อายุ 9 ขวบเป็นลูกของป๋าราฟาเอลค่ะ”
“มานี่ มาเร็ว เด็กดี น่าตาน่ารัก น่าชังอะไรขนาดนี้ เหมือนตุ๊กตาเคลือบแก้ว แบบที่นมทิมบอกจริง ๆ ”
“คุณมะลิ สวยจังค่ะ สวยมากเลยค่ะ”
“ต๊าย ตาย เด็กคนนี้ช่างพูดประจบ ฟอด ฟอด”
“อ๊ายยย คุณย่า ฮ่า ฮ่า”
ผมที่ยืนดูคุณแม่เอ็นดูยายหนูมู่ลี่ของผม ผมก็ดีใจเพราะยายหนูของผมได้กระชากใจ ของคุณย่ามะลิไปเป็นที่เรียบร้อยเหลือแต่รอพบคุณตาฟาติน ถ้าได้เห็นยัยหนูของผมรับรองหลงไม่ต่างกัน ฮ่า ฮ่า ผมภูมิใจในความเป็นยายหนูมู่ลี่ มาก
“ราฟาเอล แกจะให้ยายหนูไปอยู่กับแม่ไหม”
“ไม่ค่ะ ไม่ค่ะ หนูไม่ไป ฮึก ฮึก ฮื่อ คุณป๋าจะทิ้งหนูไปอีกคนใช่ไหมค่ะ”
ผมยังไม่ทันได้พูดอะไร ยายหนูแค่ว่าจะไม่อยู่กับผมก็ร้องไห้ตัวโยนขึ้นมาอีกครั้ง ผมจึงรีบไปชิงตัวยัยหนูมูลี่มากอดปลอบใจว่า
“ไม่ให้ไปไหนหรอกนะค่ะ อยู่กับคุณป๋าที่บ้านสวนนี่แหละค่ะเด็กดี ไม่ต้องร้องนะค่ะ”
“คุณป๋าฮื่อ ฮื่อ ... สัญญานะค่ะ”
“ครับ สัญญา”
หลังจากคุยกับยายหนูมู่ลี่เป็นที่เรียบร้อย แล้วผมก็ส่งให้แกไปนั่งทานข้าวกับนมทิม กว่าจะยอมหยุดร้องไห้เอาซะผมหอบเหมือนกัน
“คุณแม่ครับเรื่องเรียนก็เอาตามที่แจ้งให้แกเรียนที่บ้านไปก่อนซัก แล้วค่อยฝากเข้าโรงเรียนเอกชนครับ”
“ได้จ๊ะราฟาเอลแล้วยายหนูติดแกขนาดนี้จะเอายังไงละ”
“ไม่เป็นไรครับคุณแม่เพราะ ผมเองก็ไม่ได้อยากให้ยายหนูห่างจากผมเหมือนกันครับ”
ผมที่คุยเรื่องยัยหนูมู่ลี่กับคุณแม่เสร็จ ผมก็เดินไปหายายหนูมูลี่ของผม เห็นเธอกำลังทานข้าวอย่างน่ารัก ทำอะไรก็น่ารักจริงยายหนูของผม ผมที่เข้าไปนั่งทานข้าวกับยายหนูเสร็จ ก็ต้องเตรียมตัวทำงานแล้ว ส่วนยายหนูก็เริ่มวิ่งเล่น และเริ่มเข้ากับคนในบ้านได้นิดหน่อย นอกจากนมทิมก็ ไม่ค่อยเข้าหาใครมากนัก แต่ก็ดีกว่าวันแรกมาก ผมเองก็ไม่คิดว่าจะต้องหิ้วยายหนูมู่ลี่ไปไหนด้วยทุกที่ ตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ ผมก็แปลกใจตัวเองไม่บ่นซักคำ
วันเวลาผ่านไปยายหนูของผมเริ่มโตและรู้เรื่องขึ้นพูดง่ายขึ้น และไม่งองแงเหมือนเมื่อก่อน หลังจาก 6 เดือนผ่านไป ยายหนูเรียนที่บ้านและพัฒนาการดีมาก ผมจึงเปลี่ยนแผนจะส่งยายหนูไปโรงเรียน ผมนั่งรอยายหนูเรียนจบจบคลาส จะได้คุยกับยายหนูของผม ว่าจะต้องไปโรงเรียนใหม่ และมีสังคมที่กว้างขึ้น 2 ชมผ่านไปผมทำงานรอยายหนูของผม
“คุณราฟาเอลค่ะ วันนี้สอนแค่ก่อนนะค่ะ น้องพัฒนาการดีมากค่ะ”
“ได้ครับคุณครู ขอบคุณมากครับ”
เสียงหวานแว่วมาแต่ไกล โดยไม่ต้องถามว่าใคร ตอนนี้เป็นขวัญใจของบ้านนี้ไปแล้ว ตั้งแต่มียายหนูมู่ลี่บ้านหลังที่ผมอยู่ก็สดใสขึ้นเป็นกอง และทุกคนที่แต่งตัวโหด หน้าไม่ยิ้ม ผมสั่งกำชับทุกคนว่า กับคุณหนูมู่ลี่ห้ามทำหน้าบึ้งเด็ดขาด ห้ามทำเธอร้องไห้ ลูกน้องผมทุกคนทำหน้าเลิกลักกันเป็นแถว แม้แต่แอลที่เป็นบอร์ดี้การ์ดและคนขับรถของผม
“คุณป๋าขา...ฟอดดด เสียงยายหนูมู่ลี่วิ่งมาหอมแก้มผม”
“ว่าไงค่ะ คนเก่งวันนี้เรียนเป็นไงบ้างค่ะ สนุกไหมค่ะ”
“สนุกมากค่ะคุณป๋า มู่ลี่นั่งตักคุณป๋าได้ไหมค่ะ”
“ได้ซิค่ะ”
ผมก็อุ้มคนตัวเล็กมาวางบนตัก ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ผมเปลี่ยนนิสัยตัวเองไปมาก เวลานอนจะต้องอุ้มยายหนูนอนบนหน้าอก หรือเวลาไปบาร์ที่ผมเปิด ก็จะแกนั่งตักบนคร่อมบนเก้าอี้ที่ผมทำงานจนหลับ ผมถึงจะปล่อยให้แกหลับบนเตียง เวลาไปสวนส้มก็จะจูงมือ ยายหนูมู่ลี่เดินไปด้วยทุกที่ เราตัวติดกันยิ่งกว่าที่คิดซะอีก
ยายหนูมู่ลี่เรียกได้ว่ากลายเป็นครึ่งหนึ่งของผมแล้วในชีวิต ส่วนบรรดาคู่นอน ไม่ต้องเอ่ยปากถาม กระเด็นออกจากชีวิตผมนับตั้งแต่นั้นมา ยายหนูได้ตัดผู้หญิงเหล่านั้นไปโดยสิ้นเชิง ผมเองกับไม่คิดว่าจำเป็นต้องมีใครอีกก็ได้ จะใช้ชีวิตเพื่อยายหนูของผมเท่านี้ก็พอแล้ว เวลาผ่านไปรวดเร็ว ชีวิตผมวนเวียนอยู่อย่างนี้ล่วงเลยผ่านไปหลายปี จนยายหนู่มู่ลี่เริ่มโตเป็นสาว ขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนผมก็ไม่ชอบให้ใครมาใกล้ หรือมายุ่งกับยายหนูมู่ลี่ของผม เพราะยิ่งโตก็ยิ่งสวยตามคมสีฟ้า ผมบอนด์ ผิวขาวจนเห็นเส้นเลือด เวลาที่ไปไหนก็เป็นที่สดุดตาด้วยความแตกต่างทางกายภาพของเธอกับชาวเอเชีย......