วันที่ 33
“ดื้อจริงจริ๊งงง...ทำไมดื้อได้ขนาดนี้วะ”
“บ่นอะไรอยู่ได้” เจ้าของห้องสตูขนาดเท่าแมวดิ้นตายตื่นขึ้นเพราะเสียงบ่นไม่ขาดสาย หมวยเหลือบตามองเวลาก็พบว่าตอนนี้ราวๆ เที่ยงคืนครึ่ง
บนหน้าผากของเธอมีแผ่นแปะ Cool fever
“ป่วยขนาดนี้ก็เที่ยวออกไปตะลอนๆ ยันค่ำ ไม่สบายก็ควรจะนอนพักสิไม่ใช่ออกไปตากแดดตากลมจนเป็นลมเพราะพิษไข้”
“หมวยไม่ได้ว่างไปเที่ยวตะลอนๆ ที่ไหนนะ”
“เหรอ! แล้วนี่คือ...” สายชลหยิบใบเสร็จจากร้านกาแฟร้านหนึ่งในกระเป๋าสะพายของภรรยา เขาไม่ได้ตั้งใจจะรื้อค้นของส่วนตัวแต่เพราะหมวยเป็นลมล้มพับก็เลยต้องหาคีย์การ์ดเพื่อเปิดเข้าห้องพัก
รายการอาหารแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้กินคนเดียวแน่ๆ
เมียตัวเล็กแค่นี้กินกาแฟแก้วเดียวอยู่ได้ครึ่งวันจะสั่งอาหารกับของว่างและเครื่องดื่มสองชุดทำไม
“เฮอะ...”
“ไปร้านกาแฟร้านอื่นได้ แต่ไม่เคยไปร้านชลสักครั้ง”
“พูดเหมือนว่าอยากให้หมวยไปงั้นแหละ”
“ทำไมจะไม่อยาก แต่ชวนแล้วหมวยไม่เคยว่างเลย คนชวนก็ท้อเหมือนกันนะ”
“ตอนไหน...” แม้จะไม่บ่อยแต่สายชลเคยออกปากชวนเธออยู่ไม่ต่ำกว่าสามครั้ง แต่ดันเป็นช่วงที่ตลาดของเธอก็มีปัญหาเข้ามาพอดีเหมือนเจ้ากรรมนายเวรรอกลั่นแกล้ง ทำให้หมวยไม่มีโอกาสได้แวะไปดูหน้าตาร้านกาแฟของชลเลย
นี้เธอเป็นเมียเขาภาษาอะไรนะ ไม่เคยไปดูสถานที่ทำงานของผัวสักครั้ง
“ดื้อ! อวดเก่ง! บ้างาน! แถมยังขี้ลืมอีก”
“รู้แล้วว่าหมวยไม่ใช่เมียที่ดี อดทนอีกหน่อยนะเดี๋ยวก็หย่ากันแล้ว”
“โธ่หมวย...”
เพราะความน้อยเนื้อต่ำใจผสมกับไข้อ่อนๆ ทำให้หมวยพ่นความรู้สึกที่ปะปนกับอารมณ์ออกมา
ใช่สิ! เพราะเธอเป็นเมียที่แย่ ไม่เอาใจใส่ดูแลผัว ผัวถึงได้นอกใจและขอหย่าแบบนี้ไง
“หรือถ้าไม่อยากรอก็ไปบอกแม่ชลสิ เพราะแม่ชลนั่นแหละ นายอำเภอถึงบอกให้เรารออีกเก้าสิบวัน ไม่อย่างนั้นเราก็หย่ากันไปตั้งนานแล้ว”
“หมวย! ใจเย็นๆ ก่อน”
“ใครกันแน่ที่ใจร้อน”
“ตอนนี้เป็นชลเหรอที่ใจร้อน” ชายหนุ่มชี้นิ้วใส่ตัวเองเอ่ยถาม
เขาไม่เคยนับวันเวลาหรือตั้งตารอด้วยซ้ำว่าเก้าสิบวันที่วันจะไปสิ้นสุดวันไหน
“กลับไปได้แล้วชล หมวยเหนื่อย หมวยอยากนอน”
“ถ้าชลอยู่หมวยจะนอนไม่หลับรึไง”
“ใช่! เพราะเราจะเอาแต่ทะเลาะกัน” เธอไล่เขากลับทั้งน้ำตา อยากมีคนดูแลในยามที่ร่างกายและจิตใจอ่อนล้าแต่ถ้าเป็นสายชลก็มีแต่จะทำให้เราสองคนทะเลาะกันเปล่าๆ
“งั้นชลจะไม่ทะเลาะด้วย” สายชลสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อปรับอารมณ์ เขาไม่เคยอยากทะเลาะกับหมวย แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่มันสะสม มันทำให้เราสองคนไม่สามารถคุยกันดีๆ ได้สักครั้ง
“ช่วยกลับไปเถอะ ขอร้อง”
“ไม่กลับ ไว้หมวยหายเมื่อไรเดี๋ยวชลก็กลับเอง” การขอร้องไม่เป็นผลหรอกนะเพราะหมวยเอ่ยมันด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่ตอนนี้
“เอ๊ะ” คนป่วยเสียงแหบลงเพราะตะเบ็งไล่สายชลหลายครั้ง เพิ่งตื่นจากเป็นลมแท้ๆ เลย แต่ต้องมาเหนื่อยอีอรอบ
“หมวย! กับชลเนี้ยไม่ต้องดื้อ ไม่ต้องเก่งบ้างก็ได้”
“ทำไม! ชอบพวกอ่อนแอดูแลตัวตัวเองไม่ พอป่วยก็ขับรถไปหาหมอเองไม่ไหวแบบนั้นเหรอ”
“หึง?”
“เปล่า”
“เนี้ย! อีกแล้วนะ” สายชลพ่นลมอย่างอ่อนใจ ถ้าหึงก็แค่บอกว่าหึง ถ้าไม่ชอบก็แค่พูดมาตรงๆ เท่านั้นแหละ เอาจริงๆ ผู้ชายอย่างเราบางทีก็ไม่ได้รู้ใจผู้หญิงไปซะทุกประการหรอก แค่บอกตรงๆ พวกเราก็พร้อมจะปรับปรุงแก้ไขให้อยู่แล้ว
“หมวยเหนื่อยแล้ว...” คนป่วยเสียงแหบแห้งและปิดเปลือกตาลง
ถ้าเธอเป็นฝ่ายเงียบก่อนก็น่าจะทำให้ครั้งนี้เราสองคนไม่ต้องทะเลาะกันอีก
“คืองี้นะหมวย วันนั้นวามาที่ร้าน สั่งกาแฟตามปกติแต่ชลเห็นว่าเขาหน้าซี้ดๆ พอเขาคุยงานกับผู้ปกครองของนักเรียนเสร็จก็ดูเหนื่อยๆ เหมือนจะไม่ไหวชลก็เลยถามว่าจะไปหาหมอมั้ย เขาก็จะไปนี้แหละแต่ชลก็เลยเสนอจะพาไปเองก็เท่านั้น...” คำอธิบายมากมายและจุดไหนที่ทำให้หมวยโกรธเขาเริ่มตรัสรู้แล้ว
“วันนี้หมวยไปหาคาเฟ่กับใคร”
“ถามทำไม”
“ชลจะบอกว่ากับวาเนี้ยเราก็แค่เพื่อนกันไง ชลไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น เพื่อนป่วยแล้วชลก็ว่างอยู่ก็เลยพาไปหาหมอก็เท่านั้นเอง จริงๆ นะไม่มีอะไรมากกว่านี้”
“งั้นถ้าต่อไปวาป่วยอีกชลก็จะอาสาพาเขาไปหาหมออีกรึไง”
“ถ้าว่างก็ไป แต่...แต่ถ้าหมวยไม่อยากให้ไป ชลก็ไม่ไปอยู่แล้ว”
“เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้ ของแบบนี้ต้องบอกด้วยรึไงกันฮะ”
“แหม...ก็คนมันไม่รู้นี้” สายชลแอบเห็นแววตาเป็นประกายในยามที่เขาพูดว่าถ้าหมวยไม่อยากให้ไปก็จะไม่ไป แต่เธอก็เก็บอาการด้วยการโวยวายใส่เขาอีกครั้ง
ฟอร์มเยอะ ฟอร์มจัดและอวดเก่งไม่มีใครเกินจริงๆ เลยเมียคนนี้
“ไม่รู้...เชอะ!” คนป่วยเบือนหน้าหนี จะงอนทั้งทีก็ยังจะมีฟอร์มเยอะ
“หิวมั้ย เมื่อตอนค่ำชลสั่งบะหมี่ไว้ ถ้าจะกินชลจะเอาไปอุ่นให้”
“ไม่ต้องมาแกล้งเอาใจหมวยหรอก”
“ไม่ได้แกล้ง เมียป่วยก็ต้องดูแลมันเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“แต่อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะหย่าแล้วนะ”
...
สายชลกำลังทำอะไรบางอย่างแล้วเขาก็หยุดนิ่ง หมวยเอาแต่พูดเรื่องหย่า เรื่องเวลาที่กำลังถอยหลังไปถึงวันนั้นเหมือนเธอกำลังจดจ่อรอให้มันมาถึง
“แล้วไง! ตอนนี้หมวยยังเป็นเมียชลอยู่ไง แล้วที่ยืนอยู่เนี้ยก็ผัว มองชัดๆ นะครับคุณสุภัสสรา วัฒนะกิจกำจร คุณยังเป็นเมียและใช้นามสกุลของผมอยู่ ฉะนั้นเลิกพูดเหมือนเราไม่ใช่ผัวเมียกันนะครับ” จากนั้นเขาก็เดินไปแกะบะหมี่เย็นชืดใส่ชาม จับยัดเข้าไมโครเวฟอย่างชินมือ เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาคอนโดหมวย ทุกตารางนิ้วมีร่องรอยแห่งความทรงจำของเราสองคนไว้อย่างมากมาย
“ไม่กิน! หมวยจะนอนช่วยเงียบๆ ได้มั้ย”
“ได้! ถ้าเมียจะนอนผัวก็จะนอนด้วย”
“ชล!” หมวยสะดุ้งโหยง
เธอแยกห้องนอนกับเขามาหลายเดือนแล้วยังไม่รวมกับที่แยกบ้านกันอยู่ เราห่างหายไปจากคำว่า ‘นอนด้วยกัน’ ไปค่อนข้างนานมาก
“ผัวเมียนอนด้วยกันผิดตรงไหน” สายชลทวงความเป็นผัวเมียกับเมียตัวเองอีกครั้ง
เขาขอหย่าเพราะอยากแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดที่ตัวเองกระทำแต่ก็ไม่ได้เกลียดหมวยหรือหมดรัก
ณ เวลานั้นที่พลาดท่าหวั่นไหวมีใจให้กับหญิงอื่นอาจเป็นช่วงที่รู้สึกไม่เข้มแข็งพอต่ออารมณ์เคว้งที่เมียไม่สนใจ เอาแต่บ้างานจนลืมคู่ชีวิตคนนี้
“แต่หมวยไม่สบายอยู่นะ”
“รู้”
“รู้แล้วยังจะ...” ใบหน้าหญิงสาวร้อนผ่าวหนักกว่าเดิม
“ยังจะอะไร...ร้อนเหรอ ทำไมเหงื่อออกเต็มหน้าผากเลยอะ ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดนะเดี๋ยวชลเช็ดตัวให้”
“ไม่เอา” เหงื่อพราวบนใบหน้าสาบานว่าเพราะส่าไข้จริงๆ เหมือนกัน ในหัวไม่ได้มีเรื่องอื่นแวบเข้ามาเลย
“ไม่ได้จะเอา จะเช็ดตัวเฉยๆ จริงๆ” เราเป็นคู่สามีภรรยาที่อายุยังน้อยและชีวิตแต่งงานก็แค่สามปีเท่านั้นเอง เรื่องอย่างว่าของหนุ่มสาวในวัยเจริญพันธุ์จึงค่อนข้างเร่าร้อน ร้อนแรงอยู่มากพอดู
___________________
📍 #90วัน จากคน(เคย)รัก อัพตอนใหม่ทุกวันเวลา 20.00 น.
เรามานับถอยหลังไปด้วยกันนะคะ