วันที่ 32
แค่กๆๆ
“สวัสดีหมวย”
“อ้าว...พี่ทัศน์” ณ คอนโดหลังเดิมที่หมวยอาศัยอยู่หลังจากแยกกันอยู่กับสายชล นอกจากทิชาก็มีทิวทัศน์นี้แหละที่เข้ามาทำให้คนบ้างานได้พอมีเพื่อน
“กำลังจะไปทำงานเหรอ”
“ค่ะ” หญิงสาวรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัวแต่ก็ไม่อยากนอนป่วยคนเดียวบนเตียง ออกไปทำงาน ออกไปเจอผู้คน ออกไปใช้ชีวิตเผื่อว่าอาการไข้จะดีขึ้น
“หน้าซี้ดจัง โอเคมั้ย”
“หมวยมีไข้นิดหน่อยค่ะ”
ฮั๊ดชิ้ววว~~
ว่าแล้วเธอก็จามเสียงดังลั่นลิฟต์ ฟุดฟิดจมูกเพราะน้ำมูกกองปิดทางเดินหายใจทำให้เอาอากาศเข้าปอดได้ยาก
“อ้ะ...”
“ไม่นิดแล้วมั้งตัวร้อนเชียว” ทิวทัศน์ถือวิสาสะวัดไข้บนหน้าผาก
มือหนาอังเบาๆ สองสามครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าหมวยกำลังตัวร้อนจริงๆ
“โทษทีนะ” ทิวทัศน์รู้ตัวว่าเขาเสียมารยาทที่สัมผัสตัวหญิงสาวโดยไม่ได้ขอก่อน เขาทำตามสัญชาตญาณโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือทำ
“ค่ะ”
“ไปหาหมอก่อนเถอะ”
“หมวยไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ ก็แค่ไข้หวัดเอง”
“ไปเถอะ ไข้หวัดสมัยนี้ก็ทำคนตายได้นะ”
“โอ้โห...” ฟังดูเว่อร์แต่เธอเคยได้ยินมาบ้าง
ยุคนี้เชื้อโรคต่างๆ และไวรัสมากมายคร่าชีวิตคนเป็นว่าเล่น ไม่ได้มีแค่เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นทุกวัน โรคภัยต่างๆ ก็พัฒนาตัวเองเพื่อให้คงอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย
“มา! เดี๋ยวพี่พาไปเอง”
“แต่ว่าพี่ทัศน์...” หญิงสาวมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มพี่ชายของทิชา
ความอบอุ่นขนาดนี้แผ่ออกมาอย่างชัดเจนจนเธอสัมผัสได้ แค่แผ่นหลัง แผงไหล่และไรผมที่ปกคลุมท้ายทอยก็ทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยความเหงาหวั่นไหว
มือหนาที่กุมข้อมือของเธอไว้เพื่อจูงให้เธอเดินตามมันร้อนกว่าคนที่มีไข้อย่างเธอเสียอีกนะ
ตุ้บ!
ทิวทัศน์หยุดเดินกะทันหันเพราะรถวิ่งผ่านมาแต่หมวยไม่ได้มองทางจึงทำให้ชนกับแผ่นหลังของเขาเข้า
ทำไมอ่อนแอลงได้ขนาดนี้นะหมวย
“ขอโทษค่ะ”
“เจ็บมั้ย” ทิวทัศน์หันกลับมาเขาเห็นว่าหมวยตาแดงก่ำ เธอเจ็บที่เอาหัวมาโหม่งหลังเขาหรือไม่ชอบใจที่เขาถือโอกาสจับจูงมือเธอกันแน่
“ไม่เจ็บค่ะ” นี้ไม่ใช่ความเจ็บแต่มันมาจากอะไรกันนะ ความรู้สึก ณ ตอนนี้
จู่ๆ หยดน้ำร้อนผ่าวก็หล่นรินอาบแก้ม
“แล้วร้องไห้ทำไม” ทิวทัศน์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก มือหนายกขึ้นมาปาดน้ำตาเม็ดเป้งที่ไหลเลอะแก้มแดงแจ๋
“หมวย...ฮื้ออ” น้ำตาพรั่งพรูออกเป็นสายน้ำไหล
เวลาอยู่ใกล้ๆ ทิวทัศน์แล้วทำไมเธออ่อนแอจัง ทั้งที่เคยแข็งแกร่งแต่อ่อนปวกเปียกได้ถึงเพียงนี้
“ถ้าหมวยไม่รู้สาเหตุที่ร้องไห้หมวยก็จะไม่รู้ว่าต้องแก้ที่ตรงไหนนะ แต่ไม่เป็นไร ระบายมันออกมาให้หมดก่อน พอเราเช็ดน้ำตาออกแล้วคราวนี้เราก็จะสามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้น” ทิวทัศน์มีใจให้กับหมวยจนเขาอยากดูแลและรักษาผู้หญิงคนนี้ให้หายจากความเศร้า
ผู้หญิงที่แข็งแกร่งขนาดนี้ช่างดูบอบบางเหลือเกิน หากเขามีส่วนช่วยให้เธอดีขึ้นไม่ว่าในสถานะใดเขาก็ยินดี
“หมวยเหนื่อยเหลือเกินพี่ทัศน์” ดวงตาคู่สวยเอ่อน้ำจนเธอมองใบหน้าคนที่ห่างเพียงช่วงแขนไม่ชัด
มันคงจริงอย่างที่ทิวทัศน์ว่า
ร้องไห้เสียให้พอแล้วเช็ดน้ำตาออกซะ จากนั้นเราคงเห็นได้อะไรชัดเจนขึ้น
“เหนื่อยก็พักนะครับ วันนี้พักให้หายเหนื่อยสักหน่อยนะ พรุ่งนี้หมวยจะได้มีแรงลุกขึ้นไปสู้ใหม่อีกครั้ง” ร่างใหญ่โตเข้าสวมกอดผู้หญิงร่างบางๆ
เธอบอบบางทั้งร่างกายและจิตใจเหลือเกินในตอนนี้
“พรุ่งนี้...”
“ใช่ครับ พรุ่งนี้”
“ถ้าถึงพรุ่งนี้ มันก็จะใกล้วันหย่าเข้าไปอีกวัน เวลาของหมวยกำลังจะหมดลงแล้ว”
สายชลเป็นฝ่ายขอหย่าและเขาคงนับวันรอให้ถึงวันนั้นจนใจจะขาด แต่เธอทั้งถูกนอกใจและถูกบอกเลิก มันเจ็บจนแทบไม่อยากตื่นมาเจอวันพรุ่งนี้เลย
“เมื่อถึงวันนั้น มันคงไม่หนักหนาร้ายแรงไปมากกว่าวันนี้หรอกหมวย”
“จริงเหรอคะ”
ทิวทัศน์ส่งยิ้มละมุนให้แทนการตอบ ตัวเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าจริงหรือไม่ รู้แต่ว่าหมวยที่เคยเข้มแข็งเดี๋ยวเธอก็จะกลับมาเข้มแข็งได้อีกแน่นอน
13.15 น.
ตลาดนัดโคตรชิล
“คุณหมวยไม่เข้าออฟฟิศแล้วค่ะคุณชล”
“เขาบอกมั้ยครับว่าไปไหน”
“ปลาไม่กล้าถาม” ฝ่ายบัญชีปลาตอบสามีของเจ้านาย
ปลาพอรู้อยู่บ้างว่าเจ๊หมวยกับสามีมีปัญหากันจนถึงขั้นแยกบ้านกันอยู่แต่ไม่ทราบรายละเอียดมากกว่านั้น ดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าค่อนข้างหนักหนาเกินกว่าจะประสานรอยร้าวให้เชื่อมติดเช่นเดิมได้ แต่ทั้งออฟฟิศไม่มีใครรู้ว่าทั้งคู่เตรียมตัวหย่าในอีกไม่ถึงสองเดือนข้างหน้านี้
“เมื่อวานคุณหมวยไม่ค่อยสบาย วันนี้คงพักผ่อนมั้งค่ะ”
“เขาเป็นไงบ้างครับ อาการหนักมั้ย”
“ได้ยินเสียงไอกับจามทั้งวันแล้วก็หน้าซี้ดๆ ค่ะ”
“ขอบคุณครับ” สายชลกล่าวจบแล้วก็ออกจากออฟฟิศตลาดโคตรชิล
อยากตีก้นเมียเพียะๆ สักทีสองทีที่ดื้อนัก ป่วยหนักขนาดนั้นแต่ไม่บอกกันบ้างเลย น่าน้อยใจ น่าน้อยใจมากๆ ทำไมหมวยต้องตีตัวออกห่างเขาขนาดนี้ แต่ต้องขอบคุณข้อความแจ้งเตือนในแอฟประกันสุขภาพที่บอกให้รู้ว่าคนในคู่สัญญาเข้ารักษาตัวตามสิทธิ์ แต่ปัญหาคือเขาไม่รู้ว่าต้องไปไหนต่อจากนั้น สายชลรีบไปยังโรงพยาบาลที่ภรรยาเข้ารับการรักษาแต่ทว่าหมวยรับยาและออกไปแล้ว
และโทรไปร้อยสายแต่หมวยก็ไม่ยอมรับ ไม่อ่านข้อความด้วย...นี้สินะ อาการเป็นห่วงใครสักคนจนแทบบ้า
18.50 น.
คอนโดหมวย
“หมวยขอตัวก่อนนะคะ”
“อย่าลืมกินยาก่อนนอนด้วยนะ”
“ค่ะ” ทั้งคู่ลากันในลิฟต์เมื่อถึงชั้นของหมวย
หญิงสาวค้อมศีรษะลงช้าๆ แล้วพาตัวเองออกมา วันนี้พอไปหาหมอเสร็จทิวทัศน์ก็พาไปวัด ทำบุญไหว้พระนิดหน่อยแล้วก็พาเธอไปนั่งเล่นที่คาเฟ่แนวธรรมชาติ
ใช้เวลาด้วยกันอย่างเงียบๆ โดยที่พี่ชายของทิชาไม่ได้เอ่ยทักท้วงอะไร แล้วก็กลับคอนโดในเวลาเกือบค่ำ
“ชล...”
“ไปไหนมา”
“ชลมาตั้งแต่เมื่อไร” เธอไม่ตอบคำถาม เห็นเขานั่งกับพื้นรออยู่ที่หน้าประตูห้องพักเพราะไม่มีกุญแจเข้าห้อง
“แล้วเมื่อกี้ใคร” สายชลก็ไม่ตอบคำถามหมวยด้วยเช่นกัน เรามักถามและตอบกันคนละเรื่องเสมอ
ก่อนเธอออกจากลิฟต์สายชลเห็นหมวยร่ำลาใครสักคนในนั้นแต่เขาไม่เห็นหน้าอีกฝ่าย
“หลบ! หมวยจะเข้าห้อง” เธอส่งเสียงไม่พอใจและแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่าย
เจอหน้ากันทีไรเราทั้งคู่ต่างปล่อยพลังงานด้านลบใส่กันเสมอ บางทีเธอก็อยากหย่ากับเขาให้มันจบๆ เรื่องเสียที แต่อีกใจก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
“หมวย...”
“ชลหลบ” เมื่ออีกฝ่ายยืนขวางเป็นยักษ์ปักหลักและเธอก็ป่วยจนไม่มีแรงจะผลักหรือจะพูด
...
“หลบ! แล้วก็กลับไปได้แล้ว”
“หมวยเป็นอะไร ไปไหนมาแล้วเมื่อกี้ใคร ตอบมาก่อน”
“หมวยไม่จำเป็นต้องตอบป้ะ ทีชลไปไหนกับใคร หรือทำอะไรกับใคร ชลยังไม่เห็นจะรายงานให้หมวยรู้เลย” หญิงสาวเน้นหนักที่คำว่า ‘ทำอะไรกับใคร’ เพราะเหตุการณ์เมื่อวานที่เขาพาวิรรรไปหาหมอยังตอกย้ำความรู้สึกของเธออยู่จนถึงขณะนี้
“หมวยอยากรู้อะไรก็ถามชลสิ ถามได้ทุกเรื่องเลยชลบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว” หรือว่าที่เธอไม่เคยถามอะไรเขาเลยเพราะเธอไม่สนใจกันแล้วหรือเปล่านะ
ตั้งแต่คราวที่แล้วที่เขาป่วย หากแม่ไม่ขอให้หมวยช่วยมาดูที่บ้านเธอก็ไม่ไยดีกันอยู่แล้ว
สมควรแล้วแหละ คนผิดที่ทำให้ชีวิตแต่งงานพังลงก็สมควรได้รับโทษ
“คนที่ผิดคือหมวยอีกสินะ”
“หมวย! ทำไมเราต้องทะเลาะกันทุกครั้งด้วยฮะ ชลมาเพราะเป็นห่วงนะเห็นข้อความจากโรงพยาบาลแจ้งเตือนมา”
“ได้! ต่อไปหมวยจะใช้เงินสดแล้วกัน”
“หมวย! อะไรของหมวยเนี้ย” ชายหนุ่มส่งเสียงดังด้วยความโมโห
นั่งรอหน้าประตูเหมือนหมารอเจ้าของกลับบ้านตั้งหลายชั่วโมงก็แทบจะเป็นบ้า ติดต่อหมวยก็ไม่ได้ พอเจอหน้ากันเธอก็ยังพูดจาแบบนี้ใส่
“กลับไปได้แล้ว หมวยเหนื่อย...พรึ่บ!”
________________
📍 #90วัน จากคน(เคย)รัก อัพตอนใหม่ทุกวันเวลา 20.00 น.
เรามานับถอยหลังไปด้วยกันนะคะ