2

1812 Words
อรพินผายมือเชิญเด็กสาวให้นั่งด้วยสีหน้านิ่งๆ “เชิญ” “ค่ะ เอ่อ...นี่อะไรเหรอคะ?” เมลานีนั่งลงเสร็จ ก็เห็นหัวหน้าส่งกล่องบางอย่างมาตรงหน้าของเธอ “เปิดดูเอง” เมลานีเปิดออกดูก็ถึงกับแปลกใจ เพราะในกล่องมีเบอร์เกอร์หน้าตาน่าทานมากๆ อยู่ข้างในนั้น “ทานให้หมดล่ะ ถ้าทานไม่หมดก็ไม่ต้องออกไปนะ” อรพินบอกยิ้มๆ อย่างเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้า “เอ่อ...คือว่า...” เมลานีกำลังจะเอ่ยปฏิเสธ “คำสั่งบอส ฉันต้องไปเตรียมเอกสารก่อน รู้แล้วใช่ไหมว่าตอนสิบเอ็ดโมงเธอต้องออกไปตรวจงานกับบอส” อรพินบอกพลางเลิกคิ้วถามเด็กสาว คิดว่าเจ้านายอาจจะมีใจให้กับเด็กสาว แต่ก็ไม่ได้รู้ลึกเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองไปมากกว่านั้น “ค่ะ” เมลานีขานรับด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ภาวนาให้หัวหน้าไม่รู้ว่าที่แท้เจ้ากรรมนายเวรหมายเลข 1 จะพาเธอไปทำอะไรกันแน่ “โอเค! งั้นทานเสร็จแล้วค่อยออกไปทำงานต่อนะ” อรพินบอกก่อนจะลุกเดินออกไป แล้วกดล็อกประตูห้องให้กับเด็กสาว “ค่ะหัวหน้า” เมลานีเอ่ยตามด้วยสีหน้ายิ้มๆ แม้ว่าหัวหน้าจะดูดุๆ ไปบ้าง แต่สำหรับเธอ อีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีที่สุดคนหนึ่งเลย ทันทีที่ประภัสสรเห็นหัวหน้าเดินออกมาจากห้องรับรองลูกค้า ก็รีบเอ่ยถามถึงพนักงานใหม่อย่างร้อนใจ เพราะเธอต้องการให้อีกฝ่ายมาช่วยทำงานจัดเอกสารเข้าชุดเหมือนทุกครั้ง “แล้วเมลล่ะคะ?” “ทำงานอยู่ มีอะไรหรือเปล่า?” อรพินบอกพร้อมกับถามกลับด้วยสีหน้านิ่งๆ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง “เปล่าค่ะ” ประภัสสรแอบถอนหายใจอย่างหงุดหงิดที่ต้องทำงานเองทั้งหมด “ถ่ายเอกสารที่ส่งไปให้ครบนะ อย่าให้ตกหล่นแม้แต่หน้าเดียว” อรพินเอ่ยย้ำ เพราะหญิงสาวทำงานพลาดมาหลายครั้งแล้ว จนเธออดแปลกใจไม่ได้ ว่าจบมาได้ยังไง “ค่ะหัวหน้า” ประภัสสรขานรับก่อนจะพยายามข่มใจให้เย็น แล้วกดถ่ายเอกสารต่อ ทั้งๆ ที่อยู่บ้านเธอไม่เคยต้องมาทำอะไรเองแบบนี้ หรือแม้แต่ตอนที่เรียน ไม่ว่าจะรายงาน งานกลุ่ม งานเดี่ยว เธอไม่เคยต้องมาเสียเวลาคิดให้หนักหัว ก็แค่...จ้างคนที่เก่งๆ ฉลาดๆ ฐานะย่ำแย่ ต้องการเงินใช้ เท่านี้ก็ถ่ายรูปรับใบจบมาได้อย่างสบายๆ เวลา 11:04 นาที อีวานที่เคลียร์งานต่างๆ จนเสร็จ ก็หิ้วกระเป๋าเดินออกมาจากห้องทำงาน ก่อนจะเอ่ยถามพร้อมกับส่งสายตามองหาใครบางคน “แล้ว...” “น้องเมลลงไปรอบอสที่หน้าล็อบบีค่ะ” อรพินรีบบอกให้ผู้เป็นนายทราบอย่างไว “อะไรนะ?” อีวานขมวดคิ้วถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง “คือว่า...ดิฉันเพิ่งจะอบร่มเรื่องมารยาทไป เธอก็เลยขอลงลิฟต์ไปรอที่ข้างล่างน่ะค่ะ” อรพินรีบเอ่ยเสริมเพราะเห็นผู้ช่วยเลขาอีกคนหันมามองราวกับจะจับผิดบางอย่าง “แล้วเอกสารล่ะครับ” อีวานถามต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียดนิดๆ “อยู่นี่ค่ะ ให้...” ประภัสสรรีบลุกเดินเอาเอกสารไปให้ พร้อมกับเตรียมจะเอ่ยขอออกไปคุยงานด้วยที่ข้างนอก แต่ก็ถูกตัดบทซะก่อน “ขอบคุณครับ” อีวานรับเอกสารมาถือก่อนจะเดินตรงเข้าไปในลิฟต์ที่เลขาใหญ่เดินมากดรอให้อย่างรู้งาน ประภัสสรมองตามลิฟต์ที่ทะยานลงไปยังชั้นล่างอย่างเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แม้ว่าเธอจะมาทำงานที่นี่ได้สองปีกว่าแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้เธอได้เข้าไปใกล้ชิดเลย ทั้งๆ ที่เธอเป็นถึงลูกสาวของเพื่อนมารดาก็ตาม ติ้ง! ทันทีที่ลิฟต์ลงมาถึงชั้นจอดรถของผู้บริหารและลูกค้าสำคัญๆ ที่มาติดต่องาน อีวานก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตึงๆ ที่เห็นใครบางคนหันมามองตน “ไปขึ้นรถ” “ค่ะ” เมลานีขานรับก่อนจะเดินแกมวิ่งตามหลังของอีกฝ่ายไปด้วยสีหน้าตื่นๆ ‘ไปกินรังแตนที่ไหนมาเนี่ย หน้าบูดเชียว?’ “ท่านครับให้ผม...” บาเรียลบอดี้การ์ดของอีวาน รีบเดินเข้ามาถาม หลังเห็นเจ้านายเดินจ้ำอ้าวตรงไปยังรถสปอร์ต แทนรถตู้คันใหญ่ด้วยสีหน้าตึงๆ คล้ายกับไปโกรธใครมายังไงอย่างงั้น “ฉันจะขับเอง จะไปไหนก็ไป” อีวานหันไปบอกอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะส่งเอกสารของงานให้กับคนสนิทเอาไปจัดการต่อ “ครับ” บาเรียลขานรับพร้อมกับก้มหน้าลงนิดๆ ก่อนจะเดินกลับไปยังจุดเดิม “เข้าไปนั่งในรถเร็วๆ สิ” อีวานหันไปบอกตัวต้นเรื่องที่ทำให้เขาอารมณ์เสีย “ค่ะ” เมลานีขานรับปากคอสั่นนิดๆ รีบเข้าไปนั่งคู่กับคนขับพร้อมกับปิดประตูรถ แล้วดึงเข็มขัดมาคาดอย่างไว การินที่เดินออกมาจากห้องน้ำ หันไปเอ่ยถามเพื่อนรักอย่างมึนงงที่เห็นเจ้านายขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว “บอสอารมณ์เสียอะไรมาวะ?” “ไม่รู้สิ เรื่องผัวเมีย เราอย่ายุ่งเลย” บาเรียลหันไปบอกพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเพลียๆ จากเดิม...เขาเคยคิดว่าเจ้านายเป็นพวกนิ่งขรึม ไร้อารมณ์ขัน แต่หลังจากที่ได้คั่วกับบุตรสาวของคุณคงธารา ก็กลายร่างเป็นเจ้าชายไบโพล่าร์ ที่เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ที่สำคัญคือโคตรจะเอาแต่ใจสุดๆเลย “เฮ้อ...เอาไงต่อดี” การินถอนหายใจก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนรัก “ก็ไปตรวจงานแทนบอสไง” บาเรียลบอกพร้อมกับยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้นนิดๆ “มึงขับนะ” “เออ! รีบๆ ขึ้นรถเร็ว” บาเรียลบอกก่อนจะเข้าไปนั่งประจำที่คนขับอย่างเซ็งๆ “แหม...กูไม่ใช่เมียมึงนะ เร่งอยู่ได้” “ไอ้เชี่ย! ล้อเลียนเจ้านายเหรอ เดี๋ยวกูฟ้องบอสเลย” บาเรียลหันไปตอกกลับทันใด “หึๆ สงสารคุณเมลชะมัด” การินหัวเราะก่อนจะออกความเห็น “เฮ้อ...มันก็พูดยาก พ่อของคุณเมลน่ะโกงเงินบอสไปหลายล้าน ทำไงได้วะ” บาเรียลบอกก่อนจะกดสตาร์ทเครื่องยนต์ หลังเพื่อนรักเข้ามานั่งประจำที่คู่กับคนขับเสร็จเรียบร้อยแล้ว “แต่คุณเมลไม่ได้รู้เรื่องใดๆ ด้วยนี่น่า ไม่แฟร์ว่ะ” “ชีวิตไม่มีว่าคำว่าแฟร์หรือไม่แฟร์หรอกเพื่อน มีแค่คำว่า...ผลประโยชน์เท่านั้น” บาเรียลเอ่ยย้ำข้อเท็จจริง “นั่นสิ” การินขานรับก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องงานที่กำลังจะออกไปจัดการแทนผู้เป็นนายถึงรายละเอียดคร่าวๆ ต่อ หลังจากที่อีวานขับรถออกมาได้สักพัก เมลานีก็หันไปบอกกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตื่นๆ “ขับช้าๆ หน่อยได้ไหมคะ” “กลัวตายงั้นเหรอ?” อีวานถามกลับด้วยสีหน้าตึงๆ “คุณโกรธหนูเหรอคะ” เมลานีถามอย่างสงสัย ขณะเดียวกันก็พยายามนึกว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจกันแน่ “นี่แกล้งโง่หรือว่าโง่จริงๆฮะ” อีวานกลอกตาอย่างเหลือเชื่อกับคำถามซื่อๆ นั้น “ขับให้ช้าลงหน่อยเถอะค่ะหนูกลัว” เมลานีบอกด้วยสีหน้าเป็นกังวล เพราะเธอรู้สึกหวาดเสียวเป็นอย่างมาก “ถ้าไม่ได้ขัดใจฉันสักครั้งจะตายเหรอเมล” อีวานถามกลับอย่างทนไม่ไหว “หนูขอโทษค่ะ ไม่รู้ว่าคุณโกรธเรื่องอะไร แต่หนูขอโทษ ขอโทษจริงๆ ค่ะ” เมลานีรีบยกมือไหว้อีกฝ่ายด้วยหัวใจสั่นๆ ‘นั่นไง! หวยมาออกที่เธออีกแล้วสินะ’ “หุบปาก! ไม่งั้นฉันจะหักพวงมาลัยชนเสาไฟให้ตายไปพร้อมกันเลย” อีวานบอกพร้อมกับเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นอย่างโมโห “ฮึก...ฮึก...” เมลานีถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ไม่เข้าใจว่าเธอทำผิดอะไรนักหนา เขาถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ 15 นาทีต่อมา...Penthouse ติ้ง! หลังจากที่ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นมาถึงยังชั้นที่เป็นที่พัก และประตูลิฟต์เปิดออก อีวานก็คว้าแขนของแม่สาวขี้แยให้ออกเดินเข้าไปในเพนต์เฮาส์พร้อมกับตน “เจ็บค่ะ” เมลานีบอกพร้อมกับพยายามจะดึงแขนกลับ แต่กลับถูกเขาบีบแรงขึ้นกว่าเดิม “เจ็บเหรอ เธอกล้าลงลิฟต์มาก่อนฉันได้ยังไง” อีวานระเบิดอารมณ์ที่ขุ่นมัวออกมาทันใด “คะ...ครั้งหน้าหนูจะลงลิฟต์ทีหลังคุณค่ะ” เมลานีบอกทั้งน้ำตานองหน้าอีกครั้ง หลังจากหยุดร้องไห้ไปเมื่อสามนาทีก่อน “นี่เธอกวนฉันเหรอเมล” อีวานตอกกลับอย่างโมโหที่ผู้หญิงตรงหน้าไม่เข้าใจความคิดหรือความรู้สึกของตนเลยแม้แต่น้อย “ฮึก...ก็แล้วคุณต้องการให้หนูทำยังไงล่ะคะ” เธอถามกลับอย่างทนไม่ไหว ที่ต้องมารองรับอารมณ์ของอีกฝ่ายแบบนี้ “รอฉันหน่อยจะตายหรือไง” อีวานต่อว่าด้วยสายตาขวางๆ “ก็คุณบอกคุณอรว่า...” “ไม่ต้องมาเถียง” “ฮึก...ฮือๆๆ” เมลานีปล่อยโฮออกมาอย่างเจ็บใจ ที่รู้ว่าเขาโกรธเธอกับเรื่องงี่เง่าเพียงแค่นี้ “ร้องทำไม” อีวานต่อว่าแม่สาวเจ้าน้ำตาที่เอะอะก็ร้องไห้ตลอด “ก็คุณดุหนูทำไมล่ะคะ หนูทำอะไรผิด” เมลานีถามกลับอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ที่เขาทำเหมือนเธอเป็นที่ระบายอารมณ์ไปหมดทุกเรื่อง “เมื่อเช้าก็ที พอเห็นฉันเดินเข้ามาในล็อบบี เธอก็รีบกดลิฟต์หนี พอแกล้งแหย่เล่น ก็งอนลงลิฟต์มาก่อน” อีวานตอกกลับอย่างของขึ้น “หนูไม่ได้งอนค่ะ หนูแค่ทำตัวไม่ถูก การที่คุณขึ้นลิฟต์มาด้วยมันทำให้หนูโดนเพื่อนร่วมงานต่อว่า และพอหนูลงลิฟต์มาก่อน คุณก็โกรธ สรุปคือคุณต้องการให้หนูทำตัวยังไงคะ?” เมลานีระเบิดอารมณ์กลับทันใด “หน้าตาก็ดูฉลาด ทำไมถึงซื่อบื้อนักฮะ” อีวานต่อว่าอย่างรู้สึกชาไปทั้งใบหน้า เกิดมาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนกล้าต่อปากต่อคำกับตนแบบนี้มาก่อน “ใช่ค่ะ! หนูโง่ คุณก็บอกมาสิคะ” เมลานีบีบให้อีกฝ่ายตอบคำถามของเธอ “ไปทานข้าว” คนที่กำลังถูกไล่ต้อนให้จนมุมรีบเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างไว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD