“พาฝันค่ะ” หญิงสาวโบ้ยความผิดไปให้เพื่อนอีกคน
“คุณพาฝันเป็นคนขับเหรอครับ เดี๋ยวผมจะลองไปถามคุณพาฝันเรื่องที่เกิดขึ้นอีกที”
“จะไปถามทำไมล่ะคะ” ใบปอเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ
“เรื่องคดีไงครับ เผื่อว่าจะช่วยอะไรได้” บอดีการ์ดตอบกลับ แต่ที่เขาจะไปถามก็เพราะต้องการฟังจากปากทุกฝ่ายว่าใครกันแน่ที่เป็นคนขับ
“คุณถามฝันไม่ได้หรอกค่ะ”
บอดีการ์ดย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงงว่าทำไมหญิงสาวตรงหน้าจะต้องห้ามเขาด้วย
“ฝันพูดไม่ได้ค่ะ เส้นเสียงมีปัญหา” ใบปอเอ่ยออกมาเสียงเศร้า
“จริงด้วย” ชายหนุ่มพึมพำ แพทย์ออกมาบอกแล้วว่าพาฝันไม่มีเสียง เขาลืมคิดไปเสียสนิท
“คุณถามไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร และอีกอย่าง คนทำผิดไม่กล้ายอมรับผิดหรอกค่ะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ด้วย” ใบปอเอ่ยพลางมองหน้าบอดีการ์ดเพื่อดูท่าทางของเขา พอเห็นว่าบอดีการ์ดคล้อยตามกับสิ่งที่เธอพูด เธอก็ลอบยิ้มออกมา
“ขอบคุณมากนะครับที่บอกให้รู้ แล้วคุณใบปอกลับยังไงครับ” เขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เดี๋ยวฉันกลับแท็กซี่ค่ะ”
“ผมไปส่งให้เองครับ” เห็นว่าหญิงสาวมาบอกข้อมูลโดยที่เขาไม่ต้องเสียเวลาตามหา มิกก็เลยจะตอบแทนด้วยการไปส่ง อีกอย่าง เธอก็เป็นเพื่อนของนาราด้วย
“ขอบคุณมากนะคะ” ใบปอคลี่ยิ้มแล้วเดินตามบอดีการ์ดไปที่รถ
โนอาร์เดินเข้ามาในห้องของพาฝันหลังจากที่ไปเยี่ยมน้องสาวในห้อง ICU แล้ว เขามองพาฝันที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอมีรอยฟกช้ำ และตามตัวก็มีบาดแผลเต็มไปหมด
“เจ็บมากเลยใช่ไหม” เขามองเธอด้วยแววตาเศร้า สงสารที่เธอต้องได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ และที่หนักก็คือเส้นเสียงใช้งานไม่ได้ แล้วอย่างนี้เธอจะพูดอย่างไร
ชายหนุ่มลูบแก้มของคนเจ็บอย่างเบามือ เขาจะดูแลเธออย่างดีจนกว่าจะหายเป็นปกติ
บอดีการ์ดมาที่ห้องพักของพาฝัน เขาเปิดประตูเข้ามาก็เห็นว่าโนอาร์นั่งอยู่ข้างเตียงแล้วเอาแต่มองหน้าคนบนเตียง
“รู้ตัวคนผิดหรือยัง” โนอาร์เอ่ยถามโดยที่ไม่ได้หันมามองลูกน้อง หายไปตั้งนานสองนาน คงจะได้ข้อมูลมาแล้วว่าใครคือคนผิด
บอดีการ์ดหนักใจเพราะรู้ว่าเจ้านายของเขารู้สึกอย่างไรกับพาฝัน หากรู้ว่าเธอคือต้นเหตุของเรื่อง เขาจะทำอย่างไร
“ได้เรื่องแล้วครับ ฝั่งสิบล้อเป็นฝ่ายถูก เขามาถูกแล้ว แต่รถของฝั่งเราฝ่าไฟแดงไปครับ” บอดีการ์ดเอ่ยขึ้นมา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรายงานไปตามความจริง
โนอาร์ตกใจ
“แล้วใครเป็นคนขับ” หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงด้วยความกังวล
“คุณ... คุณพาฝันเป็นคนขับครับ เพราะว่าทุกคนเมากันมาก คุณพาฝันก็เลยอาสาขับเองเพราะเมาน้อยที่สุด” เขาพูดไปตามที่ได้รับข้อมูลมาจากใบปอ โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตนเองเอ่ยออกไปนั้นไม่ใช่ความจริง
โนอาร์หันมามองหน้าบอดีการ์ดด้วยความตะลึงงัน เขาไม่คิดว่าต้นเหตุทั้งหมดจะมาจากคนที่นอนอยู่บนเตียง
“มึงแน่ใจนะ”
“ครับ ผมไปตามเรื่องที่โรงพัก ฝั่งของคุณนาราเป็นฝ่ายฝ่าไฟแดงจริง ๆ ครับ ส่วนเรื่องที่คุณพาฝันเป็นคนขับ ผมรู้มาจากคุณใบปอ”
“จัดการเรื่องคดีให้เรียบร้อย” เขาสั่งเสียงเรียบ
“ครับ” ลูกน้องคนสนิทก้มหัวรับคำสั่งของเจ้านาย
โนอาร์ตวัดสายตากลับมามองที่พาฝัน แววตาของเขาว่างเปล่า ฝ่ามือหนากุมมือเล็กของเธออยู่แล้วลูบหลังมือของเธออย่างแผ่วเบา
พาฝันฟื้นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น หญิงสาวปวดหัวมาก เธอเอามือขึ้นมากุม โนอาร์เห็นเข้าก็ลุกขึ้นมาดูคนเจ็บที่เพิ่งฟื้น
“พี่โนอาร์” หญิงสาวเอ่ยออกมา ทว่าไม่มีเสียงของเธอดังออกมาด้วย เธอรู้ถึงความผิดปกติของตนเอง แววตาสั่นระริกด้วยความตกใจ ไม่มีเสียงแบบนี้แล้วเธอจะใช้ชีวิตอย่างไร
“เป็นยังไงบ้าง” โนอาร์เอ่ยถามแล้วลูบศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน
พาฝันขยับตัวนั่ง เธอรู้สึกปวดระบมตามร่างกายจนใบหน้าเหยเก โนอาร์เลยช่วยประคองเธอนั่ง เขามองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร
“พี่โนอาร์คะ พี่โนอาร์” พาฝันพยายามพูด แต่ก็ไม่มีเสียงอยู่ดี
หญิงสาวน้ำตาคลอ เธอรับไม่ได้ที่ต้องกลายเป็นแบบนี้ เธอพยายามเค้นเสียง แต่สุดท้ายแล้วก็เค้นออกมาไม่ได้
“ฝันพูดไม่ได้” ริมฝีปากบางขยับ แต่กลับไม่มีเสียง เธอทรมานใจมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ไม่มีเสียง ใช่สิ หมอบอกว่าเส้นเสียงของฝันใช้งานไม่ได้” โนอาร์พูดเสียงแผ่ว
คนเจ็บเอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้โฮ เธอคิดไปต่าง ๆ นานาเพราะไม่รู้ว่าตนเองจะต้องทำอย่างไรต่อ โดยเฉพาะพ่อแม่ เธอจะคุยกับท่านอย่างไร หากพวกท่านรู้ว่าเธอประสบอุบัติเหตุแล้วเป็นอย่างนี้ จะต้องรีบร้อนมาหาแน่ ๆ พาฝันไม่อยากให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรนะฝัน” โนอาร์ลูบแผ่นหลังบางของคนตัวเล็ก
พาฝันสวมกอดเขาทันทีเพราะเธอกำลังเสียใจอย่างหนัก โนอาร์ปล่อยให้หญิงสาวกอดแน่น ให้เธอได้ระบายความเสียใจออกมา เผื่อว่าจะรู้สึกดีขึ้น
พาฝันร้องไห้อยู่นานจนรู้สึกปวดหัวมากขึ้น เธอคลายกอดออกก็เห็นว่าเสื้อของโนอาร์มีแต่คราบน้ำตาของตนเอง
“เปียกเลยค่ะ” พาฝันพูดตามความเคยชิน แต่พอไม่มีเสียง เธอก็ใช้มือชี้ไปที่คราบบนเสื้อของเขาเพื่อสื่อว่ามันเปียก
โนอาร์เข้าใจสิ่งที่พาฝันจะสื่อ เขาคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็แห้ง”
พาฝันพยักหน้า เธอเอามือจับขมับของตนเองแล้วมองหน้าเขา
“ปวดหัวเหรอ” โนอาร์เอ่ยถาม หญิงสาวพยักหน้าเป็นคำตอบ
“พี่ลืมเรียกหมอเลย มัวแต่ดีใจที่ฝันฟื้นขึ้นมา” ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม
พาฝันยิ้มตาม อย่างน้อยตอนนี้ก็มีพี่โนอาร์อยู่ด้วย เธอไม่รู้สึกเคว้งคว้างเลย โนอาร์ตามหมอให้มาดูอาการของพาฝัน แพทย์หนุ่มเข้ามาตรวจอาการ
“อาการปวดหัวยังคงอยู่นะครับ เพราะว่าศีรษะได้รับการกระแทกและหัวแตกด้วย ตามร่างกายก็อาจจะมีปวดบ้าง”
“เสียงของฉัน” พาฝันพยายามสื่อกับหมอ เธอชี้นิ้วไปที่คอแล้วมองหน้าหมอด้วยแววตากังวล
“อย่าเพิ่งพูดบ่อยนะครับ เพราะตอนนี้เส้นเสียงมีปัญหาอยู่” หมอเอ่ยออกมา เส้นเสียงของเธอใช้งานไม่ได้ เขาไม่อยากให้คนเจ็บพูดเพราะจะทำให้เธอยิ่งเครียด
พาฝันพยักหน้า เพิ่งหยุดร้องไห้ไป ตอนนี้ก็กำลังจะร้องอีกแล้ว
โนอาร์จับมือพาฝันไว้ หญิงสาวมองที่มือแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา รอยยิ้มอ่อนโยนของเขากำลังช่วยเยียวยาความทุกข์ของเธอ
“พี่จะดูแลฝันเอง ไม่ต้องเครียดนะ ถ้าฝันอยากได้อะไร อยากทำอะไร ฝันก็ชี้บอกพี่แทนก็แล้วกัน”
พาฝันมองใบหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาสั่นไหว เธอซึ้งใจที่โนอาร์จะอยู่ดูแลทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลยด้วยซ้ำ พาฝันคิดถึงเพื่อนสนิทของตนเองขึ้นมา เธอมองสบตากับโนอาร์แล้วพยายามนึกท่าทางที่จะสื่อ
“จะถามอะไรหรือเปล่า”
พาฝันพยักหน้า
โนอาร์คิดว่าพาฝันคงสื่อไม่ถูก เขาเลยให้เธอเขียนลงบนกระดาษโน้ตแทน
‘นาราเป็นยังไงบ้างคะ’ โนอาร์อ่านแล้วก็รู้สึกเหมือนถูกของมีคมสะกิดที่หัวใจ คนที่เธอถามถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมา
“ตอนนี้นาราโคม่า เธอกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา” โนอาร์ตอบเสียงเรียบ หัวใจของเขาก็บอบช้ำที่ต้องเห็นน้องสาวนอนนิ่งอยู่แบบนั้น