“คิวต่อไป...ลุงศักดิ์ เข้าไปจอดรอได้เลย”
นิตย์รดีจดเบอร์ทะเบียนรถ แล้วโบกไม้โบกมือให้เข้าไปจอดด้านใน ทำงานมาสามเดือนนิดๆ เริ่มคุ้นชินกับคนงาน ที่คุยส่วนใหญ่ก็เป็นคนขับรถบรรทุกที่เข้ามาขนทราย กับน้องๆ ในออฟฟิศที่เธอเข้าไปหลบร้อนทุกพักเที่ยง งานจดคิวรถไม่มีอะไรให้ทำมากนัก ค่อนข้างว่างเลยล่ะ ช่วงไหนที่ว่างมากๆ หลายชั่วโมง ก็จะเข้ามานั่งคุยกับน้องๆ ในห้องแอร์ แต่ช่วงนี้รถเข้าถี่มาก เพราะทรายเพิ่งมาลงหลายสิบตัน
“สวัสดีจ้ะน้องนิ้ง จดแต่เบอร์รถ เมื่อไหร่จะจดเบอร์โทรให้พี่บ่าวบ้างล่ะ”
“แหมพี่บ่าว แซวทุกวันเลยไม่เบื่อบ้างเหรอ” ถูกแซวทุกวันจนชินเสียแล้ว นี่ขนาดแต่งตัวมิดชิดนะเนี่ยเวลาเธอออกมาทำงานก็มาในสภาพปกติ แต่พอเริ่มงานก็เอาหมวกไอ้โม่งมาใส่ คลุมตัวด้วยแจ็คเก็ต เรียกได้ว่าไม่มีส่วนไหนเลยที่โผล่พ้นออกมาโดนแดดนอกจากลูกกะตา
“ไม่ใช่เบื่อ เห็นสาวสวยๆ แบบน้องนิ้งมาทำงาน พี่บ่าวก็ชื่นใจรู้ไหมคนจดคิวคนก่อนหน้า แก่ง่อมเชียวเห็นแล้วไม่เจริญตาเลย” ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ คนก่อนๆ ที่มาตรวจคิวเป็นป้าสูงวัย อารมณ์แบบอยู่บ้านเบื่อๆ ก็เลยมาหางานทำพอมาเจอสาวรุ่นๆ ก็กระชุ่มกระชวย
“รู้ได้ยังไงว่าฉันสวย ไม่แน่ถ้าพี่บ่าวเห็นอาจตกใจก็ได้นะ” ก็เธอปิดบังทุกส่วนไว้มิดชิดขนาดนี้ เห็นก็แค่ลูกตาเท่านั้นแหละ ขนาดมือยังถูกสวมด้วยถุงหนาๆ มันก็ร้อนนะแต่กลัวผิวไหม้มากกว่า
“พี่ก็เดาไปเรื่อย แล้วเมื่อไหร่น้องจะเลิกเป็นไอ้โม่งล่ะจ้ะ”
“แหม แดดแรงขนาดนี้ ถ้าฉันเลิกเป็นไอ้โม่งผิวก็ไหม้แย่สิพี่”
“อ้าวๆ พี่บ่าวเลิกอ้อร้อได้แล้วนิ นู้นนน รีบไปขนทรายมีให้ตักเป็นตันเลย”
“แหมน้องแจงนิ ขัดคอตลอดเลย”
ก็แค่แซวขำๆ ขับรถที่นี่มาหลายปี กับคนอื่นๆ คุ้นเคยดีอยู่แล้ว แต่กับน้องสาวคนสวยที่มาจดคิว เพิ่งเห็นหน้าได้ไม่นานเลยอยากสร้างความคุ้นเคย ซึ่งวันนี้ก็มีทรายรออยู่เพียบ เลยขับรถเข้าไปด้านในเพื่อทำงานต่อ
“มีอะไรเหรอแจง”
หันไปมองพนักงานสาวรุ่นน้องที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศ ตอนนี้เธอเริ่มสนิทกับทุกคน ด้วยความที่เธออยู่ง่ายกินง่ายไม่เรื่องเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายฟังมากกว่าพูดก็เลยเข้ากับคนได้ง่าย นอกจากน้องในออฟฟิศแล้ว ก็ยังมีคนงานที่ทำอยู่ตรงบ่อทรายที่รู้จักแทบทุกคน
“จะมาบอกว่าเที่ยงนี้มีส้มตำนะพี่ แล้วก็มีอีกหลายอย่างเลยแหละ เห็นว่านายหัวเขาเอามาเลี้ยง”
“เหรอ...ดีเหมือนกัน” พูดไปพลางมองไปรอบๆ ไป ทำงานมาสามเดือนกว่ายังไม่เคยเห็นนายหัวซักครั้ง จะเห็นก็แต่หัวหน้าคนงานที่หน้าตาหล่อๆ คนนั้น ซึ่งก็ไม่ได้มาทุกวันหรอก แต่วันไหนที่มาลูกน้องก็พากันเกรงใจ คิดว่าน่าจะเป็นคนสนิทของนายหัว
“นี่ก็จะเที่ยงแล้วนะพี่ คิวรถรอบเช้าหมดหรือยังล่ะ”
“หมดแล้วแหละ รถพี่บ่าวอ่ะคันสุดท้าย” ช่วงพักเที่ยงไม่มีคิวรถเข้ามา เพราะคนขับรถก็ต้องพักเช่นกัน จะเริ่มรันคิวอีกทีหลังบ่ายโมงไปแล้ว หรือถ้าวันไหนคิวหมดตั้งแต่สิบโมง นิตย์รดีก็จะนั่งว่างๆ ช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่เธอมองหางานใหม่ แล้วได้ส่งใบสมัครไปหลายที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับ
อาจเป็นเพราะเธอใช้วุฒิปริญญาโทสมัครงาน และเป็นงานเฉพาะไม่ค่อยมีที่ไหนเปิดรับงานดีไซน์ออกแบบภายใน หากใช้วุฒิปริญญาตรีน่าจะได้งานง่ายกว่าแต่เงินเดือนก็น้อยกว่า เธอคิดว่าทำงานนี้ไปพลางๆ ก่อนไม่อยากลดดีกรีตัวเอง ถ้าจะได้งานใหม่ก็ต้องเป็นงานที่ใช้วุฒิปริญญาโทเท่านั้น
“อืม งั้นเข้าไปข้างในดีกว่าพี่ อยู่ร้อนๆ แบบนี้เดี๋ยวก็ละลายกันพอดี”
“ดีเหมือนกัน”
เห็นด้วยเป็นอย่างมาก เพราะอากาศข้างนอกร้อนเหลือเกิน แล้วที่นี่ก็ไม่ได้เคร่งใครอยากจะทำอะไรก็ได้ ตราบใดที่ทำงานของตัวเองเสร็จแล้ว นิตย์รดีจึงเดินตามเข้าไปนั่งในออฟฟิศที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ พลางถอดชุดคลุมถอดหมวกไอ้โม่งออกรู้สึกเย็นชื่นใจมาก
“พี่ทนได้ยังไงน่ะ แต่งมิดชิดขนาดนั้นร้อนตายโหง”
“ไอ้ร้อนก็ร้อนนะแต่กลัวผิวไหม้ อีกอย่างออกมาจดคิวแค่แป๊บเดียว แล้วก็กลับไปนั่งจ่อพัดลมมันก็ช่วยได้นะ” ยืนแค่แป๊บเดียวเท่านั้นจัดคิวรถเสร็จ ก็เข้ามานั่งจ่อพัดลม รถจะเยอะแค่ช่วงก่อนเที่ยงเพราะคนขับทำเวลา นอกนั้นก็นั่งแทบตลอดมันก็เลยทนได้
“ความจริงสวยๆ แบบพี่เนี่ย ไม่น่ามาทำงานอะไรแบบนี้เลยนะ”
พวกคนงานต่างลงความเห็นตรงกันว่า สวยๆ แบบนิตย์รดีไม่เหมาะกับงานจัดคิวรถเลย หน้าตาและผิวพรรณดูดีมีชาติตระกูล เกินกว่าจะมาทำงานอะไรแบบนี้
“ทำไมล่ะ คนสวยทำงานจัดคิวรถไม่ได้หรือไง” ก็เพราะว่าไม่มีทางเลือก แต่พอได้ลองมาทำงานจดคิวรถก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร สบายเสียอีกถือว่าได้พักผ่อนและได้เงินด้วย เพราะไม่ต้องทำอะไรมากนัก ไม่ต้องใช้สมองไม่ต้องใช้ความคิด ทำเรื่อยๆ พอสิ้นเดือนก็รับเงิน ไม่มีความกดดันใดใดทั้งสิ้น
“โหพี่ สวยๆ แถวบ้านหนูอ่ะ เขาไปนั่งเป็นเด็กดริงก์กัน นั่งแป๊บเดียวก็ได้เงินแล้ว”
“พี่ไม่ถนัดงานกลางคืนน่ะ” รู้ว่างานกลางคืนได้เงินเยอะ โดยเฉพาะกับการนั่งดริงก์ แค่นั่งดื่มเป็นเพื่อนลูกค้าพูดคุยด้วย หรืออาจจะถูกเนื้อต้องตัวกันนิดหน่อยแต่ได้ทิปจำนวนมาก ทว่านิตย์รดีไม่ถนัดงานแนวนี้ไม่รู้จะพูดคุยอะไรกับลูกค้า แล้วก็เป็นคนนอนไวด้วย ที่สำคัญคือเธอไม่ดื่มเลยคิดว่าตัวเองไม่เหมาะ
“อย่างว่าแหละพี่ความถนัดคนเราไม่เหมือนกัน นี่ถ้าหนูสวยได้ครึ่งนึงของพี่นะ หนูก็ไปเป็นเด็กนั่งดริงก์แล้ว ได้ยินมาว่าร้านที่นายหัวชอบไปน่ะ โอ้โห ทิปเด็กหนักมากก สบายไปเลยพี่”
“จะว่าไปพี่ยังไม่เคยเห็นนายหัวเลยนะ”
“ไม่เคยเห็นได้ไงพี่” พนักงานรุ่นน้องขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย ก็นายหัวน่ะมาวันเว้นวันเลย เมื่อวานก็มาจะไม่เห็นได้ยังไง หรือบางทีนิตย์รดีอาจไม่รู้ว่าใครเป็นนายหัวหรือเปล่า?
“เห็นแต่หัวหน้าคนงานสิ”
“หัวหน้าคนงาน...”
ปรี๊นน ปรี๊นนน
พูดยังไม่ทันจบเสียงแตรรถดังลั่น นิตย์รดีแปลกใจเพราะเธอเช็คคิวแล้วไม่น่าจะมีรถเข้ามาตอนนี้ แต่ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นรถบรรทุกที่มาก่อนเวลาก็ได้
“อ้าวรถที่ไหนมาเนี่ย งั้นเดี๋ยวพี่มานะ”
เพราะยังไม่พักเที่ยงเธอจึงต้องออกไปดูตามหน้าที่ว่าเป็นรถของใคร คว้าหมวกไอ้โม่งและแจ็คเก็ตมาใส่เพื่อกันแดด ออกมาถึงก็เห็นว่าเป็นรถกระบะสีดำเงา ชะโงกหน้ามองคนในรถคือหัวหน้าคนงานนั่นเอง เลยเข้าไปกดปุ่มยกที่กั้นขึ้นเพื่อให้เขาผ่านเขาไป มองตามหลังเห็นว่ามีถุงอาหารวางอยู่เต็มหลังรถ สงสัยคงเป็นพวกส้มตำที่แจงบอก...
นายหัวคงให้เขาเอากับข้าวมาส่งสินะ
=======================
โถ่ลูกสาววววว ยังจะเข้าใจไปอีกว่าเป็นหัวหน้าคนงานน
หัวหน้าคนงานนนนนน
ฝากเอ็นดูน้องนิ้งกับนายหัวด้วยนะคะ