ตอนที่ 76
— “เงียบงันกลางโต๊ะอาหาร”
ระหว่างทางเดินในร่มไม้ไปยังโรงอาหารคณะ
แสงแดดส่องลอดใบไม้ลงมากระทบพื้น
พายก้มมองโทรศัพท์ในมือ ก่อนจะกดโทรออก
>“ฮัลโหล...ไทน์ อยู่ไหนตอนนี้”
>“อยู่คณะครับ มีอะไรเหรอพี่..?”
>“ออกมากินข้าวด้วยกันสิ ...
พี่กับคุณคนินอยู่แถวนี้พอดี”
เสียงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ไทน์จะตอบกลับสั้น ๆ
>“ครับ เดี๋ยวผมไป”
ไม่นาน
ทั้งสามคนก็เจอกันที่มุมหนึ่งของโรงอาหาร
โต๊ะริมกระจกที่เงียบสงบ
มีเพียงเสียงช้อนกระทบจานดังเบา ๆ
พายยิ้มให้ไทน์อย่างอ่อนโยน
แต่ไทน์เพียงพยักหน้ารับ
เขาแทบไม่มองคนินเลยด้วยซ้ำ
ราวกับไม่อยากยอมรับการมีอยู่ของอีกฝ่าย
คนินกลับเลือกยิ้มตอบบาง ๆ
รอยยิ้มที่ไม่เย็นชา แต่ก็ไม่อ่อนแอ —
เป็นรอยยิ้มของคนที่เข้าใจว่า
ความไว้ใจต้องใช้เวลา
พายพยายามรักษาบรรยากาศให้ไม่อึดอัด
เธอตักข้าวให้ไทน์ พลางเอ่ยเบา ๆ
>“ช่วงนี้เรียนหนักไหมไทน์
พี่โทรหาไม่ค่อยรับเลย”
>“ก็...พอไหวครับ”
น้ำเสียงของไทน์สั้นและแข็ง
เขาไม่ได้มองหน้าพายด้วยซ้ำ
ความเงียบคลุมโต๊ะอยู่ครู่ใหญ่
ก่อนที่ไทน์จะวางช้อนลง
แล้วเอ่ยขึ้นโดยไม่มองใคร
>“ผมได้ยินมาว่า...จะมีนักวิจัยจากญี่ปุ่น
มาร่วมงานที่คณะใช่ไหมครับ”
เสียงของเขานิ่งแต่แฝงแรงกดดัน
>“และหนึ่งในทีมนั้น...คือนาริตะ”
พายชะงัก เงยหน้าขึ้นช้า ๆ
มือเธอที่ถือช้อนสั่นเล็กน้อย
>“อืม...”
เธอตอบเบา ๆ แทบไม่เป็นเสียง
ไทน์มองพี่สาวตรง ๆ ครั้งแรก
ในแววตามีทั้งความไม่เข้าใจ
ความหวง และความกลัว
>“แล้วพี่มีส่วนร่วมในโครงการนี้ด้วยไหม..?”
>“...อืม”
พายตอบแผ่ว
ราวกับทุกคำต้องใช้แรงใจมหาศาล
เธอหันไปมองคนิน
ชายหนุ่มนั่งนิ่ง สีหน้าเรียบ
แต่กรามที่ขบแน่นจนเห็นได้ชัด แววตาเขานิ่งลึก
เหมือนพยายามกลืนบางอย่างไว้ในอก
>“งั้นแปลว่า...พี่ก็จะต้องเจอเขาอีกใช่ไหม..?”
ไทน์ถาม น้ำเสียงเริ่มสั่น
พายไม่ตอบ เธอเพียงหลุบตาลง
ความเงียบในโต๊ะนั้นหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก
หลังจากกินข้าวกันเงียบ ๆ
ไทน์ลุกออกไปก่อน ทิ้งเพียงคำว่า
>“ผมไม่รู้ว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่...
แต่ผมไม่อยากเห็นพี่เจ็บอีก..
ตัวพี่เอง..ก็ระวังใจตัวเองบ้างก็แล้วกัน..”
พายมองตามน้องชายที่เดินจากไป
เธอรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบช้า ๆ
คนินยังคงจ้องมองพายนิ่งเงียบ
พายเงยหน้ามองเขา แววตาสั่นไหว
>“บางครั้งอดีตมันก็เหมือนเงา...ที่ตามมาทุกที่
ไม่ว่าเราจะเดินไปไกลแค่ไหนก็ตาม”
คนินสบตาเธอนิ่ง
>“งั้นก็ปล่อยให้ผม..
เป็นแสงที่ช่วยทำให้เงานั้นจางลง...ได้ไหมครับ”
__
ตอนที่ 77
— “คำถามที่ไม่กล้าถาม”
บนถนนยามเย็น
เสียงเครื่องยนต์แผ่วเบาเคล้ากับเสียงลมหวิว
ภายในรถเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง
พายนั่งมองถนนด้านหน้า
สายตาเลื่อนผ่านทิวไม้ที่ลู่ลมไปเรื่อย ๆ
เธอรู้สึกถึงความอึดอัดของอีกคนที่นั่งข้าง ๆ —
คนินไม่พูด ไม่มอง
ไม่แม้แต่จะเปิดเพลงอย่างที่เคย
บรรยากาศภายในรถเย็นเยียบ
ทั้งที่แสงอาทิตย์ยามเย็นยังอบอุ่นอยู่ข้างนอก
เมื่อรถจอดหน้าบ้าน
พายหันมามองเขา เอ่ยเบา ๆ ด้วยเสียงแผ่ว
>“คุณคนิน...เป็นอะไรไปคะ ทำไมดูเงียบไป”
เขายังไม่ตอบ เพียงมองตรงไปข้างหน้า
เหมือนกำลังกลืนบางอย่างไว้ในอก
พายจึงแตะมือเขาเบา ๆ
>“พาย..ทำอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ…?”
เพียงเท่านั้น
คนินก็ระเบิดออกมาราวกับเก็บกลั้นไว้นาน
>“พายรู้เรื่องนาริตะจะมาร่วมวิจัยตั้งแต่เมื่อไหร่!
ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่องเลย.. ทำไมคุณไม่บอกผม.?!”
น้ำเสียงเขาไม่ดัง แต่สั่นและขาดห้วง
มันคือความโกรธที่ปนความกลัว
ความไม่มั่นใจที่แฝงอยู่ใต้คำถามนั้น
>“หรือว่า...คุณเห็นผมเป็นแค่ตัวคั่นเวลา...?
หรือจริง ๆ แล้ว คุณยังอยากกลับไปหามันอีก?”
คำพูดสุดท้ายทำให้พายชะงัก
แววตาเธอสั่นไหว น้ำตาคลอหน่วย
เธอกลั้นเสียงสะอื้นในอก
แต่เสียงก็สั่นพร่าจนแทบฟังไม่ออก
>“คุณคนิน...พายก็เพิ่งรู้...
จากอีเมลตอนเที่ยงนี้เองนะคะ...
แล้วพายก็ไม่มีทางกลับไปหานาริตะอีก
ถ้าพายจะกลับไป...พายคงทำไปนานแล้ว”
น้ำตาไหลรินบนแก้มขาว
เธอพูดด้วยเสียงที่สั่นแต่มั่นคง
“อย่าคิดว่าพายไม่รู้..ว่าคุณรู้สึกยังไง...
แต่เรื่องในอดีต มันไม่ใช่สิ่งที่พายอยากเลือก”
คนินกำมือแน่น
เขาหลับตา สูดลมหายใจลึก
เหมือนพยายามกลืนคำขอโทษที่ยังพูดไม่ออก
แววตาเขาเต็มไปด้วยความกลัว —
กลัวจะเสียเธอไป
เพราะเทอมนี้
เขาจะหมดสัญญาอาจารย์พิเศษ และไม่รู้ว่า
จะยังได้อยู่ในวงโคจรเดียวกับเธออีกไหม
>“ผมขอโทษ...”
เขาเอ่ยแผ่ว
>“ผมแค่...กลัว กลัวว่าคุณจะหวั่นไหว
กลัวว่าจะกลับไปหาใครคนนั้น..
เพราะผมเองก็ไม่มีสิทธิ์จะรั้งคุณไว้เลย”
พายมองเขา น้ำตายังรินไม่ขาด
เธอส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดเสียงอ่อน
“สิทธิ์ของคุณคนิน...คือสิ่งที่พายให้เอง
ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องขอ
พายอยู่ตรงนี้...เพราะพายเลือกแล้ว”
ไม่มีคำพูดใดต่อจากนั้น
มีเพียงความเงียบงัน...
ที่รู้สึกถึงความอ่อนโยนกว่าคำใดๆ ในโลก