ตอนที่ 48 — รอยอุ่นของเช้าวันใหม่
แสงอาทิตย์อ่อน ๆ จากนอกหน้าต่าง
ลอดผ่านม่านบางสีขาว
เข้ามาแตะแก้มของพายณรีย์เบา ๆ
เสียงนกร้องแผ่วจากสวนข้างล่าง
ดังแทรกเข้ามาพร้อมไออุ่นของเช้าวันใหม่
หญิงสาวขยับตัวช้า ๆ เปลือกตาค่อย ๆ เปิดขึ้น
ก่อนภาพแรกที่เห็น
จะทำให้หัวใจของเธอชะงักไปชั่วขณะ
>“คะ..คุณคนิน”
ชายหนุ่มนั่งพิงพนักเก้าอี้ข้างเตียง
หัวเอนเอียงเล็กน้อย
ในมือยังถือผ้าเช็ดหน้า
ที่วางบนหน้าผากเธอเมื่อคืน
ใบหน้าของเขาดูอ่อนล้าแต่สงบ —
แสงแดดยามเช้าไล้ไปตามกรอบหน้า
ทำให้ดูอ่อนโยนจนน่าใจเต้น
พายณรีย์ขยับกายเงียบ ๆ ก่อนจะสังเกตเห็นว่า
บนโต๊ะข้างเตียงมีถ้วยซุปที่เย็นลงไปครึ่งหนึ่ง
ข้าง ๆ คือแก้วน้ำกับยาลดไข้ที่เธอจำได้ว่า
คนินเป็นคนวางไว้
ความทรงจำเมื่อคืนย้อนกลับมาอย่างพร่าเลือน —
มืออบอุ่นที่แตะหน้าผาก เสียงพูดเรียบ ๆ
ที่บอกให้เธอพัก
เธอรู้แล้วว่าเขา “ไม่ได้นอน” เลยทั้งคืน
เธอลุกขึ้นช้า ๆ ก้าวเท้าอย่างระมัดระวัง
หยิบผ้าห่มผืนเดียวกับที่เธอห่มทั้งคืนขึ้นมา
แล้วเดินไปหาคนิน
เธอก้มลง ค่อย ๆ
คลุมมันให้เขาอย่างเบาที่สุด
กลัวจะปลุกคนที่เฝ้าเธอมาทั้งคืนให้ตื่น
ริมฝีปากเธอขยับกระซิบแทบไม่เป็นเสียง
>“ขอบคุณนะคะ... คุณคนิน”
รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าเธอ
ก่อนจะหมุนตัวเตรียมจะเดินกลับไปที่เตียง
แต่ยังไม่ทันจะก้าวออกไป
เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นแผ่ว ๆ จากด้านหลัง
>“เปลี่ยนจากคำขอบคุณ...”
เสียงนั้นเรียบแต่ชัดเจน
“…เป็นให้ผมดูแลคุณต่อไปเรื่อย ๆ ได้ไหมครับ”
พายณรีย์ชะงัก
เหมือนเวลาหยุดลงชั่วขณะ
หัวใจเธอเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล
— ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนเธอเองยังบอกตัวเอง
ให้วางระยะห่าง
แต่ประโยคนั้น…กลับแทรกเข้าไปถึงข้างใน
เธอหันกลับมาช้า ๆ
เห็นคนินลืมตา
มองเธอด้วยรอยยิ้มมุมปากอ่อนโยน
แววตาเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ปนความจริงใจที่ยากจะหลบ
พายณรีย์สูดลมหายใจเข้าเบา ๆ ก่อนเม้มริมฝีปาก
“.....”
เธอเงียบ..เพียงเท่านั้น
แล้วหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป
เสียงประตูปิดเบา ๆ ทิ้งไว้เพียงกลิ่นสบู่อ่อน ๆ
และไออุ่นบางอย่างในอากาศ
คนินยิ้มมุมปากอีกครั้ง
ไม่ใช่รอยยิ้มของชัยชนะ
แต่เป็นรอยยิ้มของคนที่รู้ว่า—
ต่อให้เธอไม่ตอบ แต่ “หัวใจของเธอ”
ได้ยินทุกคำแล้ว
___
ตอนที่ 50 —
มื้อเที่ยงกลางอากาศเย็นในโตเกียว
ลมหนาวยามสายพัดแผ่ว
ผ่านหน้าต่างกระจกของล็อบบี้โรงแรม
แสงแดดอุ่นอ่อนส่องลอดเข้ามา
แตะบนเส้นผมของพายณรีย์
ทำให้คนินที่ยืนรออยู่ข้าง ๆ
ต้องแอบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
เธออยู่ในเสื้อโค้ตสีครีมตัวยาว
ผ้าพันคอสีเทาอ่อนตัดกับผิวขาว
ที่เพิ่งฟื้นจากไข้ ความซีดเมื่อคืนหายไป
กลายเป็นความนุ่มนวล
ที่ทำให้คนมองรู้สึกใจอ่อนอย่างบอกไม่ถูก
>“คุณคนินคะ…”
เสียงเธอเรียกเบา ๆ พลางยิ้ม —
>“เมื่อเช้าพาย..ยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลยนะคะ..
ที่ช่วยดูแลพายเมื่อคืน”
>“แค่คุณหายดีก็ดีใจแล้วครับ”
คนินตอบพลางยกมือเกาแก้มตัวเองเล็กน้อย
สีหน้าเก้อ ๆ อย่างคนไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน
พายหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ยต่อ
> “ถ้างั้น…วันนี้พายเลี้ยงมื้อเที่ยง
เป็นการขอบคุณนะคะ
เราออกไปกินข้างนอกกันดีไหมคะ.?.
พายอยากสูดอากาศบ้าง”
ดวงตาของคนินสว่างขึ้นแทบจะทันที
เขาพยักหน้าทันทีโดยไม่ต้องคิด
> “ดีสิครับ ผมรู้จักร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ ๆ
โรงแรม...คุณพายน่าจะชอบแน่ครับ”
พายยิ้มมุมปาก
> “งั้นฝากคุณนำทางนะคะ”
ก่อนจะก้าวออกจากล็อบบี้ คนินเอ่ยขึ้นเบา ๆ
>“อ้อ...คุณพายณรีย์ เช็กโทรศัพท์หน่อยนะครับ
เหมือนมีคนพยายามติดต่อหลายสายเมื่อคืน”
พายชะงัก หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า สายตาเธอไล่ดูชื่อที่โชว์บนหน้าจอ
น้ำเสียงเธออ่อนลงทันที
> “น้องชายพายเองค่ะ ..
ถ้าเขาโทรมาเยอะขนาดนี้ ..
แสดงว่าคงเป็นห่วงมากแน่ ๆ”
>“ครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่เผลอรับสายเขาไป”
คนินพูดเสียงเรียบ แต่แววตายังมีแววกังวลปนห่วง
>“ผมไม่อยากให้เขาเป็นห่วงคุณเกินไป
เลยรับสายเพื่อบอกว่า คุณไม่สบาย”
พายเงยหน้ามองเขาอย่างขอบคุณ
>“ไม่เป็นไรเลยค่ะ… ถ้าไม่ได้คุณ..
เขาคงโทรจนเครื่องร้อนแน่ ๆ”
เธอยิ้มบาง ๆ ก่อนลดเสียงลง
>“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
คนินยิ้มตอบ — รอยยิ้มที่อบอุ่น
แต่แฝงความเก็บงำบางอย่างอยู่ในแววตา
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่มีน้ำหนัก
>“เมื่อคืน…ไม่ได้มีแค่ไทน์ที่โทรมานะครับ”
พายชะงัก หันมามองเขาอย่างสงสัย
>“หมายถึงใครคะ?”
คนินสบตาเธอ — ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น
นิ่งจนแทบอ่านไม่ออก
>“เออ.คุณนาริตะ… เขาก็โทรมาหาคุณ”
ริมฝีปากของพายณรีย์ขยับช้า ๆ
>“...นาริตะ?”
เสียงเธอเบา ราวกับพูดกับตัวเอง
“เขาโทรมาทำไมกัน..?
เราไม่ได้ติดต่อกัน...นานมากแล้วนะคะ”
เธอพูดจบก็เบือนหน้าหนีออกไปทางหน้าต่าง
ราวกับต้องการหลบสายตาของใครบางคน
ลมหายใจที่เธอพยายามควบคุมแผ่วลง
แต่หัวใจกลับเต้นถี่ขึ้น
คนินไม่ได้ตอบ เขาเพียงยิ้มบาง ๆ
— รอยยิ้มที่ไม่ถึงตา
เป็นรอยยิ้มของคนที่เข้าใจดีว่า
“บางความเงียบ” มีความหมายมากกว่าคำพูดใด ๆ
บรรยากาศระหว่างทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่ง
จนพายณรีย์เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นเบา ๆ
>“ ..ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเลยเวลาอาหารเที่ยง”
คนินพยักหน้า ยื่นมือให้เธอถือเอกสาร
>“ครับ..
ผมจะพาไปที่ร้านที่อร่อยที่สุดในย่านนี้เลย”
และเมื่อทั้งสองเดินออกจากล็อบบี้
เสียงลมหนาวที่พัดผ่านประตูอัตโนมัติ
ก็พาไออุ่นบางอย่างระหว่างพวกเขาออกไปด้วย —
อุ่นพอจะทำให้หัวใจสองดวงเริ่มสั่นไหวอีกครั้ง...