ตอนที่ 7 : สายรหัส
ห้องปฐมพยาบาล
หญิงสาวร่างเล็กในสภาพที่ค่อนข้างมอมแมมนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงในห้องปฐมพยาบาลของคณะวิศวะ ใบหน้าหวานถูกเช็ดคราบสีออกจนใบหน้าเกลี้ยงเกลาทำให้เห็นใบหน้าหวานเริ่มกลับมามีชีวิตชีวากว่าตอนที่ถูกหามมาส่งที่ห้องพยาบาล
เปลือกตาเริ่มขยับ คิ้วเรียวสวยเริ่มเคลื่อนไหว บ่งบอกถึงคนที่สลบไปเริ่มรู้สึกตัว ไม่นานเปลือกตาค่อย ๆ เปิดออกและลืมขึ้นเต็มตาก่อนจะมองไปรอบห้องสีขาวสะอาดตา มีเตียงว่างอยู่หลายเตียงบ่งบอกว่าที่นี่คือห้องพยาบาล ชิลินใช้สายตาสำรวจไปรอบ ๆ ก่อนจะดันตัวเองลุกขึ้นนั่งเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใครเลย
ดวงตากลมโตมองกระจกบานใหญ่ที่เห็นเงาสะท้อนของตัวเองทำให้รู้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอถูกล้างออกหมดแล้วถึงแม้จะไม่สะอาดหมดจดก็ตาม
"ใครพามาที่นี่" ชิลินพึมพำกับตัวเอง เพราะภาพสุดท้ายที่เธอจำได้คือกำลังเอื้อมไปหยิบปลาไหล หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ เกิดมาไม่เคยมีอาการแบบนี้ คงเพราะกลัวจนจิตตกทำให้เธอเป็นลม
"ฟื้นแล้วเหรอชิลิน"
"ระริน พราว ต้นหลิว" ชิลินเรียกชื่อเพื่อนที่เดินเข้ามา ทุกคนแสดงอาการเป็นห่วง
"เป็นยังไงบ้าง"
"ดีขึ้นแล้วล่ะ แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เขายอมให้พวกแกมาเฝ้าฉันเหรอ"
"พักเที่ยงพอดี พวกฉันเลยมาดูแก"
"เขาคงไม่ให้พวกแกมาหาฉันระหว่างที่ร่วมกิจกรรมสินะ" ชิลินพูดออกไปอย่างรู้ทันและก็ได้คำตอบเป็นการพยักหน้าของเพื่อน แต่แล้วคิ้วเรียวสวยก็ขมวดเป็นปมถ้าเขาไม่ให้คนอื่นเลิกกิจกรรม แล้วใครเป็นคนอุ้มเธอมาที่ห้องนี้
"แล้วฉันมาที่นี่ได้ยังไง"
"ก็จะใครล่ะ พี่ดีเซลนั่นแหละ พวกพี่เขาลงความเห็นกันว่าพี่ดีเซลทำให้แกเป็นลมก็ต้องอุ้มแกมาส่งที่ห้องพยาบาล"
"คนอื่นดีซะกว่า" ชิลินบ่นเบา ๆ ยังนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ดี ถ้าเขาไม่ถูกกดดันจากเพื่อนคงปล่อยให้เธอนอนสลบอยู่ตรงนั้นไปแล้ว
"แล้วกิจกรรมนั้นฉันทำไม่สำเร็จ พวกแกโดนทำโทษไหม"
"ไม่โดนหรอก หลังจากแกเป็นลมพวกเราทุกคนก็ถูกสั่งให้ไปร่วมกิจกรรมอื่น พี่ดีเซลคงแค่ขู่เฉย ๆ"
"ฉันว่าเขาไม่ขู่หรอก เขาทำจริงถ้าเกิดฉันไม่เป็นลมไปซะก่อน" ยังไงเขาก็ต้องแกล้งเธอให้ถึงที่สุดอยู่แล้ว ไม่มีทางขู่แน่นอน "พวกแกไปกินข้าวเถอะ ฉันไม่ค่อยหิว เดี๋ยวเจอกันตอนกิจกรรมช่วงบ่าย"
"ไม่ต้องเข้าร่วมกิจกรรมหรอก แกล้งป่วยไปยันเย็นโน้นแหละ"
"ไม่เอาอะ ไม่อยากทำตัวให้คนหมั่นไส้ไปมากกว่านี้ พักอีกสักชั่วโมงก็น่าจะดีขึ้น"
"อืม ๆ งั้นก็แล้วแต่แก พวกฉันไปกินข้าวก่อนนะ ถ้าต้องการอะไรไลน์มาสั่งได้ และพวกฉันก็รู้สึกผิดที่ช่วยแกไม่ได้"
"ฉันเข้าใจ ไม่ต้องคิดมาก" ชิลินระบายยิ้มให้กับเพื่อนทั้งสามคน ทำให้ทั้งสามคนทยอยกันเดินออกจากห้องจนเหลือแค่เธอนั่งอยู่บนเตียงในห้องปฐมพยาบาลเพียงคนเดียว
เธอไม่โกรธเพื่อนเลยที่ไม่ได้เข้ามาปกป้องหรือช่วยเหลือเธอ ใครที่ตกอยู่ในสถานการณ์นั้นก็ต้องกลัว
"ให้จับปืนขึ้นมายิงยังง่ายซะกว่า อยากจะรัวกระสุนใส่คนสั่งไม่ยั้ง" ชิลินกำลังนึกภาพถ้าเธอหยิบปืนขึ้นมายิงพี่ดีเซล ริมฝีปากบางยกยิ้มมุมปาก และทำเสียงเวลายิงปืน พร้อมกับยกมือขึ้นมากางนิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วโป้งออกทำเหมือนปืนและยิงเป้าหมาย
“ปัง ปัง ปัง”
"เป็นลมจนปัญญาอ่อนไปเลยหรือไง"
น้ำเสียงที่คุ้นหูทำให้ชิลินได้สติและเก็บมือให้อยู่ในสภาพเดิมก่อนจะมองไปยังประตูทางเข้าที่มีชายหนุ่มร่างสูงอยู่ในชุดมหา'ลัยผิดระเบียบเดินเข้ามาด้วยมาดนิ่งสายตาคมกริบคู่นั้นจ้องมองมาที่เธอด้วยความว่างเปล่าราวกับมีใครบังคับให้เขามา
ดีเซลมองคนตัวเล็กที่นั่งมองเขาตาเขม็ง บ่งบอกว่าฟื้นกลับมาสู่สภาพเดิมในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่ที่เขาต้องเข้ามาเพราะความรับผิดชอบของรุ่นพี่ที่มีต่อรุ่นน้อง ถึงจะไม่ใช่เธอเขาก็ต้องเข้ามาดูแลเบื้องต้น
"จะเอาปลาไหลมาให้ชิลินอีกเหรอคะ"
"ไม่น่าฟื้นเลยจริง ๆ"
"ถ้าเกิดชิลินเป็นอะไรไปพี่นั่นแหละไม่ฟื้นแน่" ชิลินทำหน้ามั่นใจถ้าเกิดพ่อของเธอรู้ไม่มีทางที่พี่ดีเซลจะรอดแน่นอน เพียงแค่เธอโทรกริ๊งเดียว พ่อก็พร้อมมาจัดการทันที แต่นี่เธอเห็นว่าอยากเป็นนักศึกษาเหมือนคนอื่นไม่อยากได้อภิสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้นอีกอย่างเธอก็ไม่ใช่เด็กขี้ฟ้องเลยปล่อยไปเลยตามเลย ถ้าเรื่องที่เธอโดนไม่ได้หนักหนาถึงขั้นชีวิต
"พูดแพร่มอยู่ได้น่ารำคาญ"
"แล้วพี่เข้ามาหาชิลินทำไมคะ เข้ามาเองแท้ ๆยังมาบ่นคนนอนอยู่ในห้องอีก"
"ฉันเข้ามาในฐานะหัวหน้ากิจกรรมรับน้อง เข้ามาดูอาการเธอ แต่ฟังจากน้ำเสียงและคำเถียง ฉันว่าเธอเจอปลาไหลเป็นสิบตัวคงไม่เป็นอะไรมาก"
"พี่จงใจแกล้งชิลิน ต่อให้ชิลินล้วงไปที่ไหอีกอัน ก็มีปลาไหลอยู่ดี"
ดีเซลไม่ได้ตอบแต่ยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ส่งตรงไปยังหญิงสาวตัวเล็ก แต่แล้วซองขนมเลย์ห่อใหญ่ก็ถูกโยนลงตรงหน้าของรุ่นน้องพร้อมด้วยนมเปรี้ยวรสผลไม้รวม
ปึก
"กินซะ ตอนบ่ายจะได้มีแรงให้ฉันแกล้งเธออีก" ดีเซลพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะเดินออกจากห้องทันที
"ยิ่งรู้จักยิ่งไร้มารยาท" ชิลินพึมพำเบา ๆ หลังจากเขาออกไปแล้วก่อนจะมองขนมกรุบกรอบและนมเปรี้ยวที่อยู่ตรงหน้า
ช่วงบ่ายของวัน
กิจกรรมรับน้องเข้าสู่บ่ายของวัน นั่นคือช่วงจับฉลากว่าตัวเองจะได้สายรหัสอะไร เป็นชื่อเรียกสายรหัส ปีหนึ่งทุกคนไม่มีใครรู้ว่ารุ่นพี่รหัสปีสี่คือคนไหน ทุกคนต้องตามหากันเอาเอง ตอนนี้ทุกคนตื่นเต้นพอ ๆ กับลุ้นคะแนนสอบ
"น้องพราวได้สายรหัสสว่างไสวท่ามกลางความมืด"
.....
"น้องระรินได้สายรหัสคืนเดือนดับ"
.....
"น้องต้นหลิวได้สายรหัสนกกระจอกเทศไม่ออกไข่"
.....
ฮ่า ฮ่า...
สายรหัสบางสายก็ทำให้รุ่นน้องหัวเราะคิกคัก
"คนต่อไปน้องชิลิน ลุกมาจับฉลากค่ะ"
"ขอให้ได้สายรหัสรุ่นพี่หล่อนะ"
"ขอให้ได้พี่รหัสคนไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น" ชิลินพูดสวนเพื่อนสาวทันที อวยพรให้เธอไม่โดนเป็นน้องรหัสเขาก็พอแล้ว
ทุกสายตาจับจ้องที่หญิงสาวร่างเล็กในจังหวะที่ล้วงกล่องหยิบแผ่นกระดาษที่อยู่ด้านใน
หัวใจดวงน้อยของชิลินเต้นระส่ำไม่ใช่เพราะลุ้นกับสายรหัส แต่เหตุการณ์เมื่อเช้าแล่นเข้ามาในหัว จินตนาการถึงปลาไหลจนต้องรีบ ๆ หยิบขึ้นมาหนึ่งอันก่อนจะส่งให้กับพี่ที่คอยดูแลพร้อมกับประกาศหน้าแถว
"น้องชิลินได้สายรหัส...ดวงดาวแห่งจันทรา"
แปะ แปะ
เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อรุ่นพี่ประกาศ หลังจากชิลินรับรู้ก็รีบหาปากกามาจดไว้ที่ป้ายชื่อตามที่รุ่นพี่แจ้งตั้งแต่แรก เวลาถูกแกล้งจะได้รู้ว่าตัวเองได้สายรหัสอะไร
"ชื่อสายรหัสแกไพเราะจัง"
"ก็จริงแฮะ ขอให้เป็นรุ่นพี่ที่เป็นคน ไม่ใช่ซาตาน"
"โบราณว่าไว้เกลียดอะไรได้แบบนั้น"
"ตอนนี้ปัจจุบันค่ะ ไม่มีโบราณหรือโบท็อกทั้งนั้นแหละ" ชิลินตอบกลับต้นหลิวทันควัน ยังมาทำหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนอยากให้เธอได้พี่รหัสเป็นซาตานตนนั้นอย่างนั้นแหละ
"แกว่าในกลุ่มเราจะมีสักคนไหมที่ได้พี่รหัสเป็นกลุ่มพี่ดีเซล" พราวกระซิบกระซาบถาม
"ดวงล้วนๆ...หมายถึงดวงซวยล้วน ๆ"
"ไม่แน่นะพอเป็นน้องรหัสแล้ว รุ่นพี่อาจดูแลดีก็ได้"
"ไม่ใช่คนที่ชื่อดีเซลแล้วหนึ่ง ฉันฟันธงเลยว่า ซวย!" ชิลินมั่นใจว่าถ้าใครได้พี่ดีเซลเป็นพี่รหัสคงฝันร้ายคล้ายกับโดนราหูเข้าแน่นอน
ทุกคนหัวเราะคิกคักกับคำพูดของชิลิน และนั่งดูเพื่อนคนอื่นจับสายรหัสของตัวเอง เพราะกลุ่มของชิลินได้สายรหัสกันหมดแล้ว