บทที่ 2 ภรรยาที่เปลี่ยนไป

1113 Words
บทที่ 2 ภรรยาที่เปลี่ยนไป คศ.1980!! ซ่งเจียซินเร่งฝีเท้าเดินจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง ตรงไปที่ปฏิทิน ก่อนจะหยุดยืนเพ่งมองปีบนมุมบนอีกครั้งเพื่อยืนยันในสิ่งที่ตนกำลังคิด นี่มันเป็นไปได้ยังไง ปกติแล้วการเกิดใหม่ควรหมุนเวียนไปวันเวลาข้างหน้าไม่ใช่หรือไง ทำไมเธอถึงได้หมุนวนย้อนกลับมาข้างหลังแบบนี้กัน หลี่อี้โจวค่อยๆ เปิดตาขึ้นมองหญิงสาวที่วิ่งไปดูปฏิทินด้วยความรู้สึกซับซ้อน ไม่รู้เพราะเหตุใดแต่เขากลับรู้สึกว่าเสวี่ยชิงหยวนคนนี้กับเสวี่ยชิงหยวนคนก่อนนั้นแตกต่างกันราวกับคนละคน แต่เมื่อคิดถึงความสามารถในการเสแสร้งของเธอ หลี่อี้โจวก็สลัดความสงสัยของตนเองทิ้งในทันที ความจริงเขารู้สึกตัวตื่นตั้งนานแล้ว ภาพที่เธอนอนดิ้นทุรนทุรายบนเตียงเขาก็มองเห็นอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก แต่ว่าที่ผ่านมาเรื่องเสแสร้งแกล้งป่วยเป็นการกระทำที่เสวี่ยชิงหยวนถนัดที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้หลงเชื่อเธอแม้ว่าทุกกิริยาจะสมจริงแค่ไหนก็ตาม ทว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจก็คืออาการตื่นตกใจ ราวกับว่าวันเวลาบนปฏิทินนั้นผิดปกติของเธอ หรือว่านี่จะเป็นผลข้างเคียงของดอกลำโพงที่เธอกินประชดเขาไปเมื่อวันก่อน ดอกลำโพงนั้นเป็นสมุนไพรที่หาได้ง่าย แต่กลับใช้ได้ยาก เพราะหากจัดการไม่ถูกวิธีจากสมุนไพรรักษาโรคก็จะกลายเป็นพืชพิษทำลายชีวิต หลี่อี้โจวนั้นเป็นนายทหารแพทย์ที่มีชื่อเสียงมาก ไม่เพียงถนัดช่ำชองในการรักษาโรคตามแบบแผนตะวันตก แม้แต่ศาสตร์สมุนไพรยาจีนเขาก็ถนัดแตกฉาน อาการผิดปกติของของเสวี่ยชิงหยวนเขาจึงสังเกตเห็นได้โดยทันที “นี่ฉันทะลุมิติมาเกิดใหม่ในอดีตอย่างนั้นเหรอ” ยิ่งได้ยินคำพูดของเสวี่ยชิงหยวน คิ้วเข้มของนายทหารแพทย์ก็ขมวดเข้าหากันแน่นมากขึ้น ดูแล้วหญิงสาวคงได้รับผลข้างเคียงจากดอกลำโพงจริงๆ จึงได้มีอาการแสดงทางระบบประสาทเช่นนี้ พลันภาพที่เธอนอนกุมศีรษะโอดครวญด้วยอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงก็เข้ามาในความคิด หรือแท้จริงแล้วเมื่อครู่เสวี่ยชิงหยวนไม่ได้เสแสร้ง “เสวี่ยชิงหยวน” เสียงเรียกจากทางด้านหลังเรียกสติและความสนใจของ ซ่งเจียซินให้หันกลับมามองเขา ทว่าทันทีที่ได้สบกับดวงตาคมหัวใจของซ่งเจียซินก็พลันสั่นไหวขึ้นมา สายตาหนักแน่นมั่นคงของเขาทำให้คนมองรู้สึกอบอุ่นและวางใจได้โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไร ไม่น่าเล่าเจ้าของร่างเดิมพบเจอเขาเพียงครั้งเดียวก็ตกหลุมรักอย่างโง่งมจนตัวตาย “คุณ... ตื่นแล้วหรือคะ” ซ่งเจียซินถามออกไปแล้วก็ได้แต่นึกกร่นด่าตนเอง คนเขาลุกขึ้นนั่งสนทนาชัดเจนยังต้องถามว่าตื่นหรือยังอีกหรือ “เอ่อ... ฉันหมายถึงคุณตื่นนานแล้วหรือคะ” หลี่อี้โจวมองดูหญิงสาวตรงหน้าแล้วยิ่งขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เสวี่ยชิงหยวนกลายเป็นหญิงสาวที่สงบเสงี่ยมเช่นนี้ ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเพียงเห็นเขาในระยะสายตาก็โถมตัวเขาหาเขาในทันทีหรือ “นานแล้ว อาการคุณเป็นยังไงบ้าง” “สบายดีแล้วค่ะ” “อย่างนั้นก็ดี ต่อไปก็อย่าทำเรื่องโง่ๆ เช่นนี้อีก” แม้ว่าคนที่เขาตำหนิจะไม่ใช่ตนเอง แต่เวลานี้คนที่อยู่ในร่างของเสวี่ยชิงหยวนก็คือเธอ ดังนั้นคำพูดของคนตรงหน้าซ่งเจียซินจึงไม่อาจไม่ยอมรับ “ค่ะ ต่อไปจะไม่ทำอีก” ว่าง่ายถึงขนาดนี้... หลี่อี้โจวจดจ้องคนที่ยืนประสานมือก้มหน้าหลบตาตรงหน้าด้วยความรู้สึกมั่นใจถึงแปดส่วนว่าเธอจะต้องได้รับผลข้างเคียงของดอกลำโพงอย่างแน่นอน เพียงแต่แทนที่ในใจเขาจะรู้สึกกังวล หลี่อี้โจวกลับรู้สึกยินดียิ่งนัก “ในเมื่ออาการคุณดีขึ้นแล้ว อย่างนั้นก็ลงไปข้างล่างกันเถอะ” “ค่ะ” มุมปากของหลี่อี้โจวยกขึ้นเล็กน้อย เสวี่ยชิงหยวนในตอนนี้ดูแล้วก็ไม่ได้น่ารำคาญเช่นเมื่อก่อนอีก “คุณจะไม่เปลี่ยนชุดสักหน่อยหรือไง?” ซ่งเจียซินได้ยินคำนั้นจึงรู้สึกตัว ก้มมองตนเองแล้วเบิกตากว้างยกมือขึ้นปิดหน้าอก งอตัววิ่งกลับไปบนเตียงในทันที ในตายเถอะ!เสวี่ยชิงหยวน เธอมันช่างน่าโมโหจริงๆ เสื้อผ้าแบบนี้ก็ยังกล้าใส่อีก หลี่อี้โจวเห็นอาการเขินอายของหญิงสาวก็อดที่จะขบขันในลำคอไม่ได้ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบชุดใหม่พร้อมผ้าเช็ดตัวมาวางที่ปลายเตียงให้อีกฝ่าย “รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ใกล้ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว” พูดจบคนก็เดินออกจากห้องไป ซ่งเจียซินใช้ผ้าห่มปิดปากแล้วกรีดร้องสุดแรง แม้ว่านี่จะไม่ใช่ร่างกายของเธอ แต่การถูกสายตาของหลี่อี้โจวมองเรือนร่างเกือบเปลือยเปล่าแบบนั้นก็ยากจะทำใจไม่ให้รู้สึกเขินอาย ใบหน้าของเธอแดงก่ำ หัวใจเต้นระส่ำราวกับจะหลุดออกมาจากอก เพียงแต่ยังไม่ทันควบคุมอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตนให้สงบ ประตูห้องก็ถูกกระชากเปิดออกจนเกิดเสียงดังสนั่นลั่นห้อง ซ่งเจียซินตกใจจนไหล่ยก มองไปทางประตูก็เห็นเด็กชายตัวน้อยหน้ากลมราวกับซาลาเปา ทว่าซาลาเปาน้อยคนนี้กับซาลาเปาน้อยคนก่อนหน้าแม้ใบหน้าเหมือนกันแต่สายตาและท่าทางกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง “นายคือ...” “คุณพ่อให้มาบอกว่ามีงานด่วนต้องกลับกรม หากไม่สบายตรงไหนก็ให้โทรไปแจ้ง” เด็กชายพูดจบก็หมุนตัวจากไปโดยไม่ตอบคำถาม ซ่งเจียซินขมวดคิ้วเรียวพยายามขบคิดถึงลักษณะของลูกเลี้ยงฝาแฝดทั้งสามคนของเธอ หากแต่ตั้งแต่ต้นจนจบในความทรงจำของเสวี่ยชิงหยวนกลับไม่สามารถแยกแยะเด็กแฝดทั้งสามคนได้เลย เสวี่ยชิงหยวน เธอช่างเป็นแม่เลี้ยงที่ประเสริฐจริงๆ อยู่ร่วมบ้านมาสองปีกลับจดจำพวกเขาไม่ได้เลยสักคน .......................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD