บทที่ 1 ฮูหยินรองท้ายจวน

1773 Words
เรือนท้ายจวนคุณชายอันตงหยาง เรือนเก่าที่แสนจะผุพัง สภาพที่จะพังได้ทุกเมื่อ แต่ว่าก็ไม่พังลงมา ไม่น่าเชื่อว่าที่จะเป็นพักของคน น่าจะเป็นที่เก็บฟืนเสียมากกว่า แต่สภาพรอบเรือนเต็มไปด้วยหญ้าสูงรกร้างไปหมด แต่โชคดีที่มีกำแพงไม้เก่าล้อมๆ รอบ มีประตูเข้าออก เหมือนเรือนทั่วไป ด้านหน้าทางเข้าเรือนมีสะพานข้ามสระให้ความร่มรื่นได้บ้าง เพราะเป็นสะพานที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมไปตามทางเรือนต่างๆ แต่ทว่าข้างสระน้ำ กลับมีผู้หญิงดรุณีน้อยคนหนึ่งนอนหมดสติอยู่ข้างสระ สภาพเนื้อตัวเปียก แต่เต็มไปด้วยโคลน มอมแมมจนจำแทบไม่ได้ว่าเป็นผู้ใด “คุณหนู คุณหนู อยู่ที่ใดเจ้าค่ะ" เสียงตะโกนเรียกของหญิงสาวรับใช้ดังขึ้นไม่หยุด ทั้งที่ยังวิ่งไม่หยุด บนสะพานเชื่อม เสียงที่ตะโกนเรียกของสาวใช้ดังไปทั่วทั้งเรือนน้อยใหญ่ ละแวกนั้น ทำให้คนมากมาย ไม่ว่าจะเจ้านายหรือสาวใช้ คนงาน ได้ออกมาตามเสียง “เหม่ยอิง เจ้าจะตะโกนเสียงดังทำไม ให้เป็นการรบกวนผู้อื่น” ฮูหยินเอกเอินลู่จิวได้เอ่ยถามอย่ารำคาญ เพราะนางได้นั่งจิบชาอยู่ที่ศาลากลางน้ำอยู่ก่อนแล้ว “ข้ามาตามหาฮูหยินเทียนเจ้าค่ะ ข้าไม่เห็นนางตั้งแต่สายๆ กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น” “ฮูหยินเทียนของเจ้าไม่ใช่เด็กสามขวบเสียหน่อย ใยต้องตามหากันให้วุ่น” พูดไปพลางจิบชาไป อย่างไม่รู้สึกรู้สา “เหม่ยอิง เจ้ามาทางนี้ ใช่ฮูหยินเทียนของเจ้าหรือเปล่า” เสียงคนงานคนอื่นเรียกอยู่ริมสระ เหม่ยอิงก็รีบหันกลับไปทางต้นเสียง แล้ววิ่งออกไปอย่างไม่รีรอ พอไปถึงที่ริมสระก็พบร่างที่แสนคุ้นเคย ถึงสภาพจะมอมแมมเพียงใด ไม่มีทางที่จะจำรูปร่างของคุณหนูของตัวเองไม่ได้ รีบเข้าไปพลิกตัวของคุณหนูตัวเองอย่างไม่รอช้า พอเห็นใบหน้าที่เคยสวยงามมาก่อน สภาพตอนนี้แทบไม่เหลือความงาม ใบหน้าซีดเชียว แทบไม่มีเลือดฝาด น้ำตาก็ไหลออกมาเป็นทางอย่างที่ช่วยไม่ได้ “คุณหนู คุณหนู ของเหม่ยอิง เหตุใดจึงเกิดเรื่องนี้กับคุณหนู” ฮื้อ... เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้อดังขึ้นไม่หยุด ร้องเหมือนใจจะขาด พอตั้งสติได้ เนื้อตัวคุณหนูยังอุ่นๆ ไม่ได้เย็น จึงรีบเอาปลายนิ้วชี้ไปไว้ตรงปลายจมูก ก็ได้พบว่าลมหายใจรวยรินมาก แสดงว่าคุณหนูยังไม่ตาย “พวกเจ้ารีบไปแจ้งพ่อบ้านให้ไปตามหมอมา แล้วพวกเจ้ารีบมาช่วยข้าพยุงฮูหยินเทียนกลับเรือน” สีหน้าของเหม่ยอิงเริ่มมีหวัง สาวใช้ คนงานคนอื่นที่มุงดูอยู่ในตอนแรกก็มีท่าทีที่เลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่าจะต้องช่วยดีไหม เพราะฮูหยินน้อยผู้นี้ไม่ได้เป็นที่โปรดปราน คุณชายเจียตงหยางสั่งให้มาอยู่เรือนผุพังท้ายจวน เหม่ยอิงที่เห็นท่าทางเหล่านี้ รู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมเลย ถึงคุณหนูจะเป็นฮูหยินรองก็เถอะ “พวกเจ้ามัวรีรออะไร ยังไม่รีบไปอีก ถึงยังไงคุณหนูของข้าก็เป็นถึงฮูหยินเช่นกัน ถ้าคุณชายเจียตงหยางกลับมา ข้าจะฟ้องให้หมด” เมื่อสิ้นเสียงของเหม่ยอิง สาวใช้ คนงานที่มีท่าทีเลิ่กลั่กก่อนหน้านี้ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เมื่อเหม่ยอิงพาคุณหนูถึงเรือนก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดตัวทำความสะอาด ห่มผ้าคลายความหนาว และรีบไปต้มน้ำรอหมอมาตรวจ เมื่อหนึ่งชั่วยามผ่านไปก็ไม่มีผู้ใดเข้ามาที่เรือนแม้แต่คนเดียว เหม่ยอิงก็เดินมาหน้าเรือน ชะเง้อรอท่า และสลับไปเช็ดตัวคุณหนูที่เหมือนจะมีไข้ขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ สองชั่วยามมาเยือนก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครแม้แต่คนเดียวผ่านมาที่เรือนอีก ตัวคุณหนูก็เริ่มกระสับกระส่าย เหงื่อก็ออกมากขึ้น ใจจริงเหม่ยอิงอยากจะไปตามหมอเอง แต่กลัวว่าใครดูแลคุณหนูที่ไข้ขึ้นขนาดนี้ ทั้งเรือนมีกันอยู่สองคนไม่มีสาวใช้ คนงานคนอื่น อีกด้านหนึ่ง เมื่อสองชั่วยามก่อน เอินลู่จิวที่มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น ก็ไม่รอช้า สั่งให้สาวใช้คนสนิทอย่างหนิงหนิง ไปเรียกทุกคนทั้งจวน มารวมตัวกันที่ชานเรือนหน้าจวน ที่เป็นเรือนใหญ่ของจวน เพราะนางรู้อยู่แล้วว่าวันนี้พ่อบ้านจะกลับเรือนตอนค่ำๆ เมื่อเห็นว่าทุกคนมารวมตัวกันหมดแล้ว ก็ได้ประกาศว่า “ข้าเอินลู่จิว ฮูหยินเอกของคุณชายเจียตงหยาง ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาในตอนนี้ เพราะอีกสามวันคุณชายก็จะเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว ข้าจึงอยากจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ แบ่งหน้าที่กันทำทั้งวันทั้งคืน อย่าได้หยุด ไม่งั้นจะไม่ทัน” พอทุกคนแยกย้ายไปทำงานที่ได้รับมอบหมายแล้ว สาวใช้คนหนึ่งพยายามมองไปทางประตูว่าพ่อบ้าน เมื่อไหร่ถึงจะกลับจวน พอผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว จึงรีบไปแจ้งแก่ฮูหยินจิวอีกรอบ แต่ผลที่ได้คือ “ไม่ใช่หน้าที่ของข้า เจ้าก็รอพ่อบ้านกลับมาสิ ข้ามีงานต้องทำอีกมาก” เหม่ยอิงรอจนค่ำ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครตามหมอมา รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีวี่แววเลย จนได้ยินเสียง “เหม่ย...อิง...” เสียงอันแหบแห้งของอันเฟยเทียน เหม่ยอิงได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็รีบไปจับมือ “คุณหนู ฟื้นแล้วเหรอเจ้าค่ะ” อันเฟยเทียนพอได้ยินเสียงตอบรับ ก็พยายามที่ลืมตาอันหนักอึ้ง แต่ว่าก็ได้เพียงหรี่ตาเท่านั้น “หิวน้ำ” เสียงแผ่วเบาเอ่ยอย่างหมดแรง เหม่ยอิงได้ยินเท่านั้นรีบประคองคุณหนูตัวเองขึ้น แล้วเอาน้ำให้จิบ พออันเฟยเทียนจิบน้ำก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง คอที่แห้งก็เริ่มมีเสียงขึ้นมา “เหม่ยอิง ข้าคิดว่าข้าคงไม่รอดแล้ว หลังจากที่ข้าไปแล้ว ให้เจ้ากลับไปยังจวนของท่านพ่อข้า อย่าอยู่ที่นี่ ข้าไม่สามารถที่จะปกป้องเจ้าได้อีกแล้ว...” สิ้นเสียงอันเฟยเทียนก็สิ้นใจ เหม่ยอิงได้เห็นเช่นนั้นก็ร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้อในทันที กอดร่างไร้วิญญาณไม่ยอมปล่อย จนไม่รู้ว่าตอนนี้ภายในเรือนมีแต่ความมืดมิด ก็ยังร้องไม่หยุด จนร่างกายของอันเฟยเทียนเริ่มจะเย็น เหม่ยอิงถึงได้รู้สึกตัว และทางด้านนอกเริ่มที่จะมืดแล้ว จึงเอามือปาดน้ำตา แล้วรีบเดินคล่ำทางไปจุดตะเกียง จึงได้รู้ว่าด้านนอกเริ่มมีเสียงดังจากการจัดไฟประดับเพิ่มขึ้น มีการประดับประดาโคมไฟนานาชนิดขึ้นมามากมาย เป็นภาพที่สวยงาม ปานอยู่สรวงสวรรค์ เป็นที่ที่คุณหนูชอบที่สุดของจวนแห่งนี้ แต่ตอนนี้คุณหนูกลับไม่สามารถเห็นได้อีกแล้ว คิดได้ดังนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาอีก จึงรีบหันไปมองคุณหนูที่นอนอยู่บนเตียง จู่ ๆ ก็เห็นแสงที่จ้าพุ่งเข้าสู่ร่างคุณหนู จนกระตุกร่างคุณหนูลุกขึ้นนั่ง แล้วล้มลงไปนอนเช่นเดิม เหม่ยอิงเห็นดังนั้นรีบเข้าไปจับตัวคุณหนู พบว่าตัวคุณหนูเริ่มอุ่นๆ เพื่อความแน่ใจ ยืนปลายนิ้วชี้ไปที่ปลายจมูก พบว่าลมหายใจกระทบปลายนิ้วอย่างสม่ำเสมอ เหมือนคนนอนหลับ ไม่รอช้าจึงรีบเขย่าคุณหนูอย่างแรง และแล้วอันเฟยเทียนก็ลืมตาขึ้น แล้วก็ลุกขึ้นมาพรวดพราด แล้วเอามือนวดขมับ เหม่ยอิงเห็นเช่นนั้นก็ตกใจท่าทีที่เปลี่ยนไปของคุณหนู จึงได้เอ่ยขึ้น “คุณหนูฟื้นแล้วเหรอเจ้าค่ะ” อันเฟยเทียนได้ยินเสียง จึงหันไปทางต้นเสียง ทำหน้างงงวยในหัวเกิดคำถามมากมาย ที่นี่ที่ไหน มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง จึงหันไปมองรอบๆ สภาพนี่ยิ่งกว่าเรือนคนใช้สมัยก่อนอีก ‘เรือนคนใช้’ อย่าบอกนะว่าโพล่มาอีกมิติหนึ่ง หรือย้อนอดีตอะไรทำนองนั้น โอวโน “ที่นี่ที่ไหน” “เรือนของคณหนูไงเจ้าค่ะ คุณหนูจำอะไรไม่ได้เหรอเจ้าค่ะ” “ข้าเป็นใคร” “คุณหนู เป็นฮูหยินรองของคุณชายเจียตงหยาง” “ห๊ะ!!!! ฮูหยินรอง แล้วทำไมถึงอยู่ที่ซอมซ่อแบบนี้” ไอทีคนนี้ต้องอึ้งกับอะไรก่อน ย้อนมาในอดีตแล้วเป็นฮูหยินรองของคุณชาย เจียตงหยางที่อยู่สภาพซอมซ่อแบบนี้ ฮูหยินรองแบบไหนกันรันทดมาก ไอทีคนนี้ต้องร้องไห้กับอะไรก่อน ตายจากโลกก่อนแล้วมาเกิดในร่างที่น่าสงสารอะไรเช่นนี้ “อือ... คือว่าคุณหนูแต่งเข้ากับจวนคุณชายเจียตงหยางมาได้ปีเศษแล้ว แต่ว่าไม่เป็นที่โปรดปราน ยังไม่ทันได้เข้าหอก็ถูกขับไล่ให้มาอยู่เรือนนี้เจ้าค่ะ” “หา!!!! ยังไม่ทันได้เข้าหอ ก็ถูกไล่มาอยู่ที่นี่ โคตรใจร้ายใจอำมหิตว่ะ” “คุณหนูจำอะไรไม่ได้เลยเหรอเจ้าค่ะ” “ข้าเหมือนคนตายแล้วเกิดใหม่จะจำอะไรได้เล่า แต่ก็ช่างเถอะ ไว้ค่อยๆ เล่าให้ข้าฟังก็แล้วกัน ตอนนี้ข้าหิวมาก มีอะไรให้กินมั้ง” “คุณหนูรอสักครู่นะเจ้าค่ะ เดี๋ยวเหม่ยอิงจะรีบไปทำให้เจ้าค่ะ” หลังจากที่เหม่ยอิงออกไป ไอทีคนนี้ก็ได้ยินเสียงดังเป็นระลอกมาจากข้างนอก เลยลุกจากเตียงเดินไปนอกเรือน ถือว่าสำรวจเรือนไปพลางๆ ตัวเรือนแทบจะพังเหล่ไม่พังเหล่อยู่แล้ว หญ้าขึ้นเป็นจำนวนมาก กำแพงที่ล้อมรอบอาณาเขตเรือน ถ้าไม่มีเถาวัลย์พยุงไว้ คงได้ล้มไปนานแล้วทางด้านนอกกลับพบว่ามีโคมไฟประดับตามสะพานสระน้ำ ‘ว้าว ที่นี่ก็สวยเหมือนกันนะ แต่ว่าเรือนนี้ถ้าเจอหน้ามรสุมคงได้พังมาเป็นแน่’ ไอทีคนนี้ปวดหัวเหลือเกิน ยังไงก็ต้องสู้กับที่นี่สักตั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD